ความสำคัญของ การเลือกคณะกรรมการบริหาร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ คงไม่ใช่แค่การบริหารจัดการภายในพรรคที่จะหนีให้พ้นกับดักการเมืองอย่างไรเท่านั้น

แต่หมายถึงอนาคตพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลด้วย

การเข้าร่วมรัฐบาลในที่นี้น่าจะหมายถึงการเข้าร่วม รัฐบาลกับ พรรคพลังประชารัฐ และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯต่อไปอีกหรือไม่

เพราะฉะนั้นการเสนอชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในรอบนี้จึงเท่ากับเป็นการชี้ชะตาอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง ตามข่าวแล้ว แคนดิเดตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มีอยู่ด้วยกัน 3-4 คน ได้แก่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค กรณ์ จาติกวณิช ประธานนโยบายพรรค พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองหัวหน้าพรรค หรือชื่อของ อภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.

ดูเหมือนว่าทั้ง พีระพันธุ์ และ อภิรักษ์ จะถนอมเนื้อถนอมตัว ไม่ต้องการจะเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคในยามหน้าสิ่ว หน้าขวาน เหลือแค่ จุรินทร์ กับ กรณ์ ที่จะต้องชิงดำกัน

เป็นมวยถูกคู่

ในเมื่อฐานเสียงของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในพื้นที่ภาคใต้มากที่สุด การรณรงค์หาเสียงจากพี่น้องชาวใต้จึงเป็นเป้าหมายที่สำคัญ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กรณ์ ลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อดูแลปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ เป็นสัญญาณว่า กรณ์ เองก็พร้อมที่จะชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ถ้า กรณ์ จะลงชิงหัวหน้าพรรค ก็ต้องมีผู้ช่วย ลำพังกรณ์เองไม่มีทางที่จะเอาชนะฐานสมาชิกจากภาคใต้ของ จุรินทร์ ที่ถือว่าเป็นลูกหม้อประชาธิปัตย์ภาคใต้โดยตรง

กองหนุนที่สำคัญคงไม่พ้น ถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส. ที่เคยเกือบกระชากเก้าอี้หัวหน้าจาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาให้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ได้สำเร็จ

ครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ความเข้มข้นของ กปปส.อีกรอบ

...

แต่นั่นหมายถึง ตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องชื่อ ถาวร เสนเนียม เช่นกัน และไม่ต้องไปคาดเดาให้เมื่อยตุ้มว่า ประชาธิปัตย์ จะสนับสนุนใครเป็นนายกฯและเข้าร่วมรัฐบาลกับฝ่ายไหน

แบเบอร์อยู่แล้ว

แต่ถ้าการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเที่ยวนี้ยังเป็นของกลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ขั้ว ชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค การตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลก็ต้องคิดหนัก ซึ่งจะส่งผลถึงอนาคตของประชาธิปัตย์และอนาคตของประเทศโดยตรง

ไปต่อหรือถอยหลังลงคลอง.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th