คุณอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. แถลงตัวเลข ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดทั่วประเทศ วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม มีผู้ลงทะเบียน 2.6 ล้านคน มีผู้ไปใช้สิทธิคิดเป็น 86.98% หลายแห่งประชาชนไปใช้สิทธิเกิน 90% เห็นตัวเลขแล้วก็ชื่นใจครับ คนไทยตื่นตัวประชาธิปไตยมากมายขนาดนี้ หลังจากที่ว่างเว้นการเลือกตั้งมานานถึง 8 ปี ที่ประทับใจอย่างยิ่งก็คือ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี นั่งวีลแชร์และใส่ท่อออกซิเจนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
ปรากฏการณ์ใหม่นี้ เกิดขึ้นทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร เป็นการตื่นตัวครั้งสูงสุดของคนไทยที่ไปออกเสียงเลือกตั้ง นับตั้งแต่มีประชาธิปไตยมา 87 ปี
กรุงเทพมหานคร ที่มีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งแพ้คนต่างจังหวัดมาตลอด ครั้งนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าสูงถึง 87.22% กว่า 810,000 คน จากผู้ลงทะเบียนกว่า 929,000 คน เขตที่ทำสถิติผู้ไปใช้สิทธิสูงสุด อันดับ 1 เขตบางกอกใหญ่ 92.70% อันดับ 2 เขตสัมพันธวงศ์ 91.86% อันดับ 3 เขตพญาไท 91.62% อันดับ 4 เขตปทุมวัน 90.89% อันดับ 5 เขตบางคอแหลม 90.80% ที่เหลือ 80% ขึ้นไปทุกเขต
บัตรเลือกตั้งล่วงหน้าจะถูกส่งทางไปรษณีย์กลับไปยังเขตเลือกตั้งของผู้ใช้สิทธิ เพื่อนับคะแนนรวมกันในวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม
การเลือกตั้งล่วงหน้าที่คึกคักทั่วประเทศ ส่งผลให้ “ขั้วการเมือง” มีการ “พลิกผัน” ไปจากเดิม มีข้อมูลจากพรรคการเมืองที่ไปสุ่มตัวอย่างผู้ออกเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าวิเคราะห์ว่า พรรคเพื่อไทยยังครองเสียง ส.ส. เขตเป็นอันดับ 1 แต่อาจไม่ได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคที่มาแรงแซงโค้ง พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 กลายเป็น พรรคพลังประชารัฐ ของ นายกฯตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ยังไม่สามารถแซงพรรคเพื่อไทยขึ้นเป็นอันดับ 1 ได้ แค่นี้พรรคพลังประชารัฐก็พอใจอย่างยิ่งแล้ว
...
ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาแบบนี้ โอกาสที่ พรรคพลังประชารัฐ จะเป็น แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น โอกาสที่ พรรคประชาธิปัตย์ จะเข้า ร่วมรัฐบาลผสม กับ พรรคพลังประชารัฐ อย่างที่ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศไปล่วงหน้า ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แต่ไม่ปิดกั้นการร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ก็เริ่มมองเห็นชัดเจนขึ้นเช่นเดียวกัน
การสุ่มข้อมูลของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งล่วงหน้าครั้งนี้ ยังพบ ข้อมูลใหม่ อีกว่า พรรคอนาคตใหม่ ของ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีคะแนนเสียงพุ่งขึ้นอย่างมากและจะมี ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในตัวเลขที่ฝ่ายสืบทอดอำนาจเห็นแล้วตกใจ อาจจะมากกว่าตัวเลขที่เคยประเมินถึงเท่าตัวเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ เพจนิสิตรีวิว ก็เคยเปิดเผย ผลโพลภายในของนิสิตจุฬา พบว่า นิสิตจุฬาอายุ 18 ปีขึ้นไป จะเลือก พรรคอนาคตใหม่ 70.8% พรรคเพื่อไทย 16% พรรคประชาธิปัตย์ 6.7% พรรคพลังประชารัฐ 3.5% อยากได้ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกฯ 53.8% คุณชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ 23.7% พล.อ.ประยุทธ์ 5.2%
ข้อมูลที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้พรรคการเมืองใหญ่ เช่น เพื่อไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ชาติพัฒนา ฯลฯ ต้องปรับแผนหาเสียงใหม่ เพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงอีก 48.8 ล้านคน จาก 51.4 ล้านคน (ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้ว 2.6 ล้านคน) ในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคมนี้ ถ้าไปใช้สิทธิ 80% ก็เป็นคะแนนเสียงถึง 39 ล้านเสียง
พรรคอนาคตใหม่ เพิ่งจะ มาแรงเดือนเศษเท่านั้น เหมือน ยิ่งตีคะแนนยิ่งเพิ่ม
แต่ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร สุดทางโค้ง ก็ยังเป็นไปอย่างที่ผมได้วิเคราะห์ไปแล้วเมื่อวันจันทร์ “พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ” อยู่ดี แต่รัฐบาลผสมแบบนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป.
“ลม เปลี่ยนทิศ”