ประยุทธ์ประกาศชัด วงสัมมนา-2พันคน อภิสิทธิ์ชูวาระผู้หญิง พท. 4ล้อพ้นหล่ม ศก.

“บิ๊กตู่” จ่อร่วมทริปหาเสียง-ปราศรัยช่วย พปชร.ฝ่าย เสธ.เตรียมแผนลงสนามนอกเวลาราชการ สวมเชิ้ตไร้โลโก้พรรค-ตราราชการ ใช้รถส่วนตัว ทีม รปภ.นอกเครื่องแบบคุมเข้ม 24 ชม.“วิษณุ” โต้กลับไปกลับมา รับนายกฯเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ได้ยกเว้น ม.98 (12) ข้าราชการการเมืองเป็นผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯได้ โบ้ยใครสงสัยตำแหน่ง หน.คสช.ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ “อุตตม” จัดคิวให้โชว์ตัวเวทีโคราช ปิดท้าย กทม. “สนธิรัตน์” ปลื้มตัวช่วยเติมเต็มจุดบอด พท.ตีปี๊บแผนเร่งด่วน “ชัชชาติ” ใช้ 4 ปีซ่อมพร้อมสร้าง ซิ่งโฟร์วีลฯดึงประเทศพ้นหล่ม เพิ่มมูลค่าท่องเที่ยว 3.3 ล้านล้านบาทใน 4 ปี “เจ๊หน่อย” ลั่นแก้เศรษฐกิจใน 180 วัน “เรืองไกร” งัดหนังสือ ป.ป.ช.-กฤษฎีกามัดนายกฯตู่ ย้อนรับเงินหลวงในฐานะอะไร “จตุพร” ดักคอทิ้งปมเคลือบแคลงถ้าแพ้ล้มเลือกตั้งเป็นโมฆะ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติหลังลาหยุดงานไปรักษาดวงตา ระบุกำลังหารือเรื่องการร่วมขึ้นเวทีปราศรัยและเดินสายหาเสียงกับพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่แกนนำพรรค พปชร.เผยเตรียมจัดคิวให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปโชว์ตัวที่แรกบนเวทีปราศรัยที่ จ.นครราชสีมา บ้านเกิดนายกฯ และปิดท้ายที่กรุงเทพฯ

...

“ประยุทธ์” ลุยงานต่อหลังรักษาตา

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 มี.ค. ที่ห้องรอยัล จูบีลี่ บอลรูม อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีเปิดงานสัมมนา “Thailand’s Investment Year-What's New?” จัดโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและผู้ร่วมงานกว่า 2,000 คน โดยนายกฯกลับมาทำงานปกติหลังลางานไปเช็กร่างกายและรักษาดวงตาเมื่อวันที่ 1 มี.ค. โดยสวมแว่นกันแดดเดินทางมายังเมืองทองธานี เมื่อมาถึงได้เปลี่ยนสวมแว่นตาออโต้เลนส์แทน แต่เมื่อขึ้นเวทีกล่าวคำเปิดงานได้ถอดแว่นออก ภายในห้องได้ปรับแสงไฟลดลง โดยนายกฯกล่าวว่าขอโทษที่วันนี้พูดไม่ค่อยคล่อง เพราะยังมีอาการเจ็บตาอยู่ ต้องระวังตานิดนึง

ปัดสืบอำนาจแต่ต่อยอดพัฒนาชาติ

ขณะที่นายกฯกล่าวเปิดว่า สิ่งที่เกิดใน 4-5 ปีนี้จะทำให้เห็นอนาคต หากคนไทยทำหน้าที่ตัวเองอย่างเต็มที่ อนาคตประเทศสดใสแน่ ปัจจุบันเราอยู่ช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ จากโครงสร้างการบริหารแบบเดิมๆ เดินหน้าไปสู่การปฏิรูปสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ แผนยุทธศาสตร์ 20 ปี แผนแม่บท 5 ปี ไม่ใช่เพื่อตนหรือทหาร ไม่ใช่ตนและรัฐบาลจะสืบทอดอำนาจ แต่เพื่อต่อยอดพัฒนาประเทศไปวันข้างหน้า ด้วยสองมือที่แข็งแรง ตราบใดที่รัฐบาลทำงานอยู่จะสานต่อสิ่งเหล่านี้ต่อไป รัฐบาลต่อไปต้องทำต่อเนื่อง อย่าให้ใครมาบิดเบือนสิ่งที่เราทำเพื่อประเทศ อยากให้นักลงทุนเห็นรอยยิ้มของคนไทย ยิ้มของตนยิ้มด้วยความเต็มใจ อาจยิ้มน้อยแว้บเดียว เราจะดูแลทุกคนให้ดีที่สุด สิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้ รัฐบาลต่อไปมาทำต่อได้เลย ได้วางไว้ให้หมดแล้วทั้งกฎหมาย ยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บท 5 ปี ไม่มีใครมาล้มได้ เว้นแต่ทำให้ดีกว่าเดิม

ปล่อยซิงเกิลลำดับที่ 8 “วันใหม่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทันทีที่นายกฯเข้ามาในห้องฝ่ายจัดงานได้เปิดเพลง “วันใหม่” เพลงลำดับที่ 8 ที่ พล.อ.ประยุทธ์แต่งคำร้อง ขับร้องโดย ร.ต.พงศธร พอจิต และ จ.ส.ต.เชิดศักดิ์ ฤทธิกรกูล มีเนื้อร้องว่า “เฝ้าใฝ่ฝัน วันใหม่มาถึง ให้ตราตรึง ประวัติศาสตร์ชาติไทย สู่เส้นทาง ประชาธิปไตย เพื่อพี่น้องคนไทยทุกคน ความหวังให้ชาติของเราสดใส ความหวังให้พี่น้องไทยสุขสบาย ความหวังที่มีในใจ ส่งถึงใจทุกดวงใจ ให้รู้ว่าไทยไม่เคยหมดหวัง วันใหม่ของไทย กำลังจะมาให้ชื่นใจ ให้เราแก้ไข วันวานที่เคยผิดพลั้ง คือวันที่เราต้องรวมพลัง อย่าให้ใครเข้ามาทำให้ไทยต้องถูกทำร้าย วันใหม่ของไทย จะต้องเรืองรองสดใส เมื่อเราทุกคน ได้ทำหน้าที่ที่ภูมิใจ แผ่นดินนี้ บ้านเรานี้ ต้องรักชาติ ต้องรักษากันเอาไว้ ด้วยหัวใจไทยทุกคน”

“สมคิด” มั่นใจ “บิ๊กตู่”กลับมาแน่

ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯกล่าวปาฐกถาหัวข้อ “ปีแห่งการลงทุน : เปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาส” ว่า ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมือง 5 ปีที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ต้องการยุติความสับสนวุ่นวายประเทศย่ำแย่ สังคมไทยทะเลาะเบาะแว้งให้กลับมาเป็นปกติ ไม่ใช่เพื่อยึดอำนาจ แต่เข้ามารักษาความสงบนำประเทศไปสู่ปกติ 5 ปีก่อนเขาล้อไทยเป็นคนป่วยแห่งเอเชีย ผ่านมา 5 ปี ไทยพลิกโฉมใหม่มีการลงทุน มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ที่มาสู่จุดนี้ได้ และมีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แบบนี้ใช่การสืบทอดอำนาจหรือไม่ ขณะที่หลังการเลือกตั้งนักลงทุนยังกังวลว่าสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำมาจะต่อเนื่องหรือไม่ เงินลงทุนจะสูญหายหรือไม่ การเมืองในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร จะบอกว่าท่ามกลางการขายฝันลมๆแล้งๆมากมาย 5 ปีที่ผ่านมาเป็นความจริง คนไทยไม่โง่ เพราะฉะนั้นมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมา

กำลังดูร่วมหาเสียง–ปิดทุกมุมร้องเรียน

ต่อมาเวลา 09.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆก่อนเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาลถึงอาการเจ็บตาว่าต้องดูแลอีกระยะหนึ่งนะ เมื่อถามว่าจะไปลงพื้นที่หาเสียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่ากำลังดูอยู่นะ กำลังหารืออยู่ เมื่อถามย้ำว่าจะไปที่เวทีปราศรัยโคราชด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าขอดูก่อนนะ ขอหารือก่อน ทั้งนี้การปราศรัยใหญ่ครั้งแรกที่ จ.นครราชสีมา วันที่ 10 มี.ค.ทีมงาน พล.อ.ประยุทธ์และฝ่ายกฎหมายพรรคระมัดระวังอย่างเต็มที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกร้องเรียนผิดกฎหมายเลือกตั้ง เบื้องต้น พล.อ.ประยุทธ์จะสวมเสื้อเชิ้ตธรรมดาไม่มีโลโก้พรรคพลังประชารัฐ หรือตราราชการ เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ส่วนตัว ขณะที่การรักษาความปลอดภัยจะปฏิบัติเช่นเดียวกับอดีตนายกฯในรัฐบาลที่ผ่านมา ยังถือว่าเป็นนายกฯตลอด 24 ชั่วโมง จัดกำลังดูแลพื้นที่ทั้งชั้นใน ชั้นนอกและจุดเสี่ยง โดยแต่งกายนอกเครื่องแบบทั้งหมด

อ้อนสื่อตาข้างซ้ายยังเจ็บอยู่

ต่อมาเวลา 16.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังเสร็จสิ้นภารกิจตลอดทั้งวัน นายกฯได้ลงจากตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อเดินทางกลับ โดยก่อนขึ้นรถนายกฯได้โบกมือทักทายผู้สื่อข่าวที่มาดักรออยู่บริเวณสนามหญ้าทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้พยายามตะโกนถามนายกฯว่าอาการเจ็บตาหายดีแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่ชี้ไปที่ตาข้างซ้ายเท่านั้น

“วิษณุ” รับนายกฯเป็น จนท.รัฐแต่ได้ยกเว้น

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อโต้แย้งหลายฝ่ายเรื่องสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ว่า จะไม่ไปตอบโต้ แต่จะอธิบายคำว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมี 2 ความหมายที่ใช้ในรัฐธรรมนูญคือ 1.เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นความหมายทั่วไป และ 2.เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นความหมายตามมาตรา 98 (15) สำหรับความหมายทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นตน รองนายกฯคนอื่นหรือนายกฯล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่เคยบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ท่านเป็นตามมาตรา 98 (12) เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯจึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่เคยพูดกลับไปกลับมา แต่ที่มีคนบอกว่าถ้าเช่นนั้นนายกฯก็ลงสมัครหรือรับการเสนอชื่อไม่ได้มันไม่ใช่ รัฐธรรมนูญเขายกเว้น ท่านเป็นข้าราชการการเมือง แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 98 (12) ระบุไว้ว่าคนที่จะสมัคร ส.ส.หรือ ส.ว.หรือผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ จะต้องไม่ขัดกับมาตรา 98 (12) ที่เขียนว่าจะต้องไม่เป็นข้าราชการ ยกเว้นข้าราชการการเมือง ซึ่งนายกฯเป็นข้าราชการการเมือง ฉะนั้นจึงได้รับการยกเว้นว่าสามารถเสนอชื่อนายกฯคนปัจจุบันเป็นว่าที่นายกฯได้ แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตรานี้

หน.คสช.ใครสงสัยโยนส่งตีความ

นายวิษณุกล่าวว่า ปัญหาต่อไปคือกรณีตามมาตรา 98 (15) ที่เขียนว่าต้องไม่เป็นลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อนายกฯเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา 98 (12) ก็ไม่ต้องมาพูดเรื่องตามมาตรา 98 (15) ปัญหาจะมีเกี่ยวกับตำแหน่งหัวหน้า คสช.อีกว่าหัวหน้า คสช.เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ ตนตอบไปแล้วว่าความคิดของตนมาตรา 98 (15) ระบุว่าจะต้องไม่เป็นพนักงาน ลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ เคยมีคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2543 วินิจฉัยว่าคำว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐในมาตรา 98 (15) นี้ไม่ได้หมายความถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐทั่วไปทั้งหลาย เจ้าหน้าที่ทั่วไปนั้นอยู่ในวงเล็บอื่นหมดแล้ว ตำแหน่งใน คสช.ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง ก็ไม่ได้รับการคุ้มครอง อาจคิดกันว่าเมื่อไม่ได้เป็นข้าราชการก็ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ แต่จะมาติดตรงมาตรา 98 (15) ต้องมาตีความกันในมาตรานี้ คราวนี้สุดแล้วแต่จะไปแปลหรือตีความกัน ถ้าใครสงสัยก็ส่งให้ กกต.หรือศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตนจะตอบถูกหรือผิดไม่แปลก แต่ไม่สามารถถือเป็นคำวินิจฉัยได้

รปภ.ติดตัวได้–ห้ามใช้รถหลวง

นายวิษณุกล่าวอีกว่ากรณี กกต.ตอบกลับพรรคพลังประชารัฐให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นปราศรัยหาเสียงได้ว่า สิ่งที่นายกฯต้องระมัดระวังคือต้องไปช่วยนอกเวลาราชการและระวังเนื้อหาการพูด ไม่เป็นลักษณะให้หรือไม่สัญญาว่าจะให้ ไม่ขู่เข็ญ ไม่พาดพิง ไม่ใส่ร้ายพรรคอื่น และต้องระวังเรื่องที่บอกว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องวางตัวเป็นกลาง จะต้องไม่ใช้ตำแหน่งในการจะทำให้ใครได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ ส่วนการพูดถึงนโยบายหากพูดเป็นพูดได้ ส่วนการใช้ทีมรักษาความปลอดภัยชุดปัจจุบันไปกับนายกฯส่วนตัวเห็นว่าทำได้ วิธีปฏิบัติที่ผ่านมาในอดีตเขาจะยอมให้ รปภ.ต้องคุ้มกันนายกฯตลอด 24 ชั่วโมง นอกเวลาก็ยังเป็นนายกฯอยู่ ส่วนในพื้นที่ไม่ว่าตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ถ้าต้องไปก็ไปเพียงเท่ามาตรฐานเดียวกับที่ไปเวลาคนอื่นปราศรัย เมื่อถามว่านายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจะไปร้อง กกต.ในประเด็นเหล่านี้ รองนายกฯกล่าวว่าไม่เป็นไร ก็เมื่อรู้อยู่แล้วว่ามีคนจ้องจับผิด ต้องระวังเอาเองให้ดีก็แล้วกัน ส่วนรถประจำตำแหน่งใช้ไม่ได้อยู่แล้ว

อุบไต๋ไม่เปิดชื่อทีมสรรหา ส.ว.

เมื่อถามถึง การเรียกร้องให้มีการเปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ของ คสช.ขอไม่ตอบ ยังไม่เปิดรายชื่อวันนี้ แต่วันหนึ่งก็รู้เอง อีกไม่นานก็รู้ และไม่มีอะไรห้ามว่าจะเปิดหรือไม่เปิดเมื่อไหร่ ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาจะส่งรายชื่อบุคคลที่คัดเลือกแล้วทั้ง 400 คนให้ คสช.คัดเลือกต่อให้เหลือ 194 คน ในวันที่ 9 มี.ค. อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสรรหา ส.ว.มีการประชุมกันทุกวัน แต่มากันไม่ค่อยครบ

“บิ๊กป้อม” บอกขึ้นเวทีไม่ใช้ทหารคุ้มกัน

ที่กระทรวงแรงงาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.จะขึ้นเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หาเสียง มีหลายฝ่ายจับตาในการใช้อำนาจหน้าที่ว่าทุกอย่างทุกขั้นตอนทำตามระเบียบของ กกต.ที่ได้ให้คำตอบมาแล้ว เมื่อถามว่าต้องระมัดระวังหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่าก็ว่าไป ในส่วนของกำลังทหารในการรักษาความปลอดภัย ก็ไม่ไปอารักขาเพราะทำตามระเบียบ ก่อนที่จะรีบตัดบทสื่อมวลชนว่าไม่ต้องถามแล้ว ถามพอแล้ว ยืนยันทุกอย่างต้องทำตามระเบียบ ไม่เป็นห่วงอะไร ส่วนอาการปวดตาของนายกฯก็ดีแล้ว เมื่อถามถึงการปลดพิธีกรที่ทำหน้าที่จัดเวทีดีเบตเลือกตั้งทางช่อง 9 อสมท พล.อ.ประวิตรกล่าวสั้นๆว่าไม่รู้เรื่อง

“บิ๊กแดง” สั่งโต้ข้อมูลหาเสียงบิดเบือน

เมื่อเวลา 09.00 น. พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช.กล่าวว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช.เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการ คสช.ได้ระบุช่วงต่อจากนี้สถานการณ์ด้านการเมืองที่กำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้งมีความสำคัญ ข้าราชการทุกส่วนต่างมีความรับผิดชอบที่จะต้องปฏิบัติตามภาระหน้าที่ต่อบ้านเมือง การดำเนินการทุกอย่างขอให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ยิ่งในสภาวะปัจจุบันข้อมูลข่าวสารที่ใช้หาเสียงทางการเมืองมีความหลากหลาย ทั้งสื่อสังคมออนไลน์ เวทีปราศรัย การให้สัมภาษณ์จึงจำเป็นที่หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องติดตามทุกข้อมูลข่าวสาร และต้องชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อไม่ให้บิดเบือน หรือสร้างความสับสนแก่ประชาชน ร่วมกันสร้างการรับรู้ในทิศทางที่เอื้ออำนวยต่อการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

“อุตตม” โชว์ตัวผู้นำโคราช–ปิดท้าย กทม.

เมื่อเวลา 11.30 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเตรียมให้ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรคขึ้นเวทีปราศรัยที่ จ.นครราชสีมาวันที่ 10 มี.ค. ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะขึ้นเวทีปราศรัยเริ่มจาก จ.นครราชสีมา ต่อด้วยภาคอื่น ในพื้นที่ กทม. พล.อ.ประยุทธ์จะไปปรากฏตัวด้วยแน่นอน เบื้องต้นเป็นเวทีปิดท้ายวันที่ 22 มี.ค. ระหว่างนั้นอาจไปลงพื้นที่ในเขตต่างๆบ้าง ต้องดูวันเวลาที่เหมาะสม พรรคจะแจ้งให้ พล.อ.ประยุทธ์เพื่อพิจารณา จะดูรูปแบบปราศรัยที่ลงตัวที่สุด เชื่อว่าการให้ พล.อ.ประยุทธ์มาช่วยปราศรัยหาเสียงจะไม่ขัดกับคุณสมบัติ ส่วนจะมีบางกลุ่มเดินทางไปฟังปราศรัยและการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์เพื่อจับผิดไม่เป็นไรเราทำตามกรอบกฎหมาย โปร่งใส เป็นไปตามที่ กกต.ได้ตอบคำถามของพรรคมาแล้วว่าทำอะไรได้บ้าง ฝ่ายกฎหมายได้ติดตามดูแลอย่างรอบคอบ มีผู้ร้องเรียนถือว่าเป็นสิทธิ เป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง ผู้สมัครทั่วประเทศต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปช่วยหาเสียง แต่ไม่ได้หมายความว่ากระแสพรรคไม่ดี ตรงกันข้ามกลับดีขึ้นต่อเนื่องการที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไปปรากฏตัวถือเป็นหน้าที่ เพื่อนำเสนอข้อมูลให้ประชาชนได้ตัดสินใจ

ช่วยเติมเต็มจุดที่ขาดกระแส

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างประสานงานกับทีมงานนายกฯว่าจะสะดวกวันที่ 10 มี.ค.หรือไม่ และเป็นไปได้สูงที่ท่านจะมาตามคำเชิญ พล.อ.ประยุทธ์จะไปใน 2 ลักษณะคืออยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่พร้อมผู้สมัคร ส.ส.เพื่อพบปะประชาชน และการขึ้นเวทีปราศรัยตาม กำหนดที่พรรควางกรอบไว้ หัวข้อและสาระสำคัญการปราศรัยได้ดูข้อกฎหมายอย่างรอบคอบ ให้อยู่ ในกรอบที่ กกต.ได้ตอบกลับมา และเตรียมการรองรับการถูกร้องเรียน กรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้เตือนข้อควรระวังต่างๆ เรารับฟังนำมา พิจารณากำหนดกรอบ มั่นใจว่าสิ่งพรรคทำอยู่ภายใต้กฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์เป็นที่รักของประชาชน การมาสื่อสารพบปะประชาชน โดยตรงในฐานะแคนดิเดตนายกฯเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ ที่ผ่านมา พรรคไม่เคยมีโอกาสแบบนี้มาก่อน จึงเข้ามาเพิ่มเติมในจุดที่ขาดไปของพรรค ย่อมเป็นประโยชน์กับพรรค

“วิรัช” โวคนทะลักมาฟังเกินครึ่งแสน

นายวิรัช รัตนเศรษฐ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่ 4 จังหวัด คือ จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และสุรินทร์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากพรรคให้เตรียมจัดเวทีปราศรัยวันที่ 10 มี.ค. ที่ตลาดเซฟวัน อ.เมืองนครราชสีมา ต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ที่จะขึ้นปราศรัยในเวลา 17.30 น. มีแกนนำคนสำคัญของพรรคเดินทางมาร่วมด้วย เช่นเดียวกับผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา ทั้ง 14 เขตและผู้สมัครจากจังหวัดต่างๆ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาร่วมฟังปราศรัยไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน กำหนดการจะเริ่มขึ้น เวลา 16.00 น.

ดาราวัยรุ่นแห่สมัครสมาชิก พปชร.

ช่วงเช้า ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค ให้การต้อนรับกลุ่มวัยรุ่นศิลปินดารา กลุ่มพลังเงียบมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค ประกอบด้วย นายวรชัย ศิริคงสุวรรณ (เทป) ดารานักแสดง น.ส.อนุสรา นิลวัลย์ (กุ๊กกิ๊ก) ดารานางแบบ นายนัฐพงษ์ จารวิจิต (นาย) เจ้าของแอปพลิเคชัน ลิลูน่า นายสมชาติ ศรีมารัตน์ (กี้) ผู้กำกับละครเวทีวัฒนธรรมอีสาน น.ส.ณัฏกานต์ หมื่นพล (เกมส์) เยาวชนตัวอย่างที่ออกมาแฉกลโกงศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งฯจ.ขอนแก่น นายสนธิรัตน์กล่าวว่า นี่คือจุดเริ่มต้นเล็กๆของพลังเยาวชน ถือเป็นพลังมหาศาลของวัยรุ่นที่ตื่นตัวอย่างมีสติ พรรคเปิดรับทุกฝ่ายมาร่วมพัฒนาประเทศ หลังจากนี้จะมีคนรุ่นใหม่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตพรรคพลังประชารัฐจะเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ เรามีคนรุ่นใหม่เป็นจำนวนมากที่พร้อมขับเคลื่อนทำงานร่วมกัน

“ชัชชาติ” ใช้โฟร์วีลพาประเทศพ้นหล่ม

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย เปิดแถลงนโยบายเร่งด่วนที่จะทำใน 30 วัน 100 วัน และ 180 วัน หากได้เป็นรัฐบาล โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯในนามพรรคเพื่อไทย มีแกนนำพรรคและผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเข้าร่วมรับฟัง โดยนายชัชชาติกล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นประชาชนส่วนใหญ่เป็นหนี้และคนตัวเล็กไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ จำเป็นต้องสร้างโอกาสทางธุรกิจ ก่อนปี 54 เราเคยใช้นโยบายเศรษฐกิจ 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง แต่วันนี้ต้องใช้ 4 ปีซ่อมและสร้างไปพร้อมกัน เศรษฐกิจไทยปัจจุบันเหมือนติดหล่มต้องใช้รถโฟร์วีล ไดรฟ์ พาประเทศออกจากหล่ม ล้อแรกเน้นขับเคลื่อนการส่งออกและการท่องเที่ยว ล้อที่ 2 ส่งเสริมการลงทุน หัวใจสำคัญต้องเรียกความเชื่อมั่นจากนักลุงทน ล้อที่ 3 กระตุ้นการบริโภคในประเทศ ต้องสร้างรายรับให้ประชาชนกลุ่มใหญ่คือเพิ่มราคาสินค้าเกษตร และล้อที่ 4 คือกระตุ้นการลงทุนภาครัฐ ภาพรวมเราจะเพิ่มรายได้ประชาชน ทั้งเรื่องสตรีทฟู้ด ค้าขายออนไลน์ โอทอป ทำสินค้าคุณภาพ เพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวให้ได้ 3.3 ล้านล้านบาทให้ได้ใน 4 ปี หาจุดแข็งแต่ละจังหวัดแต่ละพื้นที่ ผลักดันการค้าออนไลน์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ลดอุปสรรคจากหน่วยงานราชการ เช่น การขออนุญาตต่างๆ สุดท้ายภาษีต้องเก็บจากบริษัทให้สมเหตุสมผล ต้องแก้ที่รากของปัญหา แจกโอกาสให้ประชาชน

สัญญาแก้เศรษฐกิจใน 180 วัน

ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เราให้คำมั่นว่าสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ภายใน 180 วัน จะทำทันทีด้วยการ “ปรับหนี้ เติมเงิน ลดภาษี สร้างเศรษฐกิจใหม่” เริ่มตรวจโรค 30 วันแรก สำรวจความเสียหายจากโครงสร้างบิดเบี้ยว ทั้งตรวจสภาพหนี้ของรัฐบาล การใช้ทรัพยากรของรัฐที่ไม่เกิดประโยชน์ กฎหมายที่ทำให้เสียหายต่างๆ อาทิ ร่าง พ.ร.บ.มั่นคงไซเบอร์ฯ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ข้อตกลงต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อคนไทย เช่น เรื่องประมง ระยะที่สองรักษาแผลของประเทศภายใน 100 วัน เริ่มจากปรับหนี้และเพิ่มรายได้ ต้องอัดน้ำเกลือให้ประชาชนเอาหนี้มาพักให้ลุกขึ้นได้ โดยพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ปรับโครงสร้างหนี้เอสเอ็มอี หรือธุรกิจรายย่อย ปรับหนี้ครูและหนี้นักเรียนกู้ กยศ. ตั้งสถาบันพัฒนารายได้ทุกจังหวัด ให้ผู้ประกอบการรายเล็กเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย จะมีทุนให้กู้เบื้องต้นรายละ 5 ล้านบาท ขยายเพดานสินเชื่อธุรกิจรายย่อยจาก 50,000 บาทเป็น 100,000 บาท ปรับเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำ 15% แบบค่อยเป็นค่อยไป มีมาตรการช่วยเหลือ เช่น ลดภาษีนิติบุคคล สนับสนุนเงินทุนพัฒนาการผลิตให้เกษตรกร เช่น สนับสนุนต้นทุนการผลิตให้ชาวนา 5,000 บาทต่อเกวียน ไม่เกิน 15 เกวียน หรือ 75,000 บาทต่อราย

สินค้าเกษตรทุกตัวราคาดีดขึ้น

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่าระยะที่ 3 การให้วัคซีนไม่ให้คนกลับมาป่วยอีกใน 180 วัน ด้วยการเร่งทลายอุปสรรคจากกฎหมายที่ล้าหลังเป็นอุปสรรคต่อการทำกิน สร้างโอกาสให้เกิดธุรกิจใหม่ การดำเนินการต่างๆสะดวกขึ้น เช่น การทำดราฟเบียร์ หรือสุรากลั่นชุมชน รวมถึงต้องเจรจาการค้าเสรีระหว่างประเทศ สิ่งนี้คือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย และต้องหยุดรีด ภาษีจากประชาชน และให้สิทธิพิเศษนอกอีอีซี โดยปรับลดภาษีให้เอสเอ็มอีรายย่อยที่ยอดขายไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี เป็นภาษีเหมาจ่ายเพียง 1% ยกเว้นภาษีออนไลน์ 2 ปี งดเว้นภาษีให้สินค้าและบริการที่มีชื่อว่า “ไทยทำ” แล้วจะนำสินค้าเหล่านี้ไปขายต่างประเทศ งดเว้นภาษีสตาร์ตอัพให้ 2 ปีให้ตั้งตัวได้ก่อน เพราะต้องเดินเศรษฐกิจ 2 ขา ทั้งรับการลงทุนจากต่างประเทศ และเพิ่มศักยภาพในประเทศ เรามีเป้าหมายราคาสินค้าเกษตร ตั้งเป้าให้ราคาข้าวขาว 5% อย่างน้อย 10,000 บาทต่อเกวียน ข้าวหอมมะลิ 15,000 บาทต่อเกวียน ยางพารากิโลกรัมละ 60 บาท ขึ้นไป อ้อยกิโลกรัมละ 100 บาทขึ้นไป ปาล์มกิโลกรัมละ 4.5 บาทขึ้นไป และข้าวโพดกิโลกรัมละ 7 บาทขึ้นไป ราคาสินค้าเกษตรต้องกลับมาดีภายใน 180 วัน จะผลักดันให้ไทยเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรป้อนโลกให้ได้ จะทำให้ภาคการเกษตรมีรายได้ 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี และมีกองทุนปรับหน้าดินให้เกษตรกรด้วย

พลิกฟื้นปากท้องล้างหนี้ด้วยรายได้

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เราต้องเตรียมความพร้อมให้เด็กไทยที่กำลังจะจบ จะมีกองทุนเสริมสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (เถ้าแก่ใหม่) ทั้งใน กทม.และภูมิภาค ศูนย์นี้จะทำคอนแท็กกับมหาวิทยาลัยดัง ทั่วโลกดึงองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยต่างๆมาช่วย พร้อมหาเงินทุนให้ด้วย หากธุรกิจสตาร์ตอัพใดที่รัฐเห็นว่ามีประโยชน์ต่อรัฐ รัฐอาจเข้าร่วมลงทุน ต่อมาคือ กองทุนคนเปลี่ยนงาน จะให้ทั้งเงินทุน ทักษะและความรู้ให้คนที่ต้องการเปลี่ยนงาน วันนี้หลายพรรคพูดเรื่องสวัสดิการต่างๆเราไม่ขัด แต่สิ่งที่เราคิดต่างคือเราไม่คิดแต่แจกเงิน แต่คิดสร้างรายได้ เราจะไม่แก้หนี้ด้วยหนี้ แต่จะแก้หนี้ด้วยรายได้ เชื่อว่าเราจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป

“อ้วน” จี้ กกต.ชี้ชัดคุณสมบัติ “บิ๊กตู่”

ต่อมาเวลา 14.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค พท.กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจขึ้นเวทีปราศรัยว่า ถือเป็นเรื่องดีอยากให้ขึ้นเวทีดีเบตด้วยจะได้แสดงวิสัยทัศน์ว่า 4 ปีจากนี้ไป จะนำพาประเทศไปอย่างไร รวมถึงข้อโต้แย้งคุณสมบัติการเป็นแคนดิเดตนายกฯ การเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หาก พล.อ.ประยุทธ์มั่นใจควรอธิบายด้วยตัวเองเลยว่าเป็นหรือไม่เป็น ใช่หรือไม่ใช่ กกต.มีหน้าที่ทำให้ทุกอย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นปล่อยให้เลือกตั้งผ่านพ้นไป แล้วมีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา กกต.อาจเป็นเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.และผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติตั้งข้อสังเกตถ้าพรรคพลังประชารัฐแพ้เลือกตั้งจะมีการหยิบยกประเด็นคุณสมบัตินี้มาร้อง กกต. จนทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายมากหากจะใช้ประเด็นนี้ขัดขวางผลการ ตัดสินใจของคนทั้งประเทศ จริงๆไม่ควรต้องไปถึงขนาดนั้น กกต.ทำให้ทุกอย่างชัดเจนได้ก่อน

เฟ้น ส.ว.อย่าให้อึมครึมหนักกว่าเดิม

เมื่อถามถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯชี้แจงว่าการเป็นนายกฯถือเป็นข้าราชการการเมืองที่ได้รับการยกเว้น แต่ตำแหน่งหัวหน้า คสช.ต้องมีการวินิจฉัย นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องเอาให้ชัดว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นนายกฯ เป็น ครม.หรือไม่ มีทั้งกฎหมายและแนวทางปฏิบัติที่จำเป็นและเหมาะสม หากจะทำหน้าที่รัฐบาลรักษาการได้ แต่อย่าใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายคน ถ้ายังทำอยู่แล้วอ้างเป็นนายกฯชุดพิเศษแบบนี้เป็นคนเอาเปรียบ การคัดเลือก ส.ว.ที่แต่งตั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมเป็นประธานกรรมการคัดเลือก ส.ว.ยังมีปัญหาข้อกฎหมายว่าเป็นกลางเพียงพอหรือไม่ วันนี้ทำทุกอย่างอึมครึมไปหมด ทำให้กระบวนการเลือกตั้งอึมครึมไม่ชัดเจน พรรคอยู่ระหว่างพิจารณาข้อกฎหมายว่าจะยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบความเป็นกลางในการสรรหา ส.ว.หรือไม่ เท่ากับว่า คสช.ไปตั้ง พล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็น คสช.มาสรรหา ส.ว.เจตนารมณ์เขาอยากได้คนกลางเข้าคัดเลือก แต่ พล.อ.ประวิตรทำให้หลายเรื่องอึมครึมมากพออยู่แล้ว อย่าทำเรื่องนี้ให้อึมครึมเพิ่มเลย ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรเป็นชายชาติทหาร ต้องสง่างาม ทำอะไรให้ชัดเจน อย่าให้เกิดข้อครหาหรือคลางแคลงใจ

“ก่อแก้ว” แขวะสถานะไหนก็ไม่ผิด

นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ขอต้อน รับ พล.อ.ประยุทธ์สู่สนามการเมืองเต็มตัว ประชาชนจะได้เห็นลีลาปราศรัยโชว์วิสัยทัศน์บนเวที แต่คงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเพราะพูดคนเดียวหน้าจอทีวีมาเกือบ 5 ปีแล้ว ไม่แปลกใจที่ไม่ร่วมเวทีดีเบต คงไม่ถนัดหากมีคนมาถามมีคนตอบโต้ ขนาดเวทีดีเบตทีวีช่องหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปร่วม ผลเป็นผลลบกับรัฐบาล ยังเกิดปรากฏการณ์ปลดพิธีกรได้ ขอเอาใจช่วยถ้าขึ้นเวทีปราศรัยต้องระวังคำพูดและรู้สึกตัวอยู่เสมอว่าพูดในสถานะไหน บุคคลสาธารณะ เจ้าหน้าที่รัฐ นายกฯ หัวหน้า คสช. ไม่ว่าจะพูดสถานะไหนคงไม่มีความผิดอะไร เนติบริกรช่วยตีความให้ไม่ผิดกฎหมาย

ทษช.พร้อมรับผลคดียุบพรรค

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคไทยรักษาชาติ มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ได้เตรียมพร้อมรับฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 7 มี.ค.กรรมการบริหารพรรคจะไปฟังคำตัดสิน ผลอย่างไรพร้อมน้อมรับ เพราะทุกคนอยู่ในประเทศปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่เสียดายอยู่บ้างที่ไม่มีโอกาสเข้าชี้แจงในฐานะพยาน ส่วนพยานเอกสารได้ชี้แจงค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่ได้เห็นคำคัดค้านของ กกต.ไม่สบายใจอยู่บ้าง

หวั่นป่วนขอแฟนคลับเชียร์อยู่บ้าน

ร.ท.ปรีชาพล กล่าวอีกว่าวันที่ 7 มี.ค.อยากสื่อสารไปถึงประชาชนที่เมตตาสนับสนุนพรรค หลายคนไปถามหาตนที่เวทีปราศรัย รู้สึกเจ็บปวดที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคไม่มีโอกาสได้ขึ้นบนเวที แต่เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่ให้มีประเด็นใดๆ ที่จะมีคนมาฉกฉวยให้เกิดความวุ่นวายต้องอดทนรอคอย ส่งกำลังใจมาให้พรรคได้ ขอว่าวันที่ 7 มี.ค.อยากให้ติดตามชมผลการวินิจฉัยอยู่ที่บ้าน เพราะไม่มั่นใจว่าในวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่อยากให้เกิดการสร้างสถานการณ์ไปทำให้เกิดความวุ่นวาย

“มาร์ค” ไม่กังวล “บิ๊กตู่” ขึ้นเวที พปชร.

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เตรียมขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ว่าไม่รู้สึกกังวล แต่ขอให้การดำเนินการทุกอย่างอยู่ในกรอบกฎหมาย กกต.ต้องดูแลให้เกิดความเป็นธรรมว่าการไปปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาราชการหรือไม่ ใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่หรือไม่ หากไม่ได้ใช้ไม่เป็นปัญหาอะไร ส่วนที่มองกันว่านายกฯไม่ยอมขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์หรือดีเบต แต่กลับไปเวทีปราศรัยถือเป็นสิทธิของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ที่ตนพูดเรื่องการดีเบตเพราะอยากให้ทุกคนช่วยกันทำระบบ และสร้างมาตรฐานของความเป็นสังคมประชาธิปไตยที่ดี

ไม่แน่ใจ หน.คสช. เป็น จนท.รัฐ

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีข้อถกเถียงสถานภาพการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ เป็นข้าราชการการเมือง ในฐานะเคยศึกษากฎหมายมาพอสมควรเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลที่มีเงินเดือนประจำและสามารถใช้อำนาจรัฐได้ แต่ไม่ชัดเจนว่าหัวหน้า คสช.เป็นตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติตามคำร้อง กกต.วันที่ 7 มี.ค. พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีการเตรียมการอะไรเป็นพิเศษ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพยายามจะบอกกับประชาชนว่าเรามีคำตอบให้กับปัญหาของพวกเขาอย่างไร ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง ประเด็นทางการเมืองอื่นๆ ขณะนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของพรรค เพราะพรรคมีหน้าที่จะสื่อสารให้ประชาชนว่าจะนำพาบ้านเมืองไปในทิศทางไหน จุดยืนของพรรคคืออะไร

“วัชระ” เหน็บเนติบริกรเคยอวยจนล่ม

นายวัชระ เพชรทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้ความเห็นทางกฎหมายถึงสถานภาพของ พล.อ.ประยุทธ์แบบเอาใจนายสุดๆ ก่อนหน้าเคยพูดตรงกันข้าม สะท้อนไม่ยึดหลักนิติรัฐนิติธรรม ยึดประโยชน์ของ พล.อ.ประยุทธ์เป็นหลักยึดเอาตัวรอดของตนเป็นสำคัญ ละทิ้งหลักกฎหมายที่ยึดถือมาตลอดชีวิต เพียงให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เปรียบ นายวิษณุไม่อายลูกศิษย์หรืออย่างไร สมัยรัฐบาลทักษิณนายวิษณุให้ความเห็นว่านายทักษิณเข้าไปจัดพิธีทำบุญในพระอุโบสถวัดพระแก้วได้ ประชาชนคัดค้านทั้งประเทศ จนนำมาสู่การล่มสลายของรัฐบาลทักษิณ ครั้งนี้เช่นกันแต่จะนำมาสู่การล่มสลายของรัฐบาลประยุทธ์หรือไม่ต้องรอดู นายวิษณุเหาะเหินเกินกรุงลงกาแล้วจะพลัดหล่นจากหอคอย ทำเนียบรัฐบาลเมื่อไหร่ไม่รู้

ปชป.เปิดตัวนโยบายสตรี

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่บริเวณทางเดินสกาย วอล์ก รถไฟฟ้าบีทีเอส ช่องนนทรีแยกสาทร-นราธิวาสฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงนโยบายสตรีภายใต้ชื่อ Dem For Women เพื่อใช้หาเสียงช่วยกลุ่มผู้สมัคร ส.ส.หญิงของพรรคว่า ปัญหาของผู้หญิงมีมากกว่ากึ่งหนึ่งของประชากรที่พรรคตั้งใจอย่างเต็มที่ต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจ เอาใจใส่ รับฟัง พรรคเห็นคุณค่าศักยภาพของผู้หญิงที่จะผลักดันให้สังคม-เศรษฐกิจเข้มแข็ง ด้วยการนำแอปพลิเคชัน “น้องเข้าใจ” แชตบอร์ดเชื่อมโยงผ่านทุกอุปกรณ์ที่ผู้หญิงสามารถใช้ปรึกษาปัญหาต่างๆ และแอปพลิเคชันแจ้งการเตือนภัย พรรคยืนยันว่าวันนี้ประชาธิปัตย์พร้อมแล้วที่จะช่วยผลักดันคุณภาพชีวิตผู้หญิงให้ดีขึ้นด้วย “วาระผู้หญิงวาระประชาธิปัตย์”

ลาคลอด 6 เดือน ได้เงินเต็ม

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศภารกิจสำคัญเพื่อผู้หญิง 4 ประการคือ 1.ต้องพึ่งพาและยืนหยัดได้ด้วยตนเอง 2.ต้องได้รับความเคารพให้เกียรติ และเท่าเทียมในทุกด้าน ทุก อาชีพ ทุกสถานการณ์ของสังคม มีความก้าวหน้าทางอาชีพไม่ต่างจากผู้ชาย ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย ปราศจากการถูกคุกคาม 3.ต้องมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี และ 4.ต้องลดภาระของแม่ในทุกรูปแบบ ทั้งกำหนดนโยบายด้านสตรี อาทิ ขยายเวลาสิทธิลาคลอด 6 เดือน รับเงินเดือนเต็มเดือน สตรีทุกคนต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เช่น ตรวจรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม รวมถึงความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วมทางการเมืองด้วยการกำหนดอัตราส่วนเพศหญิง-ชายในสัดส่วนที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกระดับ

“ธนาธร” ลั่นรื้อ ก.ม.ไซเบอร์—พ.ร.บ.คอมฯ

ที่ จ.หนองคาย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นำทีมลงพื้นที่โดยกราบขอพรหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่วัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง อ.เมืองหนองคาย โดยมีกลุ่มผู้สนับสนุนและผู้ชื่นชอบเป็นวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ให้การต้อนรับ และขอถ่ายรูปจำนวนมาก ก่อนขึ้นรถแห่หาเสียงไปตามถนนสายหลัก ช่วย นายณัฐพงศ์ ชนะพันธ์ นายแสวง ราชพลแสน และ น.ส.ตุ้มทรัพย์ พรหมหลง ผู้สมัคร ส.ส.หนองคายของพรรค นายธนาธรกล่าวว่า คนอีสานต้องการคนจริงใจ เรามาเพื่อแสดงความจริงใจ ตั้งใจจะมาทำเพื่อคนส่วนใหญ่ที่ทุกข์ยากถูกกดขี่ ถ้าคนอีสานเห็นถึงความจริงใจแล้วจะให้กำลังใจพวกตนยังเหลือเวลาอีก 20 วัน ส่วนกรณี พ.ร.บ.ไซเบอร์อ้างเรื่องความมั่นคงของผู้นำทหารมาปิดปากประชาชน ละเมิดสิทธิการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ สิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของประชาชน ภายใต้ พ.ร.บ.ไซเบอร์ฉบับนี้ ข้อมูลส่วนตัวของเราอาจถูกภาครัฐเอาไปได้ ถ้าเกิดเห็นว่าเราเป็นภัยต่อความมั่นคง พรรคอนาคตใหม่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายต่างๆที่ปิดปากปิดกั้นสิทธิเสรีภาพประชาชน ไม่ว่า พ.ร.บ.ไซเบอร์ หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หากพรรคอนาคตใหม่มีอำนาจจะเข้าไปแก้ไขทันที

นายกฯอยากสง่างามต้องลาออก

นายธนาธรกล่าวด้วยว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงถือเป็นสิทธิ แต่อยากจะบอกว่า “คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้ใส่หมวก 3 ใบ หัวหน้า คสช. หัวหน้ารัฐบาลและแคนดิเดต นายกฯพรรคพลังประชารัฐ หมวก 3 ใบนี้มีอำนาจหน้าที่ขัดแย้งทางผลประโยชน์กันเอง อยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้ออกมาสง่างาม ดังนั้นคุณประยุทธ์ควรจะลาออกทั้งจากการเป็นนายกฯและหัวหน้า คสช. เพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งในฐานะแคนดิเดตนายกฯเท่าเทียมกับคนอื่น หาเสียงได้เหมือนกับคนอื่น ถ้าทำอย่างนี้จะไม่มีข้อครหาใดๆ”

“ตู่” ยุส่งนายกฯขึ้นเวทีอย่ากินแรงเพื่อน

ที่ตลาดหนองบัวใหญ่ อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ ลงพื้นที่หาเสียงช่วยนายจรูญ ยศวิมลโสภา ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 และนายสมาน สุธรรมาภิวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 มีประชาชนมาต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยนายจตุพรกล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐวางตัวให้ พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครราชสีมาวันที่ 20 มี.ค.ว่าเมื่ออยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ อย่ากินแรงสมาชิกพรรค ควรมาหาเสียงปราศรัยไม่ใช่เรื่องแปลก น่าตื่นเต้นด้วยซ้ำ แต่ปัญหาหลักคือ พล.อ.ประยุทธ์มีคุณสมบัติหรือไม่ ซึ่งไม่ได้ผูกพันเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ แต่ผูกพันการเลือกตั้งว่าจะเป็นโมฆะหรือไม่ กกต.ควรดำเนินการกับพรรคพลังประชารัฐเหมือนพรรคอื่นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียน หาก พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จะเป็นปัญหาผูกพันไปถึงวันเลือกตั้ง ถ้ามีการวินิจฉัยภายหลังว่าคู่แข่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และมีบทบาทสำคัญคือขัด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ในที่สุดอาจนำพาไปสู่การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ ดังนั้น วันนี้ยังเชื่อว่าประเด็นคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์เหมือนต้องการจะทิ้งติ่งเอาไว้ และเมื่อพรรคพลังประชารัฐแพ้การเลือกตั้ง อาจนำไปสู่แนวทางนั้น

กระทุ้ง “บิ๊กตู่” ทิ้งเก้าอี้จบปัญหา

นายศักดา นพสิทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯในนามพรรคพลังประชารัฐ ถูกมองว่าส่อขัดต่อกฎหมายว่าขณะนี้ท่านยังดำรงตำแหน่งหัวหน้า คสช.และนายกฯ เข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะสามารถใช้อำนาจดำเนินการ หรือออกคำสั่งต่างๆตามกฎหมายได้ เมื่อถามว่ามีการตีความคำว่าเจ้าหน้าที่รัฐแตกต่างกัน นายศักดาตอบว่า ต้องยึดตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย หากตีความโดยยึดหลักเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่คนใดคนหนึ่งหลักการนี้จะเสียไป หาก พล.อ.ประยุทธ์จะเข้าสู่การเมือง ควรลาออกจากหัวหน้า คสช.และนายกฯ ปัญหานี้จะตกไป ไม่นำไปสู่ความเสื่อม

เด็ก พช.โวยถูกยิงปืนขู่หน้าบ้าน

นางประภัสสร ชูทอง ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 9 พรรคเพื่อชาติ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 มี.ค. เวลาประมาณ 21.30 น. มีผู้ไม่หวังดีมายิงปืนขู่บริเวณหน้าบ้านพักของตนเองในซอยเสือใหญ่อุทิศ ถนนรัชดาภิเษก 36 จำนวน 5 นัด โดยระหว่างนั้น ตนนั่งพักอยู่บริเวณหน้าบ้าน เห็นรถจักรยานยนต์จอดติดเครื่องยนต์อยู่ พอสิ้นเสียงปืนมีชายวิ่งขึ้นรถคันดังกล่าวออกไปทันที จากนั้นคนข้างบ้านได้แจ้งความไปยัง สน.พหลโยธิน จึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบสถานที่ ส่วนตัวไม่เคยมีเรื่องกับใคร ทำงานเพื่อสังคมมาตลอด จึงสันนิษฐานอาจเป็นผลมาจากการที่ตนลงสมัคร ส.ส.ในนามเพื่อชาติ หวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถติดตามจับตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ ยอมรับว่ามีความกังวลแต่จะไม่ท้อ หลังจากนี้จะเดินหน้าลุยหาเสียงอย่างเต็มที่ เพื่ออาสาเข้ามาช่วยเหลือทำงานรับใช้ประชาชนต่อไป

“เสรีพิศุทธ์” เดือดไล่ทหารประกบ

ที่ จ.ปราจีนบุรี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นำคณะลงพื้นที่ช่วยนายสุรศักดิ์ หร่ำเดช ผู้สมัครเขต 1 ปราจีนบุรี พรรคเสรีรวมไทย หาเสียงที่บริเวณตลาด อ.เมือง โดยตลอดเวลามีเจ้าหน้าที่ทหารในเครื่องแบบคอยเดินติดตามเฝ้าดูการหาเสียงของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตลอดเวลา เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารในเครื่องแบบเดินสะกดรอยอยู่ไม่ห่าง แม้กระทั่งขณะพักรับประทานอาหารกลางวัน จึงปรี่เข้าไปสอบถามพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า “ผมเป็นประชาชน คุณกินภาษีของผม อย่ามารบกวน อย่ามายุ่งกับผม มาหาเสียงไม่ได้มาทำความเดือดร้อน ไปบอกนายคุณด้วยขอให้ทำหน้าที่ของตัวเอง ขอให้ไปห่างๆ” จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารจึงเดินเลี่ยงออกไป ก่อนที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะนำผู้สมัครเดินหาเสียงต่อไป

จวก “วิษณุ” กะล่อนไปเรื่อย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯตีความว่านายกฯไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า “กะล่อนไป ดูเถอะพูดไปเรื่อยเปลี่ยนไปเรื่อย ก่อนหน้านี้จะเลื่อนเลือกตั้งก็โกหกประชาชน รัฐธรรมนูญมาตรา 248 ที่ให้ดำเนินการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จถึงวันหย่อนบัตรซึ่งไม่ใช่ ความจริงต้องถึงวันประกาศผลเพื่อให้รัฐบาลและตัวเขาอยู่ได้นานๆ ถ้า กกต.หลงเชื่อติดคุกกันหมด และต้องมาชดใช้งบประมาณเลือกตั้ง 3-4 พันล้าน เมื่อวันที่ 21 พ.ย.และวันที่ 24 ธ.ค.ปีที่แล้วยังบอกว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ต้องใช้สมองคิด เอาหัวแม่เท้าคิดก็ได้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เป็นหัวหน้า คสช. แต่งเครื่องแบบ ใช้ อำนาจรัฐตามมาตรา 44 สั่งโน่นนี่ จะบอกว่าไม่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างไร ไอ้นี่มันตะแบง เป็นรัฐบาลจะเอามันไปฆ่า”

กกต.สั่งลบ 12 โพสต์ผิด ก.ม.เลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีคำสั่งให้ลบภาพและข้อความหาเสียงที่เข้าข่ายผิดกฎหมายและระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.2561 ตามที่คณะทำงานติดตามเกี่ยวกับการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้เสนอรวม 12 กรณี โดยมีทั้งภาพและข้อความโจมตี พรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ และพรรคพลังประชารัฐ

รับคำร้อง “ธนาธร” ใส่ประวัติเท็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.มนูญ วิเชียรนิตย์ ผอ.สำนักสนับสนุนสืบสวนสอบสวน ในฐานะประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวน ได้มีหนังสือเชิญนายศรีสุวรรณ จรรยา มาให้ปากคำกรณีที่ได้ยื่นคำร้องว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อาจเข้าข่ายการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 73 (5) เนื่องจากในเว็บไซต์ของพรรคอนาคตใหม่ระบุว่า นายธนาธร เคยดำรงตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2 วาระ ตั้งแต่ปี 2551-2555 ไม่ตรงกับความจริงโดยเลขาธิการ กกต.ได้สั่งรับคำร้องไว้ดำเนินการไต่สวนแล้ว ขอให้นายศรีสุวรรณไปให้ปากคำกรณีดังกล่าวต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนวันที่ 6 มี.ค. เวลา 14.00 น. ที่สำนักงาน กกต.ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

งัดหนังสือ ป.ป.ช.–กฤษฎีกามัด “บิ๊กตู่”

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักษาชาติ เดินทางมายื่นเอกสารเพิ่มเติมกรณีที่เคยมาร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่าเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่จะไม่สามารถยื่นเสนอชื่อเป็นนายกฯของพรรคพลังประชารัฐได้ โดยนายเรืองไกร กล่าวว่าได้นำเอกสารของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่เคยตอบกลับกรณีที่ตนขอให้หัวหน้า คสช. และ คสช.ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินเช่นเดียวกับ สนช. แต่ ป.ป.ช.ตอบกลับมาว่าตำแหน่ง คสช.เทียบเคียงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่ไม่ได้บอกว่าหัวหน้า คสช. ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ใครที่จะเอาหนังสือ ป.ป.ช.มาบอกว่า ป.ป.ช.ตีความแล้วว่า หัวหน้า คสช.ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐจึงไม่ถูกต้อง

ถามรับเงินหลวงในฐานะอะไร

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้นำหนังสือของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เคยเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 เม.ย.2558 ระบุถึงการใช้อำนาจของคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีที่มาจาก คสช.ว่าสามารถใช้อำนาจตามมาตรา 11 ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ยับยั้งการปฏิบัติราชการใดๆที่ขัดต่อมติ ครม.หรือในกรณีเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นซึ่งต้องมีอำนาจพิเศษเหนือกว่าหัวหน้า คสช.อาจใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการดำเนินการได้ หนังสือดังกล่าวเท่ากับยืนยันว่าหัวหน้า คสช.เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ เมื่อนายกฯ ยอมรับหนังสือของกฤษฎีกา และได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาแนะนำแล้วจะบอกว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ถือว่าบิดเบือนเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์รับเงินเดือนของหลวงในฐานะอะไร จึงอยากให้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยให้ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่

“ทักษิณ” แนะปรับวิธีคิดให้ทันโลก

วันเดียวกัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวในรายการ กู๊ดมันเดย์ ผ่านเฟซบุ๊กว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นอนาคตของโลกใบนี้ ในยุคที่หุ่นยนต์ถูกนำมาใช้ทดแทนแรงงานอุตสาหกรรม เราต้องเปลี่ยนแปลงความคิด เพื่อนำแรงงานมาสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพราะในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พัฒนาการของเรายังล้าหลังหลายๆประเทศ คิดว่าสิ่งที่เรายังมีอยู่และจีนสู้เราไม่ได้คือ เรื่องการเอาทักษะฝีมือคนไทย วิธีคิดแบบไทยมาประยุกต์เพื่อให้ทันโลก ให้เป็นที่ต้องการของโลกยังมีช่องทางอีกมากมาย

ลูกพรรค “ชัยสิทธิ์” ร้องถูกเบี้ยวเงิน

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่สำนักงาน กกต. นายสุบัน สุวรรณรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสงขลา เขต 4 พรรคพลังปวงชนไทย พร้อมผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคในหลายจังหวัด เข้าพบเจ้าหน้าที่ กกต.ขอหารือกรณีที่พรรคหลอกลวง ต้มตุ๋นผู้สมัคร ส.ส.ให้ลงทุนสมัครรับเลือกตั้ง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งสำนักงานสาขาพรรคประจำจังหวัด และค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อให้ยุบพรรคพลังปวงชนไทย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. โดยนายสุบัน กล่าวว่า ผู้สมัครเสียเงินหลายแสนบาท บางคนต้องเสียถึงหลักล้านใช้หาเสียง ตั้งสำนักงานสาขา จ้างทำโปสเตอร์และค่ารถแห่ พวกเราเชื่อมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยของพรรค โดยเฉพาะชื่อเสียงของ พล.อ.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาของพรรค ก่อนหน้านายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรค รับปากจะให้คนละ 2 ล้านจึงหลงเชื่อ

น้ำตานองหมดไปหลายแสน

พ.ต.ท.หญิง ศิวนาถ พวงแก้ว ผู้สมัครเขต 3 นครพนม พรรคพลังปวงชนไทย กล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า ค่าใช้จ่ายที่เสียไปไม่อยากระบุตัวเลขกี่แสน เป็นหนี้จนต้องกดเงินจากบัตรเครดิตมาใช้หนี้ รถหาเสียงที่ลงทุนเองต้องหยุดวิ่งทั้งหมด ต้องขอโทษชาวนครพนม ยอมรับว่าตัดสินใจผิดขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว