ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงดลบันดาลให้ประสบแต่ความสุขเกษมสำราญ เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานและสุขภาพแข็งแรงและสัมฤทธิผลในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการ...สวัสดีปีใหม่...เข้าสู่ศักราชใหม่ 2563 “ปีชวด หรือหนูทอง” เริ่มต้นสิ่งใหม่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเหตุบ้านการเมือง และด้านวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ มีโอกาสเกิดความราบรื่นรุ่งเรือง หรือเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเช่นใด ในวงการโหราศาสตร์เมืองไทยต่างออกมาทำนายอนาคต...ในปรากฏการณ์ต่างๆ เหตุการณ์เมืองไทยนี้...ด้วยการใช้เวลาและตำแหน่งของดวงดาวต่างๆบนท้องฟ้า ผูกดวงตั้งต้นการทำนาย...ครานี้ขอเปิดตำราโหราศาสตร์ทำนายดวงเมืองไทยนี้ด้วย ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ มองว่า เรื่องโหราศาสตร์ คำทำนายการเมืองไทยนี้มีอยู่คู่กันมานาน และยังคงมีอิทธิพลในความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคมไทยมาตลอด...ในปี 2563 อธิบายตามโหราศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องของดวงดาว จะมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงตามห้วงเวลาอันล้ำลึก ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และภัยพิบัติตามตำราโหรบอกไว้ว่า...“ดาวมฤตยู” ย้ายโคจรเข้าสู่ “ราศีเมษ” ตั้งแต่ปี 2557 ในปีนั้นก็มีเหตุการณ์ความขัดแย้งทางความคิดการเมืองอย่างรุนแรง นำไปสู่การ “ยึดอำนาจ...รัฐประหาร” คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีการปฏิรูปประเทศหลายด้าน จนมาถึงปัจจุบันประเทศไทยต้องผ่านร้อน...ผ่านหนาวมามากมายหลายอย่างหนำซ้ำ...“ดาวมฤตยู” ยังคงอยู่ในช่วง “ราศีเมษ” ยาวไปถึงเดือน ก.ค.2565 ทำให้การเปลี่ยนแปลงยังดำเนินคงอยู่ อีกทั้ง “ดาวมฤตยู” มีการเคลื่อนทับลักขณาเมือง ในทิศทางองศาประชิดใกล้กันอย่างมาก ลักษณะนี้ทำให้การเมืองไทย ในปี 2563 ยาวไปถึงปี 2565 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงพลิกผันที่สำคัญมาก ถัดมาในต้นปีนี้...การโคจรของ “พระราหู” ในทิศตะวันตก เข้าอยู่ในราศีเมถุน หรือมิถุน จนถึงวันที่ 10 ก.ย.นี้...“ในภพที่ 3 สหัชชะ” หมายถึง คมนาคม ขนส่ง การสื่อสาร ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีการร่วมโครงการต่างๆที่รัฐบาลต่างทุบงบประมาณลงกับภพสหัชชะนี้...ทำให้ต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศซีกโลกตะวันออก เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เข้ามามีอิทธิพลสำคัญกับดวงบ้านเมืองค่อนข้างมาก แต่การที่พระราหู...ตั้งอยู่ภพที่ 3 แสดงถึงให้คุณประโยชน์ เรื่องการติดต่อ เจรจา ที่มีความสะดวกเรียบร้อย จนประสบความสำเร็จนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.2563...“พระราหู” เคลื่อนโคจรเข้าสู่ราศีพฤษภ ยาวถึงสิ้นปี 2564 ที่ตั้งอยู่ตำแหน่ง “ภพที่ 2” ซึ่งเป็นเรือนเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ในตำราเรียกว่า “พระราหูค้นทรัพย์” มีความหมายว่า มีการค้น การนำเงิน หรือทรัพย์สินเก่าสะสมออกมาใช้ ทำให้ในช่วงนี้จะมีการใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากมีทั้งเรื่องความจำเป็นและเรื่องที่ไม่จำเป็น...เกิดการสูญเสียงบประมาณมหาศาล...ในระหว่างนี้ “พระราหู” กลับเล็งตรงมายังทาง “ราศีธนู” ที่มี “ดาวพฤหัสบดี” หรือดาวศุภเคราะห์ หมายถึงดาวให้คุณมากกว่าให้โทษ และเป็นตัวแทนของซีกโลกตะวันตก โคจรตรงจุดอยู่ในช่วงเวลาเดียวพอดีที่เรียกว่า “การเผชิญหน้าระหว่างพระราหูและดาวพฤหัสบดี” มีความหมาย เรื่องความท้าทาย การต่อรอง มีการดึงและดันกันในระหว่างประเทศมหาอำนาจ 2 ขั้ว คือซีกโลกตะวันตกและซีกโลกตะวันออก เข้ามาเกี่ยวข้องส่งผลกระทบดวงเมืองไทย ที่ต้องเลือกขั้ว ต้องบริหารจัดการความเสี่ยงของประเทศให้ดีเพื่อรักษาความสมดุล เพราะหากเลือกผิด...ชีวิตก็เปลี่ยนทันทีเหมือนกัน...ทว่า...ดวงดาวบนท้องฟ้ามักไม่มีการอยู่นิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตามวิถี ตามอัตราการโคจร แต่ดวงดาวที่มีความสำคัญที่สุด ในปี 2563-2565 คือ...“ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์” เพราะเป็นตัวแทนแห่งการเปลี่ยนของยุคสมัยและโคจรอยู่ในตำแหน่ง “ราศีธนู” และในปี 2563 กลับมีการเปลี่ยนโคจรเข้าสู่ “ราศีมังกร” ด้วยในโหราศาสตร์โบราณ...ยุคก่อนสร้างเมือง มักสังเกตพิจารณาจาก “ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์” ในเรื่องการแบ่งยุคสมัยของดวงเมือง แต่ว่า “ดาวพฤหัสบดี” ถูกขนานนามว่า ดวงแห่งเทพพระเจ้า เป็นประธานฝ่ายดาวศุภเคราะห์ ส่วนดาวเสาร์ถูกจัดให้เป็นประธานของดาวบาปเคราะห์ ที่คนส่วนใหญ่กลัวดาวเสาร์กันมาก เมื่อ “ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์” โคจรตรงฉากกันพอดี จนเกิดการผสมผสานกลมกลืนกันระหว่างขั้วศุภเคราะห์และขั้วบาปเคราะห์ ยกตัวอย่าง...มุมมองทางการเมือง ดาวพฤหัสบดี...คือกลุ่มเสรีนิยม คนยุคใหม่ หรือกลุ่มฐานะร่ำรวย ส่วนดาวเสาร์ คือกลุ่มอนุรักษนิยม คนฐานะยากจนด้อยการศึกษาแต่กลับมาตั้งฉากเจอกัน...ในช่วงของการผสมให้เกิดความกลมกลืนกันลงตัวกันนี้ ต้องมีความขัดแย้งค่อนข้างรุนแรงในปี 2563 อาจต่อเนื่องไปถึงปี 2564 ด้วยซ้ำ เพราะ ดาวพฤหัสบดี มีการโคจรข้ามราศีใช้เวลา 1 ปี และ ดาวเสาร์ ใช้เวลา 2 ปี 6 เดือน แม้ว่าตอนนี้ดาว 2 ดวง โคจรอยู่ตำแหน่ง “ราศีธนู” มีองศาไม่ประชิดกันมากนักตามปฏิทินสุริยยาตร์ดาว 2 ดวงนี้โคจรมาอยู่ในตำแหน่งตรงฉากเห็นเป็นดวงเดียว คือ ครั้งที่หนึ่ง...วันที่ 23 ก.ค. ครั้งที่สอง...วันที่ 20 ต.ค. ครั้งที่สาม...วันที่ 21 ธ.ค. ที่เป็นปรากฏการณ์ The Great Conjunction ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ทุกด้าน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลด้วยสิ่งสำคัญเป็นการตั้งฉากในปีเดียวกันถึง 3 ครั้ง ที่ไม่เคยเกิดปรากฏการณ์นี้มานานกว่า 397 ปี แต่เคยเกิดในยุคแห่งกรุงศรีอยุธยา ที่มีความรุ่งเรืองด้านศาสนา แต่ก็มีความวุ่นวายทางการเมืองรุนแรง“สะท้อนให้เห็นด้านการเมืองนี้จะมีเหตุการณ์แตกแยกทางความคิดกัน แบ่งเป็น 2 ขั้ว หรือ 3 ขั้ว...นำมาสู่การเคลื่อนไหว และมีการโต้ตอบของแต่ละฝ่ายอย่างรุนแรง มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้เกิดปัญหาด้านการเงิน การคลัง จนกระทบต่อประชาชน” ภิญโญ ว่า ประเด็นที่น่าเป็นห่วงที่สุด...“เรื่องอุบัติภัยและภัยธรรมชาติ” ตามตำราโหราศาสตร์ ระบุถึง “ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์” มีความสัมพันธ์กันครั้งนี้...โลกจะเกิดความโกลาหล มักเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด มีอุบัติภัยมากกว่าปกติโดยเฉพาะในช่วงต้นปีมีการโคจรอยู่ตำแหน่งธาตุไฟ คือราศีธนู ต้องระวังเรื่องของไฟ เมื่อโคจรมาอยู่ตำแหน่งธาตุดิน คือราศีมังกร ก็ต้องระวังเรื่องของดิน เช่น แผ่นดินไหว ดินโคลนถล่มตามปกติโลก...มีการเกิดดวงจันทร์ มีความหมายถึง...ประชาชน จิตใจ ความรู้สึก ความเป็นอยู่ และมาตรงฉากตรงกับ “ดาวเสาร์” โคจรมาอยู่ในตำแหน่ง “ราศีมังกร” ทำให้เกิดความตรึงเครียด ที่มักเกิดความทุกข์ นำมาสู่ความเป็นอยู่ด้วยความยากลำบาก ควรต้องระวังการใช้ชีวิตและการใช้จ่ายให้มากขึ้นอย่างไรก็ดี “ดวงดาว”...ย่อมมีการเคลื่อนตัวไปข้างหน้าตลอดเวลา ทำให้เหตุการณ์บางอย่างเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ก็ยังมีข้อดีบ้าง...สามารถมองเห็น “ดาวพฤหัสบดี” มีความหมาย...คุณธรรม จริยธรรม การศึกษา ศาสนา การแพทย์ ซึ่งประชาชนจะได้รับความสะดวกสบายในเรื่องนี้มากขึ้นกว่าเดิมดังนั้น ในปี 2563 นี้ การเมืองยังคงย่ำแย่ ทำให้มีผลต่อด้านเศรษฐกิจ ที่ต้องระมัดระวังเรื่องของหนี้สินต่างๆ ทั้งหนี้ภาครัฐ หนี้สินครัวเรือน ซึ่งประชาชนยังมีความเป็นอยู่ลำบาก ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนกันต่อไป ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายให้น้อยลง ไม่ควรประมาท ต้องคิดหาแผนสำรองไว้คอยรับมืออยู่เสมอหากเปรียบเทียบกับทุกปีก่อนหน้านี้...ก็ถือว่าในปีนี้ต้องมีความระวังให้มากที่สุด เพราะมีปัญหาการเมือง กำลังก่ออุณหภูมิความร้อนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้อาจเกิดความรุนแรง ที่จะมีความเลวร้าย ตามการไล่ล่าของดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ มาทันประชิดกันครั้งนี้ในรอบ 60 ปี นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหลายด้าน...ถ้าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่...มาเตือนๆกันไว้ก่อน...“ล่วงหน้า”...จะจริงตามคำนายหรือไม่ ต้องพิจารณารอดูกันต่อไป...