‘วรปัญญา’เผ่น โผซบพลังดูด
ปชป.ไม่ไปรับ ครม.สัญจร ผวาโดนชี้หน้าถูกดูด ซัดรัฐบาลปากว่า ตาขยิบทำไม่รู้ไม่เห็นขบวนการกวาดต้อนอดีต ส.ส. จี้ปลดล็อกอย่าปล่อยกลุ่มสามมิตรมัดมือชก คนรู้กันทั่วเครือข่ายเดียวกัน พท.เลือดไหลไม่หยุด “วรปัญญา” ตระกูลดังลพบุรีย้ายซบพลังประชารัฐ “แรมโบ้” ลั่นกลับมาเพราะชาวบ้านเรียกร้อง ข้องใจใครเดือดร้อน เลือกพลังประชารัฐเพราะศรัทธา “บิ๊กตู่” ลูกๆกระหน่ำโพสต์โซเชียลดับลือ “ทักษิณ” ป่วย แกนนำ พท.ทยอยร่วมเบิร์ธเดย์ เจ้าตัวเตรียมรับอบอุ่น เผยเตรียมงัด ม.44 ชะลอไพรมารีโหวตไปใช้เลือกตั้งครั้งหน้า
การจัดประชุม ครม.สัญจรที่ จ.อุบลราชธานี พื้นที่คาบลูกคาบดอก มีกระแสข่าว อดีต ส.ส.ย้ายไปเป็นแนวร่วมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เรียบร้อยแล้ว รวมถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรที่คึกคักกว่าใครบนกระดานการเมืองชั่วโมงนี้ ทำให้เกิดเสียงโวยวายจากนักการเมืองต่อเนื่องไม่ขาดสาย

ปชป.ย้ำไม่ไปต้อนรับ ครม.สัญจร
...
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. นายอิสสระ สมชัย อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และอดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจัดประชุม ครม.สัญจรและลงพื้นที่ของรัฐบาล ที่ จ.อุบลราชธานีและอำนาจเจริญระหว่างวันที่ 23-24 ก.ค.ว่า คงไม่ไปต้อนรับคณะ ครม.สัญจรที่ จ.อุบลราชธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ก็บอกว่าไม่เชิญใคร ดังนั้น คิดว่านักการเมืองคงไม่มีใครกล้าไปรับ เพราะถ้าไปอาจจะถูกมองว่าถูกดูด ทั้งที่ความจริงในพื้นที่ก็รู้กันอยู่ และที่นักการเมืองใน จ.อุบลราชธานี ไม่ได้รับเชิญ เขาอาจจะเซตลงตัวหมดแล้วว่าใครอยู่เขตไหนก็ได้ ส่วนการลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพื่อไปแก้หนี้นอกระบบของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม นั้น ใครเป็นรัฐบาลก็มักจะพูดเรื่องหนี้แต่ก็ไม่สามารถแก้ได้ การที่ พล.อ.ประวิตร มาเดินอีสานรอบเดียวแล้วบอกว่าแก้หนี้ได้ ก็แค่พูด อย่างไรก็ตาม นับว่าเป็นเรื่องดีที่ท่านเป็นห่วงเรื่องหนี้นอกระบบ
จี้เลิกปากว่าตาขยิบให้กลุ่มสามมิตร
นายอิสสระกล่าวว่า การมาดูดคนนั้นคนนี้ก็ไม่ผิดไปจากข่าว ฝ่ายรัฐบอกไม่รู้ไม่เห็นไม่ทราบ แต่คนที่นั่งใน ครม.มีการกำหนดว่าคนไหนเป็นหัวหน้าพรรค เป็นเลขาธิการพรรค ไม่เห็นรัฐมนตรีที่มีชื่อจะปฏิเสธ ทำเหมือนปากว่าตาขยิบ ถ้ารับว่าทำจริงอาจถูกมองว่าเอาเปรียบคนอื่น แต่โดยข้อเท็จจริงก็อย่างที่รู้กัน กระแสการเชิญชวนคนมาร่วมพรรคใหม่ ค่อนข้างเป็นจริงตามข่าวตลอด ถึงจะปฏิเสธอย่างไรแต่ภาพที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถ้ารับว่ารัฐบาลอยากทำงานต่อก็พูดมาเลย ไม่เป็นไร อย่าแก้ตัวไปเรื่อย ควรรีบปลดล็อกเสียจะได้ชัดเจนว่าใครอยู่ค่ายไหน หากไม่ปลดล็อก ครม.ก็จะเป็นอีแอบอยู่อย่างนี้ พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ไปดูดเองไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือนายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เขาพูดชัดเจนว่าต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่ออย่างนี้ถึงจะเป็นเรื่องการเมืองจริงๆ

พวกเดียวกันแยกกันเดินรวมกันตี
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มสามมิตรอาจจะไม่ไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐว่า มีความเป็นไปได้ในทางการเมือง แต่เป้าหมายของกลุ่มนี้ คือการเป็นรัฐบาลโดยหนุนการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงถือว่าเป็นพรรคแนวร่วมของ คสช. จริงๆแล้วไม่ควรใช้ชื่อกลุ่มสามมิตร ควรเรียกกลุ่มสามโบสถ์มากกว่า และยิ่งนำเสนอโครงการโคล้านตัวมาอีก ตนเกรงว่าจะเป็นเหมือนวัวพลาสติกเช่นที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ คงต้องช่วยกลั่นกรองพิจารณานโยบายของนักการเมืองที่มาสนับสนุนด้วยว่า จะเอาเงินมาจากไหนตามรัฐธรรมนูญ และจัดซื้อวัวที่ไหน หักหัวคิวเท่าไร และจะเวียนเทียนกี่รอบ กลยุทธ์การทุจริตคอร์รัปชันในวงราชการกำจัดได้หรือยัง ตนกลับมองว่าเป็นนโยบายที่ไปติดสินบนประชาชนชัดๆ เลือกพรรคนี้แล้วจะให้วัวฟรีๆเลิกได้ไหมนโยบายประชารัฐแบบนี้ เพราะไม่แตกต่างอะไรกับนโยบายประชานิยมของนายทักษิณ ชินวัตร ที่เคยทำมาในอดีต

อัดพวกหลงยุคเล่นการเมืองเดิมๆ
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มสามมิตรเดินสายดูดนักการเมืองเพื่อสนับสนุนทหารเป็นรัฐบาลต่อว่า คนเหล่านี้เป็นนักการเมืองหลงยุคที่ยังมีกระบวนคิดทางการเมืองแบบเดิมๆ คือภายหลังการยึดอำนาจแล้วก็ต้องมาคิดตั้งพรรคการเมืองเพื่อสืบทอดอำนาจต่อ ทั้งที่ควรจะยุติบทบาทของตัวเอง และเมื่อตั้งพรรคก็ต้องไปหานักการเมืองรุ่นเก่าที่คิดว่ายังมีฐานเสียงเดิมอยู่ เพราะคิดว่าประชาชนยังติดยึดกับนักการเมืองเหล่านี้ เขาออกแบบมาให้ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว จึงต้องหาผู้สมัครคนเดิมๆ ที่คิดว่าประชาชนรู้จัก โดยไม่ได้ดูว่าอุดมการณ์ความคิดหรือนโยบายของพรรคจะเป็นอย่างไร เมื่อมีวิธีคิดเดิมๆ แต่ใช้คำสวยหรูคือสร้างความปรองดองเพื่อเกิดความสามัคคี สุดท้ายพฤติกรรมก็สวนทางกับคำพูด โดยไม่คิดว่าประชาชนปัจจุบันรู้เท่าทันแล้ว ดังนั้น การที่มีข่าวว่ากลุ่มสามมิตรจะรวมกับพรรคพลังประชารัฐ หรือแม้จะแยกไปตั้งพรรคเองก็มีค่าเท่ากัน จะเป็นส่วนหนึ่งของพรรคที่สนับสนุนผู้มีอำนาจ เพราะเขาเชื่อว่าประชาชนยังเชื่อแบบเดิมๆ จึงขอให้ประชาชนดูพรรคการเมือง ดูนโยบาย จุดยืนของนักการเมือง เขาอาจจะตั้งพรรคการเมืองหลายพรรค เป็นพรรคเล็กแล้วมารวมกันภายหลังก็ได้ ขอให้ประชาชนรู้เท่าทัน หากจะเลือกขอให้เลือกพรรค หลักให้ได้เสียงเกินครึ่งเพื่อตั้งรัฐบาลที่เข้มแข็ง เพราะรับฟังเสียงประชาชนได้มากกว่า สามารถแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ตรงจุดกว่า
พลังประชารัฐดูด “วรปัญญา” ลพบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าการเดินสายหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ขณะนี้ในพื้นที่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นฐานคะแนนเดิมของพรรคเพื่อไทย ปรากฏว่า พล.อ.สรชัช วรปัญญา ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก บุตรชายนายนิยม วรปัญญา จะลงสมัครเขต 4 ในนามพรรคพลังประชารัฐ แทน นายพหล วรปัญญา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นหลานของนายนิยม ที่ยอมหลีกทางให้ เนื่องจากเขตดังกล่าวเป็นพื้นที่เดิมของนายนิยม เมื่อ พล.อ.สรชัชจะเกษียณอายุราชการในเดือน ต.ค. จึงลงเล่นการเมืองแทนบิดา

“อำนวย” ชี้เป็นสิทธิ์เรื่องครอบครัว
นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวบุตรชายนายนิยมจะลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ แทนนายพหล วรปัญญา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ว่า การที่นายพหลจะหลบให้ พล.อ.สรชัช ถือเป็นเรื่องของคนในครอบครัว ก่อนหน้านี้ พล.อ.สรชัชไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เมื่อเขาเป็นข้าราชการทหารที่เพิ่งปลดเกษียณอายุราชการ แล้วจะลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐก็ถือเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล ในส่วนของพรรคเพื่อไทยคงต้องหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาลงสมัครในเขตดังกล่าวแทน ยืนยันว่าตนยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย และเชื่อว่าประชาชนยังมั่นคงกับพรรคเพื่อไทยไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยนโยบายและผลงานที่สร้างประโยชน์ให้กับเขาได้ ตนคิดว่าในเมื่อขณะการเมืองเริ่มมีความชัดเจน พรรคต่างๆ เช่น พรรคพลังประชารัฐมีการเคลื่อนไหว ก็ขอเรียกร้องให้ คสช.ยกเลิกคำสั่งห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมได้แล้ว
“บูรณุปกรณ์” ย้ำจุดยืนไม่ทิ้งเพื่อไทย
ขณะที่ น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวคนในตระกูลบูรณุปกรณ์เตรียมออกจากพรรคเพื่อไทยไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐว่า ส่วนตัวยังคงอยู่พรรคเพื่อไทย และทราบว่าอดีต ส.ส.เชียงใหม่ทั้ง 9 เขต ยังยืนยันที่จะอยู่พรรคเพื่อไทยเช่นเดิม จากที่ได้พูดคุยกับเพื่อน ส.ส.ไม่มีใครถูกทาบทามทั้งสิ้น และขณะนี้ตนไม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตามติด เพราะคดีได้อยู่ในกระบวนการเรียบร้อยแล้ว ส่วนนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ ที่ได้รับการคืนตำแหน่งนายก อบจ.จาก คสช.นั้น นายบุญเลิศเคยให้สัมภาษณ์แล้วว่าจะขอตั้งใจทำงานในเรื่องท้องถิ่น ไม่ได้สนใจไปที่จุดอื่น เมื่อถามย้ำว่า มีกระแสข่าวออกมาว่าคนในบูรณุปกรณ์อาจจะทิ้งพรรคเพื่อไทย น.ส.ทัศนีย์ตอบว่า ผู้พูดคงหมายถึงตน ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่เพื่อไทยอยู่ ส่วนอนาคตก็ยืนยันว่าจะยังอยู่จุดเดิม

“แรมโบ้” อ้างกลับมาตามคำเรียกร้อง
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย และอดีตแกนนำขาบู๊ นปช. ฉายา “แรมโบ้อีสาน” กล่าวถึงกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งว่า ตอนที่ตนประกาศเลิกเล่นการเมืองเพราะทนแรงกดดันต่างๆ ไม่ไหว ทั้งปัญหาในครอบครัวรวมถึงคดีความ หากยังเล่นการเมืองต่อมีคดีความจนต้องเข้าคุกใครจะดูแลครอบครัว ตอนนั้นคนพรรคเพื่อไทยรวมถึง นปช.ก็ออกมาโจมตีว่าขายตัวให้ทหาร แล้วก็ไม่มาเหลียวแลอีกเลย จึงตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ปี 2557 การจะกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งเพราะประชาชนในพื้นที่เรียกร้องให้มาเป็น ส.ส. ไม่ว่าจะอยู่พรรคใด เพราะเห็นว่าตนขยันลงพื้นที่และผลักดันโครงการที่เป็นประโยชน์ให้กับพวกเขาได้ วันนี้จะลงสมัครแล้วพรรคอื่นจะมาเดือดร้อนอะไรด้วย
เลือก พปชร.เพราะศรัทธา “บิ๊กตู่”
เมื่อถามว่า การไปร่วมงานพรรคพลังประชารัฐ เพราะมีผลประโยชน์เรื่องเงินทองและการช่วยเหลือเรื่องคดีความ นายสุพรตอบว่า ไม่เป็นความจริง คดีต่างๆที่มีอยู่ก็ยังเดินไปตามกระบวนการ เรื่องเงินเรื่องทองใครจะเอามาให้ แต่ที่เลือกพรรคนี้เพราะมองว่าอยู่พรรคนี้มีโอกาสในการทำงานผลักดันโครงการต่างๆให้ประชาชน และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ก็เป็นคนดี แถมยังเป็นคนโคราชด้วยกัน ถือเป็นคนที่น่าสนับสนุน นอกจากนี้ ยังตั้งใจจะเข้ามาทำงานสร้างประโยชน์ให้ประเทศกับพรรคที่มีแนวทางสร้างความปรองดอง สลายสีเสื้อ ซึ่งสังคมไทยกำลังต้องการอย่างยิ่ง

“โอ๊ค” เย้ยพูดชัดๆจ้องเล่น “ชินวัตร”
วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวตอบโต้กรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่เสนอแนวคิดจัดระบบตำรวจติดตามบุคคลสำคัญ โดยให้อดีตนายกฯมีคนอารักขาเพราะถือว่าเป็นเกียรติ แต่อดีตนายกฯคนนั้นจะต้องไม่มีคดีติดตัวว่า “โถ่พี่ พูดงี้ระบุตัวไปเลยเหอะ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญล่ะ ห้ามชินวัตรเล่นการเมือง เลิกแล้วห้ามอารักขาจบ”
นอกจากนี้ นายพานทองแท้ยังได้โพสต์อินสตาแกรม ภาพนั่งดื่มกาแฟกับเพื่อนที่ใส่เสื้อกีฬา สกรีนคำว่า “SHINAWATRA” พร้อมลงข้อความว่า “มากินกาแฟสาขาเดิมเพิ่มเติมคือคนนั่งเป็นเพื่อน ชินวัตรก็ยังพอเหลืออยู่บ้างเก็บกันให้หมดล่ะ ล้อเล่นเมียยังไม่มีเลยเบาๆมือหน่อยพี่”
โพสต์คลิปสยบลือ “ทักษิณ” ป่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีข่าวสะพัดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่สบายหนักต้องพักรักษาตัวที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส บุคคลในครอบครัวต่างลงภาพคู่กับนายทักษิณ อาทิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็ก โพสต์คลิปวิดีโอหยอกล้อกับนายทักษิณผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว โดยนายทักษิณหันหลังอวดกางเกงยีนส์ตัวใหม่ให้บุตรสาวดู พร้อมบอกว่าซื้อมาในราคาลด 50 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ได้เขียนคอมเมนต์แซวน้องสาวว่า “เห้ยแก อย่าตัดต่อวิดีโอจิ ป่วยไม่ใช่เหรอ” ซึ่ง น.ส.แพทองธารตอบนายพานทองแท้ใจความว่า ไม่ได้ป่วย
“ทักษิณ” จัดเต็มรับแขกเบิร์ธเดย์
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้อดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ครอบครัวญาติพี่น้อง ที่มีความใกล้ชิดนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ นำโดยนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ทยอยเดินทางไปที่ประเทศอังกฤษ เพื่อเตรียมร่วมงานฉลองวันคล้ายวันเกิดปีที่ 69 ปี ของนายทักษิณ ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ซึ่งจะจัดที่กรุงลอนดอน โดยนายทักษิณได้ให้ทีมงานเตรียมอาหารไว้รับรองผู้เข้าร่วมงานอย่างดี มีเมนูหลากหลายเพื่อให้ถูกใจทุกคนที่เดินทางทางมา เป็นที่น่าสังเกตว่าปีนี้นายทักษิณเตรียมการเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี ท่ามกลางภาวะเลือดไหล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยถูกชักชวนและย้ายไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐอย่างต่อเนื่อง

เล็งใช้ ม.44 ชะลอไพรมารีโหวต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการกฤษฎีกาและผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังหาแนวทางพิจารณาการแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 เพื่อคลายล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินการด้านธุรการได้ทันเวลาโรดเเม็ปและกฎหมาย โดยเฉพาะการจัดทำไพรมารีโหวต ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ให้โจทย์ทางกฤษฎีกาไว้หลายแบบคือ 1.ไม่ต้องมี 2.ให้มีแบบเขต 3.แบบจังหวัด และ 4.แบบภาค ว่า ขณะนี้มีแนวโน้มสูงที่จะใช้อำนาจมาตรา 44 คลายล็อก ให้การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ พรรคการเมืองยังไม่ต้องทำไพรมารีโหวต แต่จะไม่ใช้มาตรา 44 ตัดขั้นตอนการทำไพรมารีโหวตทิ้งเพราะจะขัดรัฐธรรมนูญ จะใช้รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งมารองรับเพื่อให้พรรคการเมืองได้มีส่วนร่วมในการคัดเลือกผู้สมัคร ตามมาตรา 45 และยกยอดการทำไพรมารีโหวตให้ไปใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าต่อไปแทน
แจงถกลับงบกลาโหมเหตุผลมั่นคง
พล.ท.ชาตอุดม ดิตถะสิริ โฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2562 กล่าวถึงการพิจารณางบประมาณของกระทรวงกลาโหมว่า ได้พิจารณาเสร็จแล้วในภาพรวม และระดับนโยบาย แต่ยังไม่มีการตัดหรือเพิ่มงบ เพราะต้องส่งให้อนุกรรมาธิการ ทั้ง 2 คณะคือ อนุ กมธ.ฝึกอบรม สัมมนาฯ และอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ เป็นคนตัด และจะเสนอกลับมายังที่ประชุมใหญ่ของ กมธ.ประมาณวันที่ 7-8 ส.ค. เพื่อพิจารณาอีกครั้ง จึงยังไม่สามารถแจงรายละเอียดได้ เมื่อถามว่า เหตุใดช่วงพิจารณางบกระทรวงกลาโหม จึงไม่มีการถ่ายทอดการประชุมเหมือนการพิจารณากระทรวงอื่น พล.ท.ชาตอุดมตอบว่า หากการพิจารณาส่วนราชการไหนที่เป็นชั้นความลับ เกี่ยวกับความมั่นคง ก็จะไม่ถ่ายทอดการประชุมออกไปข้างนอก เช่น หน่วยงานในพระองค์ และกระทรวงกลาโหม เป็นต้น
ฉะ สนช.แปรรูป รสก.ใส่มือเอกชน
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่ประชุม สนช.ลงมติเอกฉันท์ให้ผ่านร่าง พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ ที่เสนอโดย ครม.ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยอ้างในหลักการและเหตุผลว่า ได้ใช้บังคับมานานแล้ว ว่าไม่แปลกใจที่ สนช.ลงมติเช่นนี้ เพราะมีใบสั่งจาก คสช.ให้โหวตผ่าน สนช.เป็นเสมือนตรายางไว้คอยประทับการออกกฎหมายของ คสช.และกลุ่มนายทุนที่สมคบกับทหารการเมือง คสช.สั่งอะไรมา สนช.ก็ต้องทำตาม เหมือนทหารเกณฑ์ที่ถูกสั่งซ้ายหันขวาหัน หรือสั่งไปเลี้ยงไก่ เลี้ยงวัว ไม่ได้พิจารณากฎหมายแบบสภาผู้แทนราษฎรที่ยึดผลประโยชน์ของประชาชนและส่วนรวมทั้งประเทศเป็นที่ตั้ง การผ่านกฎหมายนี้เท่ากับเป็นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจและถ่ายโอนทรัพย์สินของรัฐและประชาชนไปให้เอกชนได้โดยง่าย เท่ากับเป็นการปล้นทรัพย์สินสาธารณะของชาติจากพี่น้องประชาชนในอนาคตให้เอกชน สนช.ฉวยโอกาสในขณะที่กระแสสังคมสนใจเรื่องทีมหมูป่า แปรรูปรัฐวิสาหกิจให้กลายเป็นหมูหันของพวกนายทุนทหาร ตนจะยื่นหนังสือถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เพื่อขอรายงานการประชุมและการพิจารณากฎหมายฉบับนี้เพื่อประกอบการถวายฎีกาคัดค้านกฎหมายนี้ต่อไป
ปลื้มเอดีบีปรับเลขเศรษฐกิจไทยขึ้น
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ยินดีเมื่อรับทราบผลการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยโดยธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ระบุเศรษฐกิจไทยในปี 61 จะขยายตัวถึงร้อยละ 4.2 จากเดิมคาดไว้เพียงร้อยละ 4.0 เมื่อเดือน เม.ย. ถือเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคอาเซียนที่เอดีบีปรับตัวเลขเพิ่มขึ้น จากปัจจัยการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้ ส่งออกที่แข็งแกร่ง ปรับตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 5 ในช่วงไตรมาสแรกของปี เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวถึงร้อยละ 6-7 แต่ตกต่ำที่สุดในช่วงที่มีวิกฤตการณ์ทางการเมืองจนเหลือเพียงร้อยละ 0.8 และเมื่อรัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำเศรษฐกิจขยายตัวขึ้นถึงร้อยละ 4.0 ขณะนี้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจเอเชียและไทย