เทคโนโลยีก้าวล้ำไม่ทันความจน ออนไลน์ไวยังไงก็ไม่เท่าความหิวปากท้อง บทสรุปตามปรากฏการณ์เสียงเจี๊ยวจ๊าว สถานการณ์วุ่นๆโปรโมชัน “ชิมช้อปใช้” ของรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง ที่ขลุกขลักๆสะดุดปัญหาเชิงเทคนิค ทั้งระบบแอปพลิเคชันที่ไม่เสถียร เชื่อมโยงเครือข่ายล่าช้า ห้างสรรพสินค้า ร้านโชห่วยที่เข้าร่วมโครงการ มีการบริหารจัดการไม่พร้อม จุดบริการไม่เพียงพอ
มันก็ต้องค่อยๆแก้ไข ล้อกันไปกับปัญหาเฉพาะหน้า
กับยุคที่คนไทยใช้ “กูเกิล” เป็นกันแล้ว ยุค 4.0 ยังติดๆขัดๆแต่แนวโน้มกำลังข้ามช็อตไปเข้าโซนยุค 5.0
เรื่องของเรื่อง ผลจากมาตรการ “ชิมช้อปใช้” จะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้สำเร็จมากน้อยแค่ไหน ต้องรอวัดผลตอนเศรษฐกิจหมุนครบรอบ แต่สำหรับผลทางการเมืองมันมีคำตอบแล้ว
“ชิมช้อปใช้” ทำแต้มให้รัฐบาล “เข้าเป้า” อย่างจัง
ฟ้องจากอาการนั่งไม่ติดของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุงพรรคเพื่อไทย ต้องขนทีมเดินตลาดสำเพ็ง เยาวราช ประกอบน้ำหนักยุทธการเบิ้ลบลัฟดิสเครดิตมาตรการรัฐบาล อ้างร้านค้า ผู้ประกอบการรายย่อยไม่ได้ประโยชน์แต่อย่างใด
ไหลเข้าเหลี่ยมมุกเก่า “อัดเงินเข้ากระเป๋าเจ้าสัว”
ก็เลยเจอทีมรัฐบาลสวนหมัดกลับ หลับหูหลับตา “ลุยถั่ว” ค้านตะบี้ตะบัน
ขณะที่ภาพข่าวรายวัน ประชาชนจำนวนมากต่อแถวจับจ่ายใช้เงินที่รัฐบาลมอบให้ 1,000 บาท โลกโซเชียลมีเดียแห่แชร์กระแสความฮอตของมาตรการชิมช้อปใช้ ผู้คนยอมอดตาหลับ ขับตานอนแย่งกันลงทะเบียน สมัครใช้สิทธิผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
...
ยืนยันความสำเร็จด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าว กระแสตอบรับอื้ออึง
ซึ่งนั่นก็ไม่แปลกที่รัฐบาลจะเบิ้ลเครื่องอัดฉีดต่อเนื่อง อย่างที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ สั่งให้กระทรวงการคลังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ทั้งประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจากเดิม 10 ล้านคน และวงเงินที่กำหนดไม่เกิน 19,000 ล้านบาท เพราะประชาชนจำนวนมากสนใจ
ประกอบกับเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนใกล้เข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวปลายปี
ส่งลูกให้นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ที่ส่งทีมเดินสำรวจมาตรการชิมช้อปใช้ที่ตลาดน้ำดอนหวาย จังหวัดนครปฐม ปรากฏได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี ประชาชนนำเงินที่ได้รับจากแอปฯ เป๋าตังมาใช้กันอย่างคึกคัก ผู้ประกอบการก็ยินดีที่รัฐบาลมีมาตรการดังกล่าว อยากให้ขยายระยะเวลาเพิ่มมากขึ้น
สัญญาณบวก มาตรการรัฐบาลมี “รีแอ็กชัน” ตอบรับอย่างมีนัยสำคัญ
ในภาวะเศรษฐกิจภายนอกประเทศส่อแววรอ “เผาจริง” ตามข้อมูลจากนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง ในฐานะเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจ เปิดเผย การประชุมคณะอนุกรรมการติดตามภาวะเศรษฐกิจล่าสุด พบว่าเศรษฐกิจชะลอตัวกว่าที่คาด เพราะการส่งออกไม่ฟื้น และเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคมไม่ดี ไตรมาส 3 ต้องประเมินอีกทีว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวมากน้อยเพียงใด
ยามโลกคับขัน ไทยต้องพึ่งการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในเป็นหลัก
ในจังหวะยุทธศาสตร์แก้ปากท้อง การประคองเศรษฐกิจฐานราก “คลำเป้า” มาถูกทาง
แต่ที่คืบหน้าไปเกินครึ่งทางแล้วก็คือ การวางโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ในภาพใหญ่ รองรับการพัฒนาการทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว เพื่อให้ไทยก้าวทันโลกอนาคต
ล่าสุด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ไล่จี้ที่ประชุมบอร์ดอีอีซี วางกรอบส่งมอบที่ดินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินให้จบ
เร่งเมกะโปรเจกต์ในอีอีซีขยับเดินหน้าเสร็จตามกำหนดทุกมิติ
ในอารมณ์ที่ “เดอะโอ๋” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ย้ำชัดๆรัฐบาลอยากให้สำเร็จ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แต่ทุกเรื่องที่อยู่ในพื้นที่อีอีซี สิ่งเหล่านี้จะทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความมั่นใจได้ โครงการนี้เป็นโครงการที่มีความสำคัญของประเทศไทย
หากเปรียบเทียบดูในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มีโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด แต่สมัยนี้มีโครงการอีอีซีที่ถือเป็นผลงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
ข่าววงใน ไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน “เปิดหวูด” ทันเดดไลน์วันที่ 15 ตุลาคมนี้
อีกด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ก็เดินสายเชิญรัฐมนตรีเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (เมติ) ตอบรับคำเชิญ นำคณะนักธุรกิจของญี่ปุ่นมาเยือนไทย เพื่อดูความพร้อมและโอกาสทางการค้าและการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ถือเป็นรอบที่สองหลังก่อนหน้าในรัฐบาลชุดก่อน ทีมเมติก็ขนชุดใหญ่มาตามคำเชิญของนายสมคิด
เศรษฐกิจทั้งการวางยุทธศาสตร์ภาพใหญ่และการกระตุ้นฐานราก เดินหน้าอย่างมีทิศทางเป็นระบบ
อย่างน้อยก็ “ใจชื้น” ในภาวะที่การเมืองยังจ้องรบกันไม่เลิก.
ทีมข่าวการเมือง