เปิดช่องรัฐมนตรี อยู่ต่อ-ได้ยาว ไปถึงเลือกตั้ง

กกต.เล็งเชิญพรรคการเมือง ถกอีกรอบหลังยังมีข้อสงสัยหลายปม ยันไม่มีหน้าที่ไปสแกนพรรคนอมินี ชี้เป็นสิทธิทำได้ เผยยังตรวจสอบอยู่กรณี “ทักษิณ” สไกป์เข้าข่ายครอบงำพรรคหรือไม่ ย้ำไม่มีกฎหมายห้าม รมต.สังกัดพรรคการเมือง “วิษณุ” เผยคนลงชิงตำแหน่งนายกฯไม่ต้องมีพรรคก็ได้ พปชร.ระดมสมองคนรุ่นใหม่คึกคัก ตบเท้าเข้าร่วมกว่า 60 ชีวิต “อุตตม” ขอร่วมทำงานกันแบบถาวรเพื่อพลิกเปลี่ยนประเทศ เพื่อไทยยอมรับเพื่อธรรมคือเนื้อหน่อเดียวกัน เฉ่งยับพฤติกรรมคน ปชป. ยุ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ควรถอนฟ้องให้ เผย “ศิริโชค” ดีลผ่าน “โอ๊ค” ขอ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ถอนฟ้อง แต่โพสต์แล้วลบทำฉุนเจอขู่จนต้องยอมโพสต์ใหม่ยาวๆ ฮ่องกงคึก “เจ๊หน่อย” นำทัพพบ “ทักษิณ” ถกปัญหาติดขัด วางยุทธศาสตร์แบ่งค่าย “3 เพื่อ” แยกกันเดินรวมกันตี ศึกชิงหัวหน้า ปชป.โหมโรง “วรงค์-อภิสิทธิ์” เดินสายหาแต้มขึงขัง

หลังจากมีคลายล็อกให้พรรคการเมืองขยับ เขยื้อนเคลื่อนไหวทำกิจกรรมตามกติการัฐธรรมนูญใหม่ ส่งผลให้บรรยากาศค่อนข้างคึกคัก มีการประชุมพรรค รวมทั้งจัดตั้งพรรคขึ้นมาใหม่จำนวนมาก ท่ามกลางข้อสังเกตว่าเป็นพรรคนอมินีของบางพรรค การเมือง แต่ล่าสุด กกต.ระบุว่าไม่มีหน้าที่ไปตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมเตรียมนัดประชุมพรรคการเมืองอีกรอบเพื่อเคลียร์ปัญหาคาใจ

...

กกต.เตรียมเชิญพรรคถกอีกรอบ

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเชิญพรรคการเมืองเข้าหารืออีกครั้งเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งว่า กกต.เตรียมเชิญพรรคการเมืองเข้าหารืออีกครั้งเกี่ยวกับกติกาต่างๆ หลังจากพรรคการเมืองยังมีข้อสงสัยจากการประชุมเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะนัดเมื่อไหร่ ส่วนความคืบหน้าการแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง 616 คนทั่วประเทศ กกต.ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนและข้อชี้แจงแล้ว พบมีผู้สมัครบางรายมีปัญหาในเรื่องคุณสมบัติ ต้องนำรายชื่อออกจากบัญชี และยังมีบางส่วนที่ กกต.ไม่เชื่อมั่นว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง คาดว่าสัปดาห์นี้จะสามารถประกาศแต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีปัญหาได้ เพื่อเข้ารับการอบรมก่อนที่จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

ไม่มีหน้าที่สแกนพรรคนอมินี

เมื่อถามถึงกรณีพรรคการเมืองใช้กลยุทธ์ตั้งพรรคนอมินีเพื่อเก็บเกี่ยว ส.ส.บัญชีรายชื่อให้ได้มากขึ้น นายอิทธิพรตอบว่า กกต.ไม่มีหน้าที่ไป พิจารณาตรงนั้น เพราะพิจารณาเฉพาะตามกฎหมายถึงคุณสมบัติของการตั้งพรรคว่าครบถ้วนหรือไม่ แต่ละพรรคจะไปทำอะไรถือเป็นสิทธิ แต่ถ้าทำผิดกฎหมาย กกต.มีอำนาจและหน้าที่จะต้องดำเนินการ ไม่ให้พรรคการเมืองทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต

ตรวจสอบอยู่กรณี “ทักษิณ” สไกป์

เมื่อถามถึงความคืบหน้าพิจารณายุบพรรคเพื่อไทย กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สไกป์คุยกับอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าข่ายการครอบงำพรรคหรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า ได้รายงานเข้าที่ประชุม กกต.แล้วว่ามีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น โดยเห็นควรว่าจะต้องตรวจสอบในรูปแบบของคณะกรรมการว่าเรื่องนี้มีมูลหรือไม่ ยังไม่ทราบว่าจะเสร็จเมื่อใด เพราะ การพิจารณาต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งไม่ง่าย

ก.ม.ไม่ห้าม 4 รมต.สังกัดพรรค

เมื่อถามถึงข้อกังวลของพรรคการเมืองกรณี 4 รัฐมนตรีประกาศเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายอิทธิพรตอบว่า บุคคลมีตำแหน่งในพรรคและมีตำแหน่งใน ครม. เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเกือบทุกรัฐบาลเป็นปกติ สามารถทำได้ กฎหมายไม่ได้ห้ามบุคคล ที่มีตำแหนงในพรรคต้องลาออก แต่อย่าใช้ตำแหน่งในทางที่เป็นประโยชน์ต่อทางการเมืองของพรรคตัวเอง กฎหมายเขียนถึงขั้นไม่ให้นำทรัพยากรมาใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เรื่องนี้ กกต.ต้องดูไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลทุกชุดใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อประโยชน์ของพรรค

แคนดิเดตนายกฯไม่ต้องสังกัดพรรค

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีกรอบเวลาที่พรรคการเมืองต้องเปิด 3 รายชื่อที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีว่า พรรคการเมืองต้องประกาศตอนที่ กกต.เปิดรับสมัคร โดยยื่นที่ กกต.กลาง และไม่จำเป็นต้องยื่นในวันเดียวกับการยื่นสมัคร ส.ส. เพราะแต่ละจังหวัดอาจมีวันไม่ตรงกัน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเปิดก่อนมีการเลือกตั้ง และบุคคลที่จะอยู่ใน 3 รายชื่อดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมือง แต่สามารถถูกเสนอชื่อได้โดยพรรค การเมืองเดียว และต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าตัว เมื่อถามว่า การที่รัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบันจะไปร่วมงานกับพรรคการเมือง มีเงื่อนไขอะไรที่จำเป็นต้องลาออกก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่มี เมื่อถามย้ำว่า หากไม่ออกจากตำแหน่งก็สามารถ อยู่ได้ยาวจนกว่าจะมีการเลือกตั้งเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ใช่

พปชร.ระดมสมองคนรุ่นใหม่

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดระดมสมองพลังคนรุ่นใหม่ เพื่อนำมาประกอบเป็นนโยบายพรรค โดยมีบรรดาแกนนำพรรคเข้าร่วม อาทิ นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ว่าที่หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษกพรรค นายชวน ชูจันทร์ ว่าที่กรรมการบริหารพรรค นายอิทธิพล คุณปลื้ม ว่าที่ ผอ.พรรค นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ว่าที่กรรมการบริหารพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ สมาชิกพรรค เป็นต้น

“อุตตม” ขอร่วมงานกันแบบถาวร

นายอุตตมกล่าวว่า 8 วันที่เราได้รวมตัวกันแสดงเจตจำนงร่วมกันในนามพรรคพลังประชารัฐ ดีใจที่เราได้มาพบกัน เรามีความจริงจัง มุ่งมั่น ร่วมงานกันแบบถาวร จะทำงานต่อเนื่องเพื่อพัฒนาประเทศ จะได้มากหรือน้อยไม่ใช่ประเด็น ขอให้ออกมาร่วมกันคิด จะได้อย่างหวังหรือผิดหวังไม่ใช่ประเด็น แต่ขอให้ออกมาทำ 1 สาย 1 พลังเราไม่มีสายอื่นความคิดมีหลากหลายได้ เรานำมาแชร์ร่วมกัน ไม่ต้องห่วง ตน 3 คน มีใจเต็มร้อย ดังนั้น จึงขอใจพวกท่านเช่นกัน

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันเริ่มต้นมีโอกาสและมีเวที ในอดีตเรารวมพลังกันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ ตนในฐานะแม่บ้านพรรคในอนาคตมองว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

รวมพลังเพื่อเปลี่ยนประเทศ

นายกอบศักดิ์กล่าวว่า พวกเราคือเพื่อนร่วมอุดมการณ์และทุกคนที่มาก็ปรารถนาที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประชาชน เพื่อเป็นทางเลือกให้เขา พรรคพลังประชารัฐจะเป็นพรรคการเมืองที่รวบรวมพลังจากทุกฝ่าย ทั้งภาคประชาสังคม ภาคนักวิชาการ ภาคเอกชน และภาครัฐ เพื่อเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศ มาสานฝันนำเสนอนโยบายให้กับทุกคน พรรคนี้ไม่มีเจ้าของแต่เป็นของทุกคน บริษัทจะเปลี่ยนแปลงได้คนในบริษัทต้องลงสนาม ประเทศจะเปลี่ยนทุกคนก็ต้องลงสนามเช่นกัน

ปลื้มได้คนรุ่นใหม่ร่วมทีม 68 คน

จากนั้นได้เวิร์กช็อปแบ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ จำนวน 68 คน ที่อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นและระดมสมอง เพื่อนำมาประกอบเป็นนโยบายของพรรค ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนาน แต่ละกลุ่มได้ร่วมกันแสดงท่าทางประจำกลุ่ม โดยรัฐมนตรี และผู้บริหารพรรค อาทิ นายอุตตมได้ร่วมบูมและทำท่าแปลงร่างแสดงพลังกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ เช่นเดียวกับนายสนธิรัตน์ และนายกอบศักดิ์ ที่ร่วมทำกิจกรรมอย่างเป็นกันเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ อาทิ “โฟม” นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานฝ่ายบริหารสนามกอล์ฟ ไพน์เฮิร์ส หลานชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร นายธนัย สูตะบุตร นักวิชาการด้านการศึกษาและด้านกฎหมาย นักธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย

ยินดีต้อนรับ “มิ่งขวัญ” ร่วมทีม

นายอุตตมให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า วันนี้พบกันไม่มีอะไรพิเศษ แต่สิ่งสำคัญคือเริ่มจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีแนวความคิดการรวมสิ่งใหม่ๆ แลกเปลี่ยน ว่าเราอยากเห็นอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทย เราจะจัดงานลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำสิ่งดีๆให้กับประเทศ เมื่อถามว่ากลุ่มสามมิตรจะเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายอุตตมตอบว่า มีการพูดจากันมาตลอดหลายฝ่าย แต่ยังไม่ได้ตกลง อะไรกัน เพราะพรรคพลังประชารัฐยังไม่จดทะเบียนกับ กกต. จึงยังไม่ได้ตัดสินใจ เมื่อถามว่ามีข่าวว่านายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตรองนายกฯและ รมว. พาณิชย์ ของรัฐบาลทักษิณจะมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตมกล่าวว่า “จริงหรือ ยังไม่ได้คุย กับผม แต่ก็ยินดีเพราะรู้จักนายมิ่งขวัญมานานถ้าให้ความสนใจก็ยินดี เหมือนที่ทุกฝ่าย ทุกพรรคให้ความสนใจ สามารถที่จะมาพูดคุยกันได้” เมื่อถามอีกว่าตระกูลสะสมทรัพย์ กลุ่มบ้านริมน้ำจะมาร่วมด้วยหรือไม่ นายอุตตมตอบว่า อันนี้ยังเร็วเกินไป รอให้เข้ารูปเข้ารอยก่อน

พท.ยอมรับเพื่อธรรมเนื้อเดียวกัน

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต รมว.ศึกษาธิการ และอดีต ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการก่อตั้งพรรคเพื่อธรรม ที่มีอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยไปร่วมด้วยว่า ไม่ถือเป็นความแตกแยกภายในของพรรคเพื่อไทย เพราะบุคคลที่ออกจากพรรคเพื่อไทยไปล้วนมีอุดมการณ์เดียวกันที่ต้องการเห็นประชาธิปไตย เกิดขึ้น รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่เอื้อให้พรรคการเมือง ใดพรรคการเมืองหนึ่งมีเสียงข้างมาก ทำให้มีการตั้งพรรคใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้รัฐบาล คสช.ปลดล็อกทางการเมือง เพราะการคลายล็อกไม่เอื้อต่อการเปิดรับสมาชิกพรรค ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยไม่คาดหวังว่าจะมีสมาชิกพรรคกลับเข้ามาสมัครเท่ากับจำนวนเดิมก่อนหน้านี้ เพราะติดเงื่อนไขที่ คสช.กำหนดไว้

“นพดล” ยันอยู่เพื่อไทยไม่ไปไหน

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ แกนนำ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อีกไม่กี่เดือนจะเลือกตั้งแล้ว ประชาชนอยากฟังและเปรียบเทียบนโยบายของพรรคต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร นโยบายที่เสนอทำได้จริงหรือไม่ ยิ่งให้เวลาพรรคการเมืองจัดทำนโยบายและสื่อสารแลกเปลี่ยนกับประชาชนมากเท่าไหร่ ยิ่งจะทำให้มีการแข่งขันของแต่ละพรรค การรับฟังประชาชนในพื้นที่จะทำให้คิดนโยบายแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากเท่านั้น และยังจะทำให้การเลือกตั้งครั้งหน้ามีความหมาย ประชาชนจะตื่นตัวไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากขึ้น เป็นการยกระดับการเมืองของประเทศ เราพูดกันมามากว่าจะปฏิรูปการเมือง ดังนั้น ควรเริ่มจากจุดนี้ ผู้มีอำนาจควรเปิดให้พรรคการเมืองพบปะประชาชนเพื่อจัดทำและนำเสนอนโยบายได้แล้ว ไม่มีเหตุที่ต้องกังวล ส่วนกระแสข่าวมีคนชวนตนไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นนั้น ยืนยันว่าตนเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งไม่เคยมีใครชวนไปที่อื่น

“ก่อแก้ว” เฉ่งพฤติกรรมคน ปชป.

นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณีนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ขออภัยต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กรณีร่วมกับพวกอีก 2 คน หมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณี ว.5โฟร์ซีซั่นส์ว่า การกระทำของบุคคลทั้ง 3 สะท้อนให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางอย่างไร ใช้การใส่ร้ายป้ายสี ใช้วาทกรรมโจมตีฝ่ายตรงข้ามให้เกิดความเสื่อมเสียโดยไม่มีหลักฐาน พูดลอยๆ ยกเมฆ ในอดีตคนของพรรคนี้เคยหลอกชาวสวนยาง สวนปาล์ม ให้ออกมาชุมนุมขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คนที่หลอกชาวบ้านวันนั้นบอกว่า ยาง 90 บาท ไม่พอต้อง 120 วันนี้ ยาง 3 โล 100 หายหัวไปไหนไม่เคยหาทางช่วย หวังว่าชาวใต้ที่ถูกหลอก คงจำบทเรียนได้ดีและสั่งสอนพวกขี้โกหกในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ยุ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ควรถอนฟ้อง

“คนของพรรคนี้พอจวนตัว กลัวติดคุก ก็มาเจรจาขอให้ถอนฟ้องแลกกับการขอโทษ แต่ไม่มีความจริงใจ โพสต์ขอโทษยังไม่ทันข้ามวันก็ลบออก แต่พอสังคมวิพากษ์วิจารณ์ก็กลับมาโพสต์ใหม่ แสดงให้เห็นว่าทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ถือโทษโกรธเคือง ท่านเป็นแม่พระ ไม่โกรธทั้งๆที่ถูกรุมใส่ร้ายมาตลอด ท่านให้อภัย แสดงถึงความมีน้ำใจกับทุกคน หากสำนึกผิดจริงก็ควรให้อภัย แต่การกระทำแบบนี้ดูเหมือนว่าเป็นแค่การเอาตัวรอดเท่านั้น ตอนโจมตีท่านพูดกันสนุกมาก แต่พอให้ขอโทษกลับมาทำหน้าบาง ทำให้ผมคิดว่าท่านอดีตนายกฯไม่น่าถอนคำร้องให้คนประเภทนี้เลย” นายก่อแก้วกล่าว

เผย “ศิริโชค” ดีล “โอ๊ค” กลัวติดคุก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยอมถอนฎีกาในคดีที่นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กับพวกอีกสองคนกล่าวหมิ่นประมาทกรณีโฟร์ซีซั่นส์ โดยให้นายศิริโชคโพสต์ข้อความขอโทษในเฟซบุ๊กนั้น เนื่องจากนายศิริโชคประสานผ่านนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้ช่วยพูดคุยกับนายทักษิณ รวมทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งทั้งนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ยินยอมที่จะถอนฟ้องให้ เพราะมองว่าเวลานี้การสร้างมิตรย่อมดีกว่าสร้างศัตรู และนายศิริโชคถือเป็นคนสนิทของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่พรรคเพื่อไทยได้พูดคุยประสานเรื่องการร่วมกันตั้งรัฐบาลแบบหลวมๆ อยู่ในขณะนี้ด้วย อย่างไรก็ตามการที่นายศิริโชคโพสต์ข้อความขอโทษเพียงไม่นานแล้วลบออกไปนั้น สร้างความไม่พอใจให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์รวมทั้งเครือข่ายคนใกล้ชิด จึงแสดงความไม่พอใจแกมข่มขู่ว่าอาจไม่ถอนฟ้องให้ ทำให้นายศิริโชคต้องโพสต์ข้อความขอโทษใหม่อีกครั้ง โดยระบุจะแสดงค้างไว้เป็นเวลา 7 วัน ทั้งนี้ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ถอนฟ้องและศาลฎีกาตัดสินให้ต้องจำคุก นายศิริโชคและพวกจะต้องถูกตัดสิทธิลงเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ทันที

“หน่อย” นำทีมอดีต ส.ส.พบ “ทักษิณ”

ด้านความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เดินทางมายังฮ่องกง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 7 ต.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรค ได้นำทีมอดีต ส.ส. กทม.พรรคเพื่อไทย และอดีต ส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทย บางส่วนเข้าพบนายทักษิณ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอดีต ส.ส.จากทุกภาคทยอยเข้าพบนายทักษิณอย่างต่อเนื่อง เพื่อหารือถึงการตั้งพรรคเพื่อธรรม เพื่อชาติ ที่ยังมีอดีต ส.ส.บางส่วนไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ เพราะเดิมทีนายทักษิณมีความกังวลต่อการถูกยุบพรรค ต้องการทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคร้าง ให้อดีต ส.ส.เพื่อไทยย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อธรรมให้หมด แต่แกนนำพรรคเพื่อไทยบางส่วนคัดค้าน ยืนยันต้องการใช้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคหลักในการต่อสู้ ถึงแม้ถูกยุบจริงคะแนนเสียงจากประชาชนคงจะเทมาให้พรรคที่เป็นแนวร่วมอย่าง เพื่อธรรม เพื่อชาติอย่างถล่มทลายอยู่ดี เมื่อได้รับฟังข้อมูลจากหลายฝ่ายทำให้นายทักษิณลำบากใจ จึงขอให้แกนนำแต่ละฝ่ายมาร่วมพูดคุย หาทางออกที่เหมาะสมในการวางยุทธศาสตร์เลือกตั้งให้ลงตัวที่สุด สุดท้ายจึงให้ต่างฝ่ายต่างทำ แต่ทั้งหมดจะมาเป็นพันธมิตรการเมืองร่วมกันในวันข้างหน้า หากได้จำนวนคะแนนเสียงจำนวนมาก เชื่อว่าพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก ที่ยังแทงกั๊กทางการเมือง จะมาร่วมงานการเมืองกับฝ่ายประชาธิปไตยแน่นอน

งัดยุทธศาสตร์แยกกันเดินรวมกันตี

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังสัญญาณเลือกตั้งถูกส่งมาค่อนข้างแน่ชัด ทำให้พรรคเพื่อไทยวางยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งต่อไปไว้พร้อมแล้ว โดยจะใช้ยุทธศาสตร์ แยกกันเดินรวมกันตี ใช้แนวร่วม ทั้งพรรคหลัก พรรคร่วม พรรคมวลชน ผนวกเข้าด้วยกันแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม 1.พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคหลัก ประกอบด้วยผู้สมัครเกรดเอ ที่เคยดำรงตำแหน่งการเมืองสำคัญๆ หวังดึงเอา ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว 2.พรรคเพื่อธรรม ที่มี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรค จะเป็นพรรครองรับผู้สมัครที่พลาดไม่ได้ลงสมัครในพรรคเพื่อไทย รองรับผู้สมัครเกรดบี เน้นนำคะแนนที่ได้มาเป็นคำนวณเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยหนึ่งในสามชื่อที่จะเสนอชื่อเป็นนายกฯ จะมีชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ด้วย 3.พรรคเพื่อชาติ มีแกนนำเสื้อแดงคนสำคัญร่วมจัดตั้ง จะเป็นพรรคสำหรับทางเลือกของแกนนำคนเสื้อแดง แนวร่วม ผู้เคยร่วมงานกับคนเสื้อแดง โดยความเคลื่อนไหวพรรคเพื่อชาติ นั้นช่วงเช้าวันที่ 7 ต.ค.ที่ห้างอิมพีเรียล สำโรง เพิ่งจะมีการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1/2561 เพื่อปรับปรุง เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับพรรค แก้ไขโลโก้พรรคจากตัวอักษร พช.ไปเป็นรูปแบบใหม่ สัญลักษณ์ใหม่ รวมถึงเรื่องการขอย้ายที่ทำการพรรคจากย่านสมุทรปราการ ไปเป็นโซน กทม. จากนั้นจะได้มีการแจ้งเรื่องไปยัง กกต.เพื่อขอจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือก คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะจัดขึ้นในเดือน พ.ย. ย่านชาน กทม.

สู้กันเต็มที่ไม่ต้องเกี้ยเซียะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายุทธศาสตร์นี้ จะเป็นการต่อสู้กันทางการเมืองอย่างเต็มกำลังในสนามเลือกตั้ง ไม่มีการ เกี้ยเซียะ เป็นนอมินีหรือมาประนีประนอมกัน เพราะทุกคะแนนเสียงมีความหมาย พรรคเพื่อไทย มุ่งเน้น ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ถึงจะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้แต่คนเดียวก็ไม่เป็นไร ส่วนพรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ ถ้าได้ ส.ส.เขตเข้ามาบ้าง ถือเป็นกำไร แต่ถ้าไม่ได้ถือเป็นการเก็บตกคะแนนเสียงที่ไม่ทิ้งน้ำ และได้มีการนำเสนอยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้คนทางไกลทราบเป็นระยะ ซึ่งตอบรับเห็นด้วย เพราะมองว่ารัฐธรรมนูญใหม่ เขียนไว้ให้ รวมกันแพ้ แต่แยกกันแล้วชนะ

“อลงกรณ์” ข้องใจใครเล่นสกปรก

นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กหัวเรื่อง “ทำไมต้องเล่นสกปรกกันแบบนี้” ว่า “ไม่รู้ใครปล่อยข่าวและสื่อก็ไม่ตรวจสอบ เหมือนต้องการดิสเครดิต ผมว่ามีอดีต ส.ส.แค่ 2 คนรับรองผม ที่ผ่านมาก็ตั้งใจเสนอการเมืองสร้างสรรค์เพื่อให้ภาพลักษณ์พรรคดีขึ้น โดยเฉพาะการริเริ่มระบบไพรมารี หยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ของท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่คนที่ไม่รักพรรคบางคนก็ยังใช้วิธีปล่อยข่าวทำลายคนอื่น และใช้สื่อเป็นเครื่องมือโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่มีการตรวจสอบความจริงจากผม และอ้างแหล่งข่าวที่ไม่มีที่มาที่ไป”

ยันได้ผู้รับรองครบ 20 ตามกติกา

นายอลงกรณ์ พลบุตร ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ล่าสุดตนและทีมผู้สนับสนุนได้รวบรวมรายชื่ออดีต ส.ส.ผู้รับรองตามกติการะเบียบการหยั่งเสียง ครบ 20 คนแล้ว จากนี้จะเดินหน้าต่อ โดยวันที่ 8 ต.ค. จะไปที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์เพื่อสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค จับสลากเลือกเบอร์หรือหมายเลขของผู้ร่วมแข่งขัน และจะเริ่มรณรงค์หาเสียงกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้จะประกาศแคมเปญ นโยบาย และวิสัยทัศน์ที่จะทำให้พรรคและสมาชิกพรรคที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ถนนรัชดา ต่อสื่อมวลชน สมาชิกพรรค และสังคม ในวันที่ 10 ต.ค. หลังจากนั้นจึงจะเดินสายหาเสียงในต่างจังหวัดกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป

“วรงค์” ลงพื้นที่อุบลฯเอาฤกษ์ชัย

วันเดียวกัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศลงแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี พร้อมกับนายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายศุภชัย ศรีหล้า อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มเพื่อนหมอวรงค์ กราบสักการะพระธาตุหนองบัว ณ วัดพระธาตุหนองบัว ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี และกราบขอพรพระครูอมร ธรรมสโรช เจ้าคณะตำบลในเมืองเขต 1 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหนองบัว ขอพรให้ได้รับคัดเลือกเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งพระครูอมรได้มอบของขลังเป็นเบี้ยแก้ให้ไป พร้อมบอกว่ามีโอกาสอยู่ จากนั้น นพ.วรงค์เดินทางไปสักการะอนุสรณ์สถานนายฟอง สิทธิธรรม ผู้เป็นเจ้าของที่ดินวัดพระธาตุหนองบัว และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ก่อนเดินทางไปที่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี เปิดคุ้มศรีม่วง ปั้นข้าวเหนียว พบปะพี่น้องประชาชนที่มาคอยต้อนรับ

ไม่มีปัญหารายชื่อรับรองชิงผู้นำ

นพ.วรงค์กล่าวว่า การลงมาทำกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อแสดงจุดยืนในความพร้อมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และพบปะพี่น้องสมาชิกภาคอีสาน ขณะนี้ตนได้ผู้รับรองมากกว่า 10 คนแล้ว คิดว่าไม่น่ามีปัญหาในเรื่องจำนวนผู้รับรอง ซึ่งนายถาวรที่สนับสนุนตน และอยู่ในกลุ่มเพื่อนหมอวรงค์ เป็นคนทำหน้าที่รวบรวมรายชื่ออดีต ส.ส.ผู้รับรอง มั่นใจว่าครบก่อนเดินทางไปสมัครวันที่ 8 ต.ค.แน่นอน

“มาร์ค” ไม่เลือกข้าง ขอเลือก ปชช.

ที่โรงแรมเจบี หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เพิ่งเดินทางกลับจากการประชุมที่แอฟริกา เดินทางลงพื้นที่เพื่อพบปะสมาชิกพรรค พร้อมแกนนำพรรคที่สนับสนุนชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค อาทิ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค นายศิริโชค โสภา รองเลขาธิการพรรค โดยมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ใน จ.สงขลา 8 เขตเลือกตั้งกว่า 2,000 คน มาให้กำลังใจ มอบดอกกุหลาบ โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวตอนหนึ่งว่า ยืนยันจะสมัครเข้าแข่งขันเพื่อเป็นหัวหน้าพรรคอีกสมัย วันนี้เขาวิเคราะห์การ เมืองว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้มีอำนาจในปัจจุบันกับพรรคการเมืองที่พูดง่ายๆว่าเป็นพรรคที่สืบทอดมาจากนายทักษิณ ชินวัตร ตนขอยืนยันว่าประชาธิปัตย์ไม่ต้องการติดหล่มการเมืองแบบนี้ ประเทศไทย คนไทยมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ วันนี้เราไม่เลือกข้างแบบนั้น เรามาตั้งหลักร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสร้าง ตนมาถึงวันนี้อายุ 54 ปีแล้ว หมดเวลาเกรงใจคนแล้ว ต้องทำเรื่องปากท้อง แก้เศรษฐกิจให้สำเร็จ พรรคประชาธิปัตย์ต้องพาประเทศเดินไปข้างหน้า ไม่ถูกลากให้เลือกข้าง เพราะเราไม่เอาทั้งทุจริตหรือเผด็จการ

ฝาก 4 ข้อ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้ง

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า ที่ผ่านมาในอดีต กกต.จะเป็นผู้กำหนดแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งหลายเขตถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเอื้อประโยชน์ให้นักการ เมืองบางคน พรรคการเมืองบางพรรค มาครั้งนี้มีการเปิดโอกาสให้พรรคการเมือง และประชาชนแสดงความคิดเห็นน่าจะช่วยทำให้โปร่งใส เป็นธรรม และลดคำครหานินทาลงได้ จึงขอฝากข้อควรพิจารณาให้ กกต. นำไปประกอบการทำงานดังนี้ 1.ให้เป็นไปตามหลักจำนวนราษฎร และพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ 2.ไม่เอื้อประโยชน์ให้นักการเมือง พรรคการเมืองใดเป็นการเฉพาะ 3.ไม่ทำให้นักการเมือง พรรค การเมืองใดเสียประโยชน์เป็นการเฉพาะ 4.คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม ไม่ให้ถูกครหานินทาว่ามีการแบ่งเขตเลือกตั้งเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการดูด ส.ส.ของพรรคการเมืองบางพรรค

“สุเทพ” มั่นใจ รปช.เป็นรัฐบาลแน่

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สวนอาหารบางบัว เขต บางเขน กรุงเทพฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และอดีตแกนนำ กปปส. ลงพื้นที่พบปะผู้นำชุมชนเขต จตุจักรรวม 28 ชุมชน ประมาณ 200 คน เพื่อชี้แจงแนวทางการปฏิรูปประเทศ โดยมีนายนพกิจ สัญญานุจิต อดีต ผอ.เขตจตุจักร เข้าร่วมด้วย นายสุเทพกล่าวว่า จะขึ้นเวทีปราศรัยทุกแห่งช่วยนักการเมืองหน้าใหม่ของพรรค จะทำหน้าที่เป็นโค้ช เพราะทำงานการเมืองมา 37-38 ปีแล้ว ถ้ามีฐานประชาชนทั่วทุกภาค มี ส.ส.เป็นกอบเป็นกำ พรรคนี้ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน เมื่อถามถึงความพร้อมในการร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ นายสุเทพตอบว่า เราบอกเสมอว่ายินดีที่จะร่วมมือกับทุกพรรคที่มีแนวคิดตรงกันในการปฏิรูปประเทศ ใครที่ทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย มีความมั่นคง เราก็ยินดีที่จะร่วมมือด้วย แต่ถ้าใครไม่เอาเรื่องการปฏิรูปประเทศเราก็จะไม่ไปร่วมด้วย เมื่อถามว่าพรรค รวมพลังประชาชาติไทยชูเรื่องการปฏิรูปประเทศจะได้เป็นรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ต้องดูก่อนว่าผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไร พรรคเราจะเป็นพรรคที่มีประชาชนจากทั่วประเทศเป็นเจ้าของพรรค ใครเป็นรัฐบาลเขาก็อยากจะชวนเราเข้าร่วมด้วย

อนค.โวสึนามิคลื่นคนรุ่นใหม่

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยผลการรับสมัครสมาชิกเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ปรากฏการณ์สึนามิทางการเมืองเกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากเมื่อวานนี้พรรคอนาคตใหม่เปิดรับสมัครสมาชิกเป็นวันแรกมีจำนวนผู้สมัครทั้งหมด 713 คน แบ่งเป็นสมาชิกรายปี พร้อมชำระค่าบำรุงคนละ 100 บาท 477 คน และสมาชิกตลอดชีพที่ชำระค่าบำรุงคนละ 2,000 บาท มีจำนวนถึง 235 คน คิดเป็นประมาณ 33% หรือ 1 ใน 3 ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าทึ่งมาก

พลังธรรมใหม่โวส่งครบ 350 เขต

นายทศพล แก้วทิมา โฆษกพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ กกต.ประกาศรับรองพรรคไปแล้ว เราเดินหน้ารับสมาชิกทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าหมายจะมีสมาชิกพรรค 100 คนทุกจังหวัด และผู้สมัคร ส.ส.350 เขตทั่วประเทศ ภายในเดือน พ.ย.นี้ พรรคพลังธรรมใหม่จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนั้นพรรคพลังธรรมใหม่ได้ที่นั่งครบ 25 เสียง เราจะส่งหัวหน้าพรรคขึ้นชิงตำแหน่งนายก-รัฐมนตรี เราต้องการสร้างพรรคของประชาชนไม่เล่นเกมการเมือง พรรคไม่มีนายทุน จึงอยากให้ประชาชนร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรค เพื่อร่วมมือกันแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ความเหลื่อมล้ำคอร์รัปชัน การกระจายความร่ำรวย

พลังไทสร้างชาติบุกตีฐาน ปชป.

นายบุญปลูก เอนสาร ว่าที่เลขาธิการพรรคพลังไทสร้างชาติ กล่าวว่า ได้ขออนุญาต กกต.ประชุมพรรคในวันที่ 8 ต.ค. เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมดิโอวาเลย์ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคไม่เกิน 29 คน มีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 600 คน โดยจะมีนายณภัคธร ชัยสงคราม นายกสมาคมการค้าลานเพปาล์มน้ำมัน จ.สุราษฎร์ธานี และประธานสมาพันธ์ลานเพปาล์มน้ำมันประเทศไทย นำทัพเป็นหัวหน้าพรรค จะส่งผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ เน้นภาคใต้ด้ามขวานจะส่งทุกเขต ไม่กลัวแชมป์เก่าอย่างพรรคประชาธิปัตย์ โดยต้องการเข้าไปผลักดันปฏิรูปด้านการศึกษา การเกษตรและขจัดคอร์รัปชันให้หมดไปจากประเทศไทย พรรคนี้ไม่เป็นนอมินีของใคร

“วันชัย” ชี้หมดยุค “ทักษิณ” ถึงที พปชร.

นายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูป แห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในการเลือกตั้งว่า ถ้าฝ่ายการเมืองบอกว่าไม่เอาทหาร หมายความว่าพรรคการเมืองทุกพรรคต้องรวมกันให้ได้ 376 เสียง คือพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นแกนหลักรวมกับพรรคการเมืองอื่นๆ ในความเป็นจริงคงเป็นไปได้ยาก แม้เพื่อไทยจะแสดงท่าทีมีไมตรีกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ประชาธิปัตย์คงไม่เอาด้วย ตราบใดที่ยังมีนายทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังพรรคนี้ ขณะเดียวกันถ้าฝ่ายทหารบอกจะไม่เอาฝ่ายการเมืองก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน อาจเป็นรัฐบาลได้โดยมีเสียง ส.ว.250 เสียง รวมกับ ส.ส.126 เสียง เป็น 376 เสียง แต่จะบริหารประเทศไม่ได้ กฎหมายทุกฉบับจะไม่ผ่าน งบประมาณจะคว่ำ ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จบ อย่างไรก็ตามยุคของทักษิณหมดไปแล้ว พรรคพลังประชารัฐแม้ไม่ต้องดูดใครๆ ก็อยากมาร่วม พรรคภูมิใจไทย ชาติไทย ชาติพัฒนา รวมพลังประชาชาติไทย มีแนวโน้มเป็นรัฐบาลทั้งนั้น แม้แต่ประชาธิปัตย์ก็น่าจะมีสิทธิ์เป็นรัฐบาลเช่นกัน ประเมินว่าพรรคพลังประชารัฐน่าจะได้มากกว่า 80 เสียงขึ้นไป เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การเมืองและการทหารจะมีการปรับเปลี่ยน ไม่เหมือนในอดีตต่อไป

“กอบศักดิ์” ชี้ปฏิรูป ปท.คืบทุกมิติ

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ กล่าวว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง รัฐบาลมีความคืบหน้าในการขับเคลื่อนหลายๆ เรื่องที่ประชาชนรอคอย อย่างน่าพอใจ เช่น การปลูกไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์ การให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่าอย่างถูกกฎหมาย พ.ร.บ.ขายฝาก โครงการธนาคารที่ดิน ธนาคารชุมชน ธนาคารปูม้า ป่าชุมชน การยกระดับวิสาหกิจชุมชนเป็นนิติบุคคล โครงการผู้ป่วยติดเตียง ตลอดจนการจัดตั้งสภาพัฒนาตำบล กองทุนพัฒนาผู้นำชุมชน ช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น และชุมชนสามารถรวมกลุ่มกันได้อย่างเข้มแข็ง นอกจากนี้ คณะกรรมการฯบางส่วนกำลังเตรียมการขับเคลื่อนในเรื่องห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ การยกระดับ โครงการติวฟรีคอม การพัฒนาโรงเรียนคุณภาพประจำทุกตำบล ตามดำริของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และมั่นใจว่าโครงการต่างๆเหล่านี้ ล้วนมีประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างยิ่ง จะเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่เรื่องการพัฒนาประเทศที่เน้นการระเบิดจากภายใน และพร้อมจะเร่งผลักดันให้โครงการเหล่านี้บรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว

จ่อโชว์ผลสำเร็จโอทอปนวัตวิถี

นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า โครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ภายใต้โครงการไทยนิยมยั่งยืน มีความคืบหน้าไปมาก นับตั้งแต่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานคิกออฟไปเมื่อเดือน มิ.ย. ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชุมชนหมู่บ้าน ชาวบ้านกระตือรือร้นร่วมแรงแข็งขันพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน พร้อมทั้งบอกเล่าเสน่ห์ความงดงามของวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่รายรอบ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชน ขณะนี้ได้คัดสรรชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ที่เรียกได้ว่าครบเครื่อง เพื่อเป็นต้นแบบ 50 ชุมชน โดยเตรียมประกาศความสำเร็จเร็วๆนี้

ยินดีไทยพ้นบัญชีดำงาช้างไซเตส

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. แสดงความยินดีที่ประเทศไทยพ้นจากบัญชีดำรายการประเทศที่ลักลอบค้างาช้าง ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส นับเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ เพราะหลายปีที่ผ่านมาไทยเคยเป็นตลาดค้างาช้างขนาดใหญ่ รัฐบาลได้ปิดตลาดค้างาช้างในไทย พร้อมกับแก้ไขกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (ฉ.3) พ.ศ.2557 และ พ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ.2558 ทำให้มีการควบคุมการครอบครองการค้างาช้างอย่าง จริงจัง โดยนายกฯกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจังต่อไป เพราะการพ้นจากบัญชีไซเตสเท่ากับว่าประเทศไทยพ้นจากความเสี่ยงตามมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าพืชและสัตว์อีกกว่า 35,000 ชนิด ที่สำคัญยังช่วยลดจำนวนช้างแอฟริกาที่ถูกฆ่ากว่า 20,000 เชือก ในแต่ละปีอีกด้วย

โวทักษิโณมิกส์แก้ผูกขาดพลังงาน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันมีราคาเพิ่มสูงขึ้น จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. นำเรื่องที่ตนเคยเสนอไว้ไปพิจารณาช่วยเหลือประชาชนเพราะทำได้จริง เช่น การลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นให้เท่ากับสิงคโปร์ โดยไม่ต้องรวมค่าขนส่ง เห็นได้จากกรณี บมจ.ไทยออยล์ ในเครือ ปตท. ที่จะขยายกำลังการกลั่นเพิ่มอีกวันละ 125,000 บาร์เรล เพื่อการส่งออก ซึ่งขายต่ำกว่าราคาในประเทศ เหตุใดคนไทยจึงต้องจ่ายสูงกว่าราคาส่งออกซึ่งไม่มีเหตุผล และการที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง ส่วนหนึ่งก็เพราะการปล่อยให้มีการผูกขาดพลังงานมาเป็นเวลานาน จึงต้องแก้ไขเรื่องการผูกขาดนี้ และนโยบายทักษิโณมิกส์เวอร์ชันใหม่ จะต้องแก้ไขการผูกขาดทั้งหมด

มะเร็งตับคร่า สนช. “ยุทธนา”

พล.ร.อ.ยุทธนา ฟักผลงาม สมาชิก สนช.ได้ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคมะเร็งตับ ทำให้ขณะนี้เหลือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. จำนวน 241 คน ทั้งนี้ ได้กำหนดพิธีรดน้ำศพ ณ ศาลา 1 วัดเครือวัลย์วรวิหาร ถนนอรุณอมรินทร์ แขวง วัดอรุณ เขตบางกอก ใหญ่ กรุงเทพมหานคร ในวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561 ในเวลา 16.00 น. และพิธี พระราชทานน้ำหลวงอาบศพในเวลา 17.00 น.

โพลชี้ความสุขการเมืองเกือบตก

วันเดียวกัน สำนักวิจัยซุปเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,144 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-6 ต.ค.ที่ผ่านมา เรื่อง การเมืองกับความสุขของประชาชน เปรียบเทียบกับช่วงขัดแย้งการเมืองรุนแรงบานปลาย ก่อนรัฐบาลและ คสช.จะเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 62.8 ระบุว่า ดีขึ้นมาก ในขณะที่ ร้อยละ 24.9 ระบุไม่ดีขึ้น เมื่อถามถึงบทบาทการเมืองที่จะทำให้ประชาชนมีความสุข ส่วนใหญ่ร้อยละ 84.4 ระบุแก้ปัญหาปากท้อง หาทางเพิ่มรายได้ประชาชน ร้อยละ 78.9 ระบุเป็นตัวแทนช่วยลดความขัดแย้งในสังคม ทำบ้านเมืองสงบสุข ร้อยละ 73.5 หาคนซื่อสัตย์สุจริตทำงานการเมือง ร้อยละ 60.7 ระบุให้ประชาชนมีส่วนร่วมแก้ปัญหาต่อเนื่อง ร้อยละ 55.3 ระบุเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ และร้อยละ 54.6 ไม่ก่อม็อบ ปิดถนน สร้างเดือดร้อนประชาชน นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 83.7 ต้องการให้แก้ปัญหาค่าครองชีพ หนี้สิน รายได้ ตกต่ำ รายจ่ายสูงขึ้นเป็นการเร่งด่วน สำหรับผลวิเคราะห์ความสุขของประชาชนต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองขณะนี้ พบว่าค่าคะแนนความสุขผ่านเส้นแบ่งกลางความสุขของประชาชนเฉลี่ยอยู่ที่ 5.14 จากคะแนนเต็ม 10

ให้ รมต.สังกัดพรรคทำงานต่อ

ขณะที่ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ หัวข้อ “นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กับการเมืองไทย ณ วันนี้” จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,218 คน ระหว่างวันที่ 2-6 ต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อถามถึงความคิดเห็นที่มีต่อคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ระบุว่า “ผมสนใจการเมือง” ปรากฏ 5 อันดับดังนี้ อันดับ 1 เป็นสิทธิของท่านที่จะคิดหรือจะพูด ยังไม่มีการประกาศหรือคำยืนยันที่ชัดเจน 40.50% อันดับ 2 ต้องปรับปรุงการทำงาน มีผลงานให้เห็น โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ และการเมือง 20.42% อันดับ 3 เป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง ต้องการสืบทอดอำนาจ สานต่อโครงการต่างๆ 18.84% อันดับ 4 แสดงว่ามีการเลือกตั้งจริง ควรปฏิบัติตามกฎหมาย แข่งขันอย่างถูกต้อง ยุติธรรม 15.63% และอันดับ 5 ควรพิจารณาให้รอบคอบ มีทั้งคนที่ชื่นชอบและไม่ชอบ 13.50% เมื่อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่นายกรัฐมนตรี ห้โอกาสรัฐมนตรีที่สนใจการเมืองสามารถสนับสนุนพรรคการเมืองได้ 57.26% ระบุเห็นด้วย ในขณะที่ 42.18% ไม่เห็นด้วย