“บิ๊กตู่” รีบโดดป้อง “บิ๊กแดง” ไม่ใช่คู่ขัดแย้งใคร แต่ฝ่ายการเมืองยังดาหน้าถล่มต่อเนื่อง “นคร” กร้าวอย่าลุแก่อำนาจ ขู่อนาคตอาจไม่ดีเหมือนที่เป็นอยู่ “วัฒนา” เหน็บบ่งชี้สติปัญญาผู้พูด อย่าชี้นำ ลูกน้องล็อกสเปกนายกฯ ทษช.ปรับแผนลุยหาเสียงต่อ “อ๋อย” แนะ “อภิรัชต์” ปรับปรุงตัว ถามหยิบเพลงนี้ขึ้นมาจะให้คนไทยฆ่ากันเองอีกหรือ “เต้น” ชี้สถานะ ผบ.ทบ.ต้องรักษาความสง่างามของกองทัพ “สุธรรม” ซัดปลุกคลั่งชาติรื้อแผลเก่าสร้างแผลใหม่ “จตุพร” ถามเรือดำน้ำ-ปากท้องอันไหนสำคัญกว่า เตือนทรราชย์จบไม่สวยสักราย “มาร์ค” ก็ขอวางตัวเป็นกลาง ถือโอกาสกวักมือเรียก “บิ๊กตู่” ร่วมวงสนทนา “เทือก” เชื่อปั่นให้ทะเลาะทหาร บอกชอบ “หนักแผ่นดิน” เตือนสติดี สนช.ถือโอกาสช่วงขลุกขลิกถกกฎหมายติดหนวด

ฝ่ายการเมืองยังคงพากันออกมารุมตำหนิ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ที่ไล่ให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์หาเสียงพรรคเพื่อไทย ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ต้องรีบออกโรงปกป้องว่ากรณีที่เกิดขึ้น ผบ.ทบ.ไม่ได้ลงมาเป็นคู่ขัดแย้ง

...

“บิ๊กตู่” ควงภริยาชมตลาดกรุงเก่า

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.พ. ที่วัดวชิรธรรมาราม อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เดินชมตลาดต้องชมหรือตลาดหลวงปู่ทวด ที่อยู่ติดกับวัด โดยนายกฯกล่าวทักทายพ่อค้า แม่ค้า ต่างแห่ขอถ่ายเซลฟี่ด้วย เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ระมัดระวังตัวเป็นพิเศษไม่พูดถึงการทำงานของรัฐบาลหรือเรื่องการเมือง จากนั้นไหว้หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ขอให้บ้านเมืองปลอดภัย และระหว่างที่เดินผ่านประชาชน นายกฯขอให้ช่วยกันไหว้พระสวดมนต์ให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข และยืนพูดคุยกับประชาชน ระหว่างพักผ่อนอิริยาบถที่ร้านกาแฟกรุงศรีว่า ตลาดนี้เป็นตลาดของรัฐบาล ต้องหาอะไรมาดึงดูดใจ สะอาด สวยงาม อย่าขายแพง รัฐบาลนี้ทำตลาดแบบนี้กว่าหมื่นแห่งทั่วประเทศ

หวานใส่สื่อเรารักกันทุกวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนท้ายนายกฯได้หันมาพูดกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้มาทำอะไรอย่างอื่นเข้าใจไหม ก่อนยิ้มแล้วทำมือเป็นสัญลักษณ์ไอเลิฟยูให้กับประชาชน จากนั้นนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า มาดูการค้าขาย ไหว้พระทุกองค์ขอพรให้บ้านเมืองปลอดภัย สงบสุข ประเทศชาติมั่นคงแข็งแรง ยั่งยืน ต้องหาวิธีการปรองดองกันให้ได้ อยู่ที่ประชาชนทุกคนต้องช่วยกัน วันมาฆบูชาขอให้มีความสุข มาทำพิธีปลูกหน่อพระศรีมหาโพธิ์ที่นี่เลยถือโอกาสมาเที่ยว ไม่ได้มาทำอะไรทั้งสิ้น เรารู้กันอยู่แล้วเรารักกันอยู่แล้ว รักกันทุกวันใช่ไหม เลือกตั้งขอให้ช่วยกันหาเสียงในทางที่ดี อย่าโจมตีกัน อย่าประจานตัวเองเลย

ป้อง “บิ๊กแดง” ไม่ใช่คู่ขัดแย้งใคร

เมื่อกล่าวถึงกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ผบ.ทบ.เขาไม่ได้ลงมาขัดแย้งด้วยหรอก” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอยู่นั้น มีประชาชนกลุ่มหนึ่งพร้อมใจกันพูดว่า “รักพ่อนะคะ” 2-3 ครั้ง โดยก่อนหน้านี้กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ใช้เรียกนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ว่า “ฟ้ารักพ่อ” จากนั้นนายกฯและคณะเดิน ทักทายประชาชนตลอดทาง และหยุดโยนเหรียญเสี่ยงทายใส่ในบาตร ซึ่งเหรียญได้หล่นเข้าไปในบาตรที่ระบุคำว่า “ผู้เป็นที่รัก พ้นทุกข์ ก้าวหน้า สำเร็จ” ส่วนแบงก์พันตกนอกบาตร

พท.ไปอุบลฯกองเชียร์คึกคัก

เมื่อเวลา 09.00 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ทีมเศรษฐกิจพรรค และนายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรค ลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ พร้อมใส่บาตรพระสงฆ์เนื่องในวันมาฆบูชา โดยพระสงฆ์ให้พรให้ประสบความสำเร็จและโชคดีในการเลือกตั้ง โดยจุดแรกช่วย น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี เขต 3 หาเสียง คุณหญิงสุดารัตน์เดินทักทายพ่อค้า แม่ค้า ประชาชนว่า ขอให้อดทนกับความยากลำบาก ท่ามกลาง เสียงเชียร์ตลอดทาง ขณะที่นายชัชชาติและนายพานทองแท้ พากันไปเดินตลาดสดหนองบัว อ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับความสนใจขอถ่ายรูปและให้กำลังใจให้ชนะเลือกตั้ง

“โอ๊ค” ช่วยออกแรงสู้อำนาจใหญ่

คุณหญิงสุดารัตน์ให้สัมภาษณ์หลังช่วยนางสมหญิง บัวบุตร ผู้สมัคร ส.ส.อำนาจเจริญ เขต 1 หาเสียง ถึงการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์บ่อยครั้งช่วงนี้ว่า เจตนาเป็นอย่างไรประชาชนมองออก ทั้ง วิธีการเข้าสู่อำนาจ การร่างกติกาใช้อำนาจรัฐเอารัด เอาเปรียบ มองเห็นว่ามีนัย เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมแต่ไม่สามารถห้ามผู้มีอำนาจได้ ยังคงเชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นวันที่ 24 มี.ค.นี้ ดูจากกระแส รวมถึงการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า สะท้อนว่าประชาชนฝากความหวังไว้กับการเลือกตั้ง และประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ส่วนกรณีที่นายพานทองแท้ร่วมลงพื้นที่ด้วยนั้น สมาชิกพรรคทุกคนต้องระดมและ ช่วยกันออกแรง เพราะพรรคเพื่อไทยต้องต่อสู้กับอำนาจที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเราเป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีเส้น จึงต้องทำงานหนักกว่า

“โอ๊ค” ขยาดเห็นพ่อ-“อาปู” ตัวอย่าง

นายพานทองแท้ให้สัมภาษณ์ระหว่างช่วยผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย หาเสียง ว่า ไม่ได้มาเดินอย่างนี้ 4-5 ปีแล้ว มีกำลังใจ กลับไปมีแรงทำงาน ไม่เหนื่อย เจอชาวบ้านก็มีกำลังใจ ชอบ เมื่อถามว่าในอนาคตจะเป็นนักการเมืองหรือไม่ นายพานทองแท้ตอบทันทีว่า “ไม่ฮะ พยายามไม่เอา กลัว เห็นบทเรียนมาแล้ว” เมื่อถามว่าทำไมกลัว นายพานทองแท้ตอบว่า “ดูพ่อกับอาผมสิ” เมื่อถามอีกว่า ยุคใหม่อาจไม่ร้ายแรง นายพานทองแท้ตอบว่า ก็ขอให้เปลี่ยนก่อน แล้วค่อยมาว่ากัน สำหรับวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. อยากให้ไปใช้สิทธิเยอะๆ ไปใช้สิทธิกันมากๆ ส่วนการไปช่วยผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทยนั้น จะไปช่วยในพื้นที่อื่นๆให้ได้มากที่สุด

“นคร” กร้าวอย่ามาลุแก่อำนาจ

นายนคร มาฉิม ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงศ์ ผบ.ทบ. อย่าลุแก่อำนาจ ตำแหน่ง ผบ.ทบ.และเลขาธิการ คสช. ไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่าอำนาจประชาชน พวกเราผู้รักความเป็นธรรม รักประชาธิปไตย พยายาม ใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างมากต่อพฤติกรรมของพวกเผด็จการ กรุณาเกรงใจเจ้าของเงินที่เลี้ยงดูคุณและครอบครัว คือประชาชนผู้เสียภาษี ไม่ควรกล่าวหานักการเมืองจากการเลือกตั้งว่าหนักแผ่นดิน เพราะได้รับมอบอำนาจจากประชาชน หากสำนึกได้ให้หันกลับมารับใช้ประชาชนในระบอบประชาธิปไตย แต่ หากยังฝืนกระแสรับใช้เผด็จการอยู่ อนาคตอาจไม่ดีเหมือนที่เป็นอยู่ เพราะประชาชนคงไม่ปล่อยให้ระบอบ เผด็จการอยู่อย่างลอยนวลแน่ และขอให้พี่น้องประชาชนจงใช้ความอดทน อย่าให้พวกเผด็จการและลิ่วล้อ สร้างสถานการณ์ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง เพื่ออ้างเงื่อนไขจะไม่เลือกตั้ง หรือทำการยึดอำนาจซ้อนขึ้นมาอีก

“วัฒนา” เหน็บบ่งชี้สติปัญญาผู้พูด

นายวัฒนา เมืองสุข ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การเสนอตัดงบประมาณกองทัพลงร้อยละ10 เป็นเรื่องปกติ เพราะแม้แต่องค์กรที่สร้างรายได้ เช่น บริษัท ห้างร้าน หรือธนาคาร ยังต้องปรับตัว ลดกำลังคนในงานบางประเภท รัฐบาลบริหารประเทศด้วยเงินภาษีประชาชน การปฏิรูปส่วนราชการ รวมถึงกองทัพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น รูปธรรมที่มองเห็นคือการลดขนาดกองทัพ เพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี ลดความซ้ำซ้อนของภารกิจ ยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารเปลี่ยนมาเป็นการรับสมัครโดยมีความก้าวหน้าเป็นแรงจูงใจ นโยบายนี้เรียกว่า “Smart Military” คำว่าสมาร์ทแปลว่าฉลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กองทัพมีบุคลากรที่ชาญฉลาดมาทำงาน จะได้ไม่ออกมาพูดจากับประชาชนที่บ่งบอกถึงสติปัญญาของผู้พูด

อย่าชี้นำลูกน้องล็อกสเปกนายกฯ

ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.อภิรัชต์คงไม่รู้ตัวว่าประชาชนไม่พอใจมานานแล้ว ที่ทุ่มงบประมาณซื้ออาวุธ โดยเฉพาะการซื้อเรือดำน้ำ ที่ไม่มีความจำเร่งด่วน ส่วนนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหารนั้น ไม่ได้แปลว่าจะยุบเลิกกองทัพ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนวิธีการเกณฑ์จากแบบบังคับ มาเป็นแบบสมัครใจแทน เพราะยังมีทหารเกณฑ์จำนวนมากออกมาฟ้องสังคมว่าถูกใช้เป็นแรงงานทาส ถูกละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ขณะที่บางคนโชคร้ายถูกซ้อมทรมานถึงขั้นเสียชีวิตโดยหาคนรับผิดชอบไม่ได้ กองทัพมีปัญหาภายในมากมายที่รอให้ ผบ.ทบ.แก้ไข ไม่ควรเอาเวลามาแทรกแซงการเมือง หรือชี้นำลูกน้องให้เลือกใครเป็นนายกฯ อย่าดึงกองทัพมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

ทษช.ปรับแผนลุยหาเสียงต่อ

ที่พรรคไทยรักษาชาติ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ร่วมแถลงข่าวเดินหน้าทำกิจกรรมการเมืองหาเสียงเลือกตั้ง นายจาตุรนต์กล่าวว่า หลัง กกต.ยื่นยุบพรรคไทยรักษาชาติต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อนจึงงดการปราศรัยไว้ ให้คณะกรรมการบริหารพรรคมีเวลาไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่มีเสียงสะท้อนจากผู้สมัครในเขตต่างๆที่ยังคงหาเสียงปกติ และได้รับการตอบรับดี อยากให้แกนนำไปช่วยหาเสียง คณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงได้หารือ และมีข้อสรุปว่าจะกลับมาช่วยผู้สมัครหาเสียง ส่วนการเปิดเวทีปราศรัยขอดูสถานการณ์อีกระยะ หากไม่มีเหตุแทรกซ้อนการปราศรัยใหญ่จะเกิดตามปกติ แต่กรรมการบริหารจะไม่ร่วมหาเสียงด้วย และไม่นำเรื่องคดีมาพูดนอกศาล

“อ๋อย” กระทุ้ง “อภิรัชต์” ปรับปรุงตัว

เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคจริงมีแผนสำรองหรือไม่ นายจาตุรนต์ตอบว่า การทำงานการเมืองต้องคิดล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะทำอย่างไร แต่คำถามนี้ขอไม่ชี้แจง ไม่ตอบ เพราะอาจไปสร้างแรงกดดันได้ ส่วนท่าทีของ พล.อ.อภิรัชต์นั้น จริงๆแล้ว ผบ.ทบ.พูดอย่างนี้ไม่ได้ เท่ากับแสดงความไม่เป็นกลางทางการเมือง ถือว่าผิดกฎหมาย ผิดระเบียบข้าราชการ มากกว่านั้นคือความไม่เข้าใจกติกาเลือกตั้ง ไม่ควรแสดงท่าทีต่อต้านออกมา ผบ.ทบ. ควรประพฤติตนเสียใหม่ “อยู่ในเหตุการณ์ปี 2519 ไม่รู้ว่าตอนนั้นท่านเข้าโรงเรียนเตรียมทหารหรือยัง เพลงนี้เป็นเพลงปลุกระดมให้คนไทยฆ่ากัน สุดท้ายจบลงที่รัฐประหาร เกิดการสังหารหมู่นักศึกษาประชาชน สร้างความเจ็บปวดให้สังคมไทย การหยิบเพลงนี้ขึ้นมาทำให้เกิดความแตกแยก อาจทำให้คนเข่นฆ่ากัน ผบ.ทบ.ควรปกป้องประเทศ ไม่ใช่สั่งให้คนไปเปิดเพลง จะทำให้คนไทยฆ่ากันเองหรืออย่างไร มีคนถามว่านักการเมืองจะกลัวจะหงอหรือไม่ เมื่อพูดไม่ถูกต้อง เราก็ต้องกล้าพูดว่า ผบ.ทบ.พูดอย่างนี้ไม่ได้ ควรไปปรับปรุงตัวเสียใหม่”

ต้องรักษาสถานะของกองทัพ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า ในฐานะ พล.อ.อภิรัชต์เป็นประชาชน จะสนับสนุนใครหรือรักใครเป็นสิทธิโดยชอบธรรม วันลงคะแนนท่านเป็นหนึ่งเสียงเท่ากับทุกคน แต่ในฐานะ ผบ.ทบ.ขอให้รักษาความเป็นกลาง ความสง่างาม ความน่าเชื่อถือของกองทัพบกไว้ให้มั่นคง การแสดงออกอย่างหนึ่งอย่างใดให้คนเข้าใจว่าเป็นการส่งสัญญาณสนับสนุนว่าที่นายกฯ หรือพรรคใด อาจทำให้คนสับสนว่าเป็นการส่งสัญญาณไปยังกำลังพลหรือไม่ ที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดว่า ในปี 2562 จะมีเรื่องดีงามเกิดขึ้น 3 เรื่องนั้น ไม่ควรเกิดในบรรยากาศบ้านเมืองที่คนยังพูดถึงการรัฐประหาร หรือการเลือกตั้งที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะทุกพรรคพร้อม ขอให้ ผบ.ทบ.แสดงความพร้อมเรื่องนี้ด้วย เราไม่ได้เป็นปฏิปักษ์หรือหวังเผชิญหน้ากับท่าน แต่ในฐานะประชาชนเรื่องพวกนี้มีสิทธิฝากถึงกันได้ “ใครจะหนักแผ่นดินหรือไม่ พูดกันไปมาไม่จบ วันที่ 24 มี.ค. ประชาชนน่าจะตอบอะไรได้บ้าง หลายปีที่ผ่านมางบกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้นตลอด ชาวบ้านเลยถามว่าไม่มีช่วงโปรโมชันลด 10 เปอร์เซ็นต์บ้างหรือ พอมีคนพูดขึ้นมาท่านก็โมโหโกรธา”

“สุธรรม”ซัดปลุกกระแสคลั่งชาติ

นายสุธรรม แสงประทุม ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ที่ พล.อ.อภิรัชต์ ไล่ให้นักการเมืองไปฟังเพลงหนักแผ่นดินนั้น ตนเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้ฟังเพลงนี้ตอนปี 2519 มีการปลุกกระแสคลั่งชาติจนเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่แล้วมีคนยืนยิ้มเมื่อเห็นการเผาคนทั้งเป็น ส่วนหนึ่งล้วนมาจากการเปิดเพลงนี้ ขนาดสมัยนั้นมีเพียงสถานีวิทยุ ผิดกับวันนี้การสื่อสารไปไกลมาก แผลเป็นจากวันนั้นจนวันนี้ยังไม่ได้รับการเยียวยา แล้วจะมารื้อสร้างแผลใหม่อีกทำไม เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ไม่อยากเห็นเหตุการณ์คนไทยฆ่ากันเหมือนในอดีตอีก

“วิภูแถลง” มองบวก ทษช.ติดชาร์ต

นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า จากเดิมพรรคไม่อยู่ในแรงกิ้งที่คนรู้จัก เหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 ก.พ. เวลาเพียง 8 ชั่วโมง ทำให้คนรู้จักพรรคไทยรักษาชาติเพิ่มมากขึ้น นำไปสู่ความเข้าใจเห็นใจ สิ่งที่เราควรทำต่อจากนี้คือไปย้ำเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.เขต หลังจากทีมรณรงค์หาเสียงหยุดหาเสียงชั่วคราวเพราะฝุ่นยังตลบ เลยต้องตั้งสติเพื่อประเมินสถานการณ์ วันนี้เมื่อฝุ่นจางลงเริ่มมองเห็นทาง จึงเริ่มออกไปรณรงค์หาเสียงอีกครั้ง ส่วนกระแสข่าวลือจะเกิดการรัฐประหารอีกครั้งนั้น เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับสากลจับตา รวมทั้งปัจจัยเศรษฐกิจไม่ดี ถ้าเกิดขึ้นจริงเท่ากับไปซ้ำให้มันแย่ลง

เรือดำน้ำ–ปากท้องอันไหนสำคัญ

ช่วงเช้าที่ตลาดเคซีสายไหม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ในฐานะผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ ลงพื้นที่ช่วยแนะนำนายภาคิน นิธิโชติการ และ พ.ต.อ.นพ.ปิยะพงษ์ สาครเย็น ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อชาติหาเสียง บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักได้รับการตอบรับที่ดี นายจตุพรกล่าวถึงนโยบายการลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมว่า เมื่อมีการยึดอำนาจทุกครั้ง งบกระทรวงกลาโหมจะเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ไม่สอดคล้องกับความ เดือดร้อนประชาชน ถามว่าความอดอยากของ ประชาชนกับเรือดำน้ำ อันไหนสำคัญกว่า ถ้าเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งจะนำเงินส่วนนี้ไปแก้ไขปัญหาความยากจนก่อน แต่หลักคิดผู้ยึดอำนาจถือว่าเป็นการลงทุน ต้องไปซื้อเรือดำน้ำ ซื้ออาวุธก่อน และการนำงบไปแก้ไขปัญหาความยากจน ไม่ใช่เป็นคนหนักแผ่นดิน บรรดาผู้นำเหล่าทัพควรมองโลกกว้างๆ

เตือนทรราชจบไม่สวยสักราย

นายจตุพรกล่าวว่า เพลงหนักแผ่นดิน แต่งขึ้นด้วยเจตนารมณ์สร้างความแตกแยกภายในชาติ แบ่งซีกขวาซ้ายเป็นแนวคิดขวาพิฆาตซ้าย อันนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19 แม้ ผบ.ทบ.สั่งยกเลิกไม่ให้เปิดในสถานีวิทยุแล้ว แต่การเปิดเสียงตามสายก็ไม่ควรเกิดขึ้น ทำให้คิดว่าอาจไม่มีเลือกตั้ง เพราะได้ยินเพลงนี้ทีไรจะตามมาด้วยการรัฐประหารทุกครั้ง ขอเสนอให้นำเพลงคืนความสุขมาเปิดแทน หรือไม่กล้าเปิด เพราะฟ้องว่าทุกอย่างไม่เป็นความจริง คิดว่าปรากฏการณ์ต่างๆ รวมถึงเรื่องเพลงหนักแผ่นดิน เป็นเพราะคนกลุ่มหนึ่งไม่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในวันที่ 24 มี.ค. ยังเชื่อว่าระหว่างมีหรือไม่มีการเลือกตั้งยัง 50-50 กันอยู่ การที่ พล.อ.ประยุทธ์เอาเปรียบคู่ต่อสู้ แต่เป็นการเอาเปรียบที่ไม่ชนะ สูญเสียความชอบธรรมที่จะมาเป็นนายกฯ เมื่อไม่ชอบธรรมแล้วประวัติศาสตร์ก็บอกว่า ถ้ายังเดินต่อไปก็ต้องจบด้วยคำว่าทรราช ท้ายที่สุดหลายคนมักเลือกเส้นทางทรราชเสมอ และจบไม่สวยสักคน

ซัด “บิ๊กตู่” เผด็จการไม่รับความจริง

น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ข้อมูลจากเว็บไซต์ไอลอว์ ระบุว่างบประมาณกองทัพนับตั้งแต่มีการรัฐประหาร 2557 รวมแล้วไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านบาท ในภาวะที่ไม่มี สงคราม ถือเป็นการใช้ภาษีไม่คุ้มค่า 5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจฐานรากอยู่ในภาวะย่ำแย่ แทนที่รัฐบาลจะตัดงบกองทัพนำไปแก้ปัญหาแต่กลับไม่ทำ เมื่อมีพรรคการเมืองเสนอนโยบายตัดงบกองทัพ หรือทำกองทัพให้เล็กลงตามแนวโน้มโลก พล.อ.ประยุทธ์ กลับบอกว่าอย่าพูดเอาสนุกปาก เห็นว่านี่คือลักษณะเผด็จการ ไม่รับฟังความคิดเห็นเหตุผลของผู้อื่น ส่วนบทบาทผู้นำกองทัพตามกฎหมายต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ในฐานะคนรุ่นใหม่ที่อายุไม่ถึง 30 ปี อยากถามว่าเป็นสิ่งสมควรหรือไม่สำหรับผู้ที่หาเลี้ยงชีพด้วยเงินภาษีประชาชนทั้งประเทศ จะออกมาพูดเช่นนี้

“มาร์ค”ขอ ผบ.ทบ.วางตัวเป็นกลาง

เมื่อเวลา 07.30 น. ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมทำบุญตักบาตรตั้งแต่ช่วงเช้าเนื่องในวันมาฆบูชา มีประชาชนที่มาทำบุญ ทักทายและขอถ่ายรูปอย่างเป็นกันเอง นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงการตอบโต้ระหว่าง พล.อ.อภิรัชต์กับพรรคการเมือง ว่าพรรคการเมืองมีสิทธินำเสนอนโยบาย อะไรที่เห็นไม่ตรงกันว่ากันไปตามเนื้อหาสาระ ทุกคนมีจุดยืนของตัวเอง แต่ไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดความขัดแย้ง เป็นเรื่องความแตกต่างทางความคิด พรรคประชาธิปัตย์ก็มีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ เช่น เรื่องการมีพลทหารสมัครใจ การปรับลดงบประมาณ แต่เราพยายามไม่นำเสนอในลักษณะนำไปสู่ความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น อยากให้ พล.อ.อภิรัชต์วางตัวเป็นกลางทางการเมือง หากมีประเด็นอะไรที่ท่านมองว่าเกี่ยวข้องกับองค์กรของท่านที่เป็นข้อเท็จจริง อยากให้ชี้แจงมากกว่า

ฟุ้งเป็นรัฐบาลเคยตัดงบทหาร

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า งบกองทัพสามารถปรับลดได้ แต่เรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต้องดูตามความจำเป็น ขณะนี้มีประเด็นปัญหาเกี่ยวข้องกับงบผูกพันอยู่ ต้องดูว่าปรับลดได้หรือไม่ ในยุคที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ปรับลดงบกระทรวงกลาโหมลงได้ เราดูตามความจำเป็น วันนี้ทุกหน่วยงานไม่ใช่เฉพาะกองทัพ ทุกคนมีสิทธิเสนอความคิดและนโยบาย นั่นคือเหตุผลที่เรามีการเลือกตั้ง เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้สมัครในบัญชีนายกฯคนหนึ่ง ควรมาร่วมวงสนทนาในเรื่องนี้ ประชาชนจะได้เห็นว่าความคิดแตกต่างกันอย่างไร หากท่านเห็นว่าเป็นนโยบายที่ไม่ดี ก็ควรมาร่วมวงว่าอะไรมันดีกว่า

รำไทเก๊ก–ทอดหมูขอคะแนน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะของนายอภิสิทธิ์เดินแจกแผ่นพับแนะนำตัวผู้สมัครและนโยบายกับประชาชนที่ออกกำลังกายภายในสวนรมณีนาถ นายอภิสิทธิ์ยังร่วมรำไทเก๊ก ถ่ายรูปกับกลุ่มผู้สูงอายุที่มาจิบน้ำชา รับประทานอาหารเช้า เดินไปทักทายประชาชนบริเวณชุมชนหลังวัดสุทัศน์ และตลาดตรอกหม้อ โดยนายอภิสิทธิ์โชว์การทอดหมู ที่ร้านขายหมูทอดในตลาดดังกล่าวด้วย ก่อนนำคณะมุ่งหน้าไปที่วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย เพื่อหาเสียงช่วยนายสุรันต์ จันทร์พิทักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ต่อไป

“เทือก” เชื่อปั่นให้ทะเลาะทหาร

ที่ตลาดปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) นายสุเทพให้สัมภาษณ์ภายหลังนำคณะเดินคารวะแผ่นดิน ว่า นักการเมืองต้องระมัดระวังการพูดจา เรากำชับลูกพรรคเลยว่า ไม่ให้ไปด่าหรือโจมตีใคร เมื่อถามว่าแบบนี้จะนำไปสู่การเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.ได้หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ต้องวิงวอนอย่าไปสร้างภาพที่น่ากลัวให้ประชาชนกังวลใจ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่มีการเลือกตั้ง ส่วนเรื่องงบประมาณกระทรวงกลาโหมเวลาจะหาเสียงก็พูดไปเรื่อย ข้อเท็จจริงก็มี วิธีทำงานตนไม่ขอพูด แต่ดูท่าทางเหมือนจะกำลังปั่นกระแสให้คนไปมีปัญหาทะเลาะกับทหาร งบฯทุกกระทรวงต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังเป็นหน้าที่ของ ส.ส.เมื่อเข้าสภาฯต้องไปทำหน้าที่ดูแลงบฯ ที่ผ่านมาเห็นข้างนอกคุยกันมาก แต่พอเข้าไปในสภาฯก็ไม่เห็นทำ

ชอบ “หนักแผ่นดิน” เตือนสติดี

“กับเรื่องเพลงหนักแผ่นดินที่มีกระแสในช่วงนี้ ตนก็เคยฟังและชอบ เพราะเป็นเพลงที่เตือนสติคนว่า เวลาที่คุณคิดจะทำอะไร ต้องคิดถึงว่ามีผลกระทบต่อบ้านเมืองส่วนรวมหรือไม่อย่างไร ถ้าคุณคิด คุณพูด คุณประพฤติ ในสิ่งที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย คุณก็เป็นคนหนักแผ่นดินก็ธรรมดา ตนเป็นกำนันอยู่ช่วงที่เพลงนี้ออกมา เขาปลุกให้คนรักชาติรักแผ่นดิน มีเพลงหลายเพลงออกมาพร้อมๆกัน” นายสุเทพกล่าว

“อนุทิน” เดินตลาดหาดใหญ่

ที่ จ.สงขลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมแกนนำพรรค ร่วมลงพื้นที่ช่วยทีมผู้สมัคร ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ได้แก่ นายนราเดช คำทัปน์ นายเจษฎาพงศ์ ชูแก้ว นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ นายอ่าโหรน หมันหลอ หาเสียง โดยนายอนุทินนำคณะร่วมทำบุญตักบาตรวันมาฆบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนออกเดินหาเสียงตามย่านธุรกิจการค้า ถนนนิพัทธิ์อุทิศ 3 ตลาดกิมหยง ตลาดโก้งโค้ง อ.หาดใหญ่ นายอนุทินกล่าวถึงนโยบายพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ต้องสร้างความมั่นคง ลดความขัดแย้ง และพัฒนาเศรษฐกิจให้สิทธิพิเศษต่างๆกับผู้ที่มาลงทุนในระดับภูมิภาคเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“สุวัจน์” ลงตลาดน้ำขวัญเรียม

ที่ตลาดน้ำขวัญเรียม กทม. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วย พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก รองหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.กทม.หาเสียง นายสุวัจน์กล่าวว่า พื้นที่ กทม. พรรคชาติพัฒนาไม่มีความกดดันใดๆ ถือเป็นพรรคน้องใหม่ที่เป็นทางเลือก จากการลงพื้นที่ได้รับการตอบรับที่ดี ส่วนที่พบว่าบางพื้นที่มีป้ายผู้สมัครถูกทำลาย และแก้ไขหมายเลขผู้สมัคร ตนไม่ติดใจและไม่คิดว่าเป็นปัญหาเพราะป้ายหาเสียงอยู่นอกบ้านอาจถูกสร้างความเสียหายไม่สามารถควบคุมได้ พรรคชาติพัฒนาไม่ติดใจ

ห่วงคนใช้สิทธิกาบัตรไม่เป็น

นายสุวัจน์กล่าวด้วยว่า ทุกฝ่ายควรร่วมสร้างบรรยากาศที่เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง พรรคการเมืองควรหาเสียงด้วยนโยบาย เชื่อว่าประชาชนต้องการฟังเนื้อหาสาระ ทั้งนี้ ขอเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้รณรงค์และประชาสัมพันธ์ถึงวิธีการเลือกตั้งให้มากกว่าปัจจุบัน เนื่องจากประชาชนแต่ละพื้นที่ยังตั้งคำถามเกี่ยวกับวิธีการลงคะแนนเลือกตั้งด้วยบัตรเลือกตั้งใบเดียว และกาเพียงหมายเลขเดียว

“ทวี” บอกไม่ควรไปยุ่งการเมือง

ที่โรงแรมสตาร์รินทร์รีสอร์ท อ.เมืองสตูล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ร.ต.อ.นิติภูมิ เนาวรัตน์ นายวิทยา พานิชพงศ์ ปราศรัยหาเสียงช่วยนายรอสี ใบกาเด็ม ผู้สมัคร ส.ส.สตูล เขต 1 มีประชาชนร่วมฟังราว 1,000 คน จากนั้น พ.ต.อ.ทวีตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณี พล.อ.อภิรัชต์ว่า ข้าราชการประจำไม่ควรยุ่งกับการเมือง นักการเมืองจะเสนอนโยบาย ข้าราชการที่ไม่เห็นด้วยมีช่องทางชี้แจงแล้ว ไม่อยากให้พัฒนาไปสู่ความขัดแย้ง หลายคนบอกว่าเป็นสัญญาณบอกเหตุ ตัว ผบ.ทบ.เป็นข้าราชการประจำ มีตำแหน่งใน สนช. มาแสดงบทบาทนี้ทำให้เกิดความรู้สึกไม่เชื่อมั่น อยากให้ ทหารปกป้องประชาธิปไตย ไม่ใช่ปกป้องฝ่ายที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

“เสรีพิศุทธ์” เดินสายบางสะพาน

ที่ตลาดบางสะพาน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ พ.ต.ท.เอกราช หุ่นงาม ผู้สมัคร ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 3 นำคณะเดินหาเสียงพร้อมเปิดเวทีปราศรัย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์และภาคใต้ เดิมเป็นพื้นที่พรรคประชาธิปัตย์ แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ เรามีความมุ่งมั่นจะปักธงในพื้นที่ภาคใต้ ในส่วนการเข้าร่วมรัฐบาลหลังจากการเลือกตั้ง พรรคจะอยู่กับฝั่งประชาธิปไตยเท่านั้น ในส่วนของกองทัพที่ผ่านมา ทหารดีๆมีเยอะ ทหารทางการเมืองคิดแต่ผลประโยชน์ ใครจะเป็นคนเข้ามาจัดการให้เข้ารูปเข้ารอย ตนกล้าทำ ถึงเเม้จะเป็นตำรวจแต่จบมาจาก ร.ร.เตรียมทหาร มีเพื่อน พี่ และน้องมากมาย ยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคเผด็จการอย่างแน่นอน

โฆษก กห.วอนหยุดสาดโคลน

ช่วงค่ำ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ยังมีบางพรรคหาเสียงด้วยการสาดโคลนยั่วยุกันไปมา พยายามลิดรอนเกียรติภูมิทหารและกองทัพ สถาบันหลักด้านความมั่นคงของประเทศ เป็นที่พึ่งของประชาชนในยามประเทศชาติเกิดปัญหา ขอความร่วมมือกันทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ใช้ความระมัดระวัง ไม่ยั่วยุบิดเบือนให้เกิดความแตกแยกทางสังคม กระทรวงกลาโหมยืนยันว่ากองทัพเป็นของประชาชน และเคารพการตัดสินของประชาชนในวิถีประชาธิปไตย พร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์ เพื่อพัฒนากองทัพและงานความมั่นคง

กกต.ปลื้มเลือกตั้งล่วงหน้าทะลุเป้า

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นคำขอลงทะเบียนใช้สิทธิลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้ง และนอกราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.ถึงวันที่ 19 ก.พ.ว่า มีผู้มีสิทธิยื่นลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตจำนวน 1 ล้าน 5 แสนคน ลงทะเบียนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร 85,000 คน เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งที่ผ่านมามีจำนวนมากกว่าและเกินเป้าที่ตั้งไว้ แสดงถึงการตื่นตัวเพราะตั้งแต่วันแรกที่เปิดรับการลงทะเบียนมียอดเพิ่มวันละกว่า 1 แสนคน ส่วนลงทะเบียนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรเพิ่มวันละกว่า 1 หมื่นคน ทั้งนี้หลังการลงทะเบียนเสร็จสิ้นในเที่ยงคืนวันที่ 19 ก.พ. กกต.ไม่สามารถขยายเวลาได้อีก

ไม่รับรองผู้สมัครเขต 389 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน กกต.ได้รวบรวมผลการประกาศรับรองผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตที่มีการส่งสมัครรับเลือกตั้งระหว่างวันที่ 4-8 ก.พ.จากทั้งสิ้น 81 พรรคจำนวน 11,181 คน โดยประกาศรับรองรายชื่อจำนวน 10,792 คน ไม่ประกาศรายชื่อ 389 คน จาก 55 พรรค อาทิ พรรคเพื่อนไทย 153 คน มหาชน 20 คน เศรษฐกิจใหม่ 16 คน แทนคุณแผ่นดิน 14 คน ครูไทยเพื่อประชาชน 12 คน ประชาชาติ 11 คน เพื่อแผ่นดิน 10 คน เพื่อชาติ 10 คน พลังท้องถิ่นไท 9 คน ประชาชนปฏิรูป 8 คน พลังปวงชนไทย 8 คน พลังประชาธิปไตย 7 คน ประชากรไทย 7 คน เสรีรวมไทย 6 คน รักษ์ผืนป่า ประเทศไทย 6 คน รวมพลังประชาชาติไทย 6 คน พลังชาติไทย 5 คน ประชาภิวัฒน์ 5 คน ประชาไทย 5 คน พลเมืองไทย 4 คน ประชาธรรมไทย 4 คน พลังไทยสร้างชาติ 4 คน

พรรคใหญ่ ปชป.–พปชร.ติดโผ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาติพัฒนา 4 คน ไทยรักธรรม 4 คน พลังไทยรักไทย 4 คน ไทยศรีวิไลย์ 3 คน พลังแรงงานไทย 3 คน ผึ้งหลวง 3 คน พลังสังคม 3 คน พรรคกลาง 2 คน สยามพัฒนา 2 คน ประชาธิปไตยใหม่ 2 คน ภูมิใจไทย 2 คน ความหวังใหม่ 2 คน พลังประชารัฐ 2 คน พลังธรรมใหม่ 2 คน อนาคตใหม่ 2 คน คนงานไทย 2 คน ประชานิยม 1 คน ถิ่นกาขาวชาววิไล 1 คน สังคมประชาธิปไตยไทย 1 คน พลังครูไทย 1 คน เพื่อธรรม 1 คน เพื่อคนไทย 1 คน ไทยรักษาชาติ 1 คน ประชาธิปัตย์ 1 คน พลังไทยรักชาติ 1 คน รักท้องถิ่นไทย 1 คน

ปาร์ตี้ลิสต์ติดไฟแดงอีก 107 ชื่อ

ส่วนรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อที่ 77 พรรค ส่งสมัครจำนวน 2,917 คน กกต.ประกาศรับรอง 2,810 คน ไม่รับรอง 107 คน ประกอบด้วย พรรคกรีน 3 คน ครูไทยเพื่อประชาชน 5 คน ชาติไทยพัฒนา 1 คน แทนคุณแผ่นดิน 4 คน ไทยธรรม 1 คน ไทรักธรรม 1 คน ประชากรไทย 3 คน ประชาชนปฏิรูป 2 คน ประชาชาติ 2 คน ประชาไทย 1 คน ประชาธรรมไทย 5 คน ประชานิยม 1 คน ประชาภิวัฒน์ 5 คน ผึ้งหลวง 8 คน พลังชาติไทย 1 คน พลังท้องถิ่นไท 5 คน พลังไทยรักไทย 2 คน พลังธรรมใหม่ 1 คน พลังประชา ธิปไตย 2 คน พลังปวงชนไทย 3 คน พลังสังคม 1 คน เพื่อชาติ 7 คน เพื่อแผ่นดิน 1 คน ภูมิใจไทย 6 คน มหาชน 3 คน รวมพลังประชาชาติไทย 10 คน เศรษฐกิจใหม่ 9 คน สังคมประชาธิปไตยไทย 1 คน เสรีรวมไทย 2 คน และอนาคตใหม่ 3 คน

ก้นร้อนแห่ถามหวั่นโดนโทษหนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในกรุ๊ปไลน์ที่ กกต.ตั้งขึ้นเพื่อไว้ติดต่อกับตัวแทนพรรคการเมือง พบว่ามีการไลน์สอบถามความชัดเจนกรณีผู้สมัครไม่ได้รับการประกาศชื่อ กกต.จะคืนค่าสมัคร 1 หมื่นบาทให้หรือไม่ รวมทั้งหากศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามที่ กกต.ไม่ประกาศชื่อให้เป็นผู้สมัคร กกต.จะดำเนินคดีกับผู้สมัครและหัวหน้าพรรคตามมาตรา 151 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ระบุว่าผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัคร หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปีหรือไม่ และมีวิธีการไหนที่ กกต.จะไม่เอาผิดได้หรือไม่เพราะบทลงโทษรุนแรงมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ชี้แจงเพียงค่าสมัครจะไม่ได้รับคืนเท่านั้น

ยัน พ.ร.บ.ข้าวไม่กระทบชาวนา

อีกเรื่อง น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีร่าง พ.ร.บ.ข้าว ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีการเอาความเห็นของตนที่เคยถูกถามในร่างเดิมก่อนมีการปรับแก้เมื่อปลายปีที่แล้ว มากล่าวถึงในสื่อต่างๆในลักษณะที่อาจทำให้สังคมเข้าใจคลาดเคลื่อนว่ามีความเห็นตรงข้ามกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ในฐานะที่กระทรวงพาณิชย์เป็นหนึ่งที่เสนอความเห็นประกอบร่าง พ.ร.บ.ข้าว ส่งให้คณะรัฐมนตรี กระทรวงพาณิชย์ไม่เห็นด้วยในหลายประเด็น และเสนอความเห็นที่ควรปรับแก้ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยในร่างฉบับที่จะเสนอสนช.พิจารณาวันที่ 20 ก.พ.นี้ ได้มีการแก้ไขตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอขอแก้เป็นส่วนใหญ่แล้วโดยเฉพาะในเรื่องเมล็ดพันธุ์ ชาวนาจะไม่ได้รับผลกระทบแบบที่เข้าใจผิด

สนช.ถก ก.ม.ไซเบอร์ 22 ก.พ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 22 ก.พ. มีวาระการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ที่กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วในวาระ 2-3 โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีสาระสำคัญ กำหนดให้มีคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) มีหน้าที่กำหนดนโยบายบริหารจัดการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และให้มีคณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (กกม.) มี รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นประธาน ทั้งกรณีเกิดเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ร้ายแรงให้ กกม.มีอำนาจออกคำสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์รวบรวมข้อมูลพยานเอกสาร พยานบุคคลเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และประเมินผล และให้พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปในสถานที่ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามโดยได้รับความยินยอมจากผู้ครอบครองสถานที่นั้น รวมถึงมีคำสั่งให้หน่วยงานรัฐสนับสนุน

อำนาจล้นค้นได้ไม่ต้องมีหมายศาล

นอกจากนี้ ในกรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน และเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับวิกฤติ มาตรา 67 ให้ กมช.มอบหมายให้เลขาธิการ กมช.มีอำนาจดำเนินการได้ทันทีเท่าที่จำเป็นเพื่อป้องกันและเยียวยาความเสียหายก่อนล้วงหน้าได้ โดยไม่ต้องยื่นคำร้องต่อศาล แต่หลังจากการดำเนินการดังกล่าว ให้แจ้งรายละเอียดการดำเนินการดังกล่าวต่อศาลที่มีเขตอำนาจทราบโดยเร็ว และในกรณีร้ายแรงหรือวิกฤติเพื่อประโยชน์ในการป้องกันและลดความเสี่ยง ให้เลขาธิการ กมช.โดยความเห็นชอบของ กกม.มีอำนาจขอข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และต่อเนื่องจากผู้เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยผู้นั้นต้องให้ความร่วมมือ และให้ความสะดวกแก่ กกม.โดยเร็ว