แฉเอา ‘คดี’ บีบ ชงครม.สัญจรสร้างสนามบิน

“เต้น” เย้ยแก๊งดูดย่อยสลาย นปช.ไม่คล่องคอ ใครไปขอให้โชคดีแต่ตัดขาดกันตรงนี้ “วรชัย” ลั่นตัวจริงไม่ทิ้งอุดมการณ์ “นิสิต” แฉทาบแกนนำเสื้อแดง 20 จังหวัดสวิงขั้วแลกเคลียร์คดีให้พร้อมจ่ายรายเดือน จ่อขน นปช.นับพันเปิดตัวที่อิมแพค “สมคิด เชื้อคง” ซัดแค่สงคราม ชวนเชื่อ “ศุภชัย” ได้ทีขยี้ซ้ำพรรคคู่แข่ง แย้มแผนทยอยเปิดชื่อย้ำภาพเลือดไหลไม่หยุด “บิ๊กตู่” ส่ายหัวถูกซักสัญจรเดินสายดูด ผู้ว่าฯยโสธรจ่อชงขยายสนามบินเลิงนกทา ขอขยายถนน 4 เลนอีกหลายเส้น อ้างยกระดับกลุ่มจังหวัดอีสาน “พรเพชร” ชี้ล็อบบี้ชิงเก้าอี้ ปธ.กกต.เรื่องปกติ

ฝ่ายการเมืองยังคงวิพากษ์วิจารณ์การจัดประชุม ครม.สัญจร จ.อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ไปพร้อมกับการโชว์พลังดูดของกลุ่มสามมิตร โดยเฉพาะกลุ่มอดีต ส.ส.เพื่อไทยในภาคอีสาน ลามไปถึงกลุ่มแนวร่วมนปช.และคนเสื้อแดงบางส่วนแล้ว

“เต้น” เย้ยดูด นปช.ไม่คล่องคอ

วันที่ 16 ก.ค. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มสามมิตรเดินสายดูดนปช.ภาคอีสาน ว่า เคยหารือนอกรอบกับเพื่อนแกนนำนปช.แล้ว มีข้อสรุปตรงกันว่าการร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับกลุ่มบุคคล หรือพรรคการเมืองใด หรือจะตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ถือเป็นเสรีภาพ ตราบเท่าที่ยังยืนยันหลักการประชาธิปไตยถือว่าความเป็นนปช.ยังคงอยู่ แต่หากละทิ้งจุดยืนนี้ก็เท่ากับสิ้นสภาพ ไม่เหลือความเป็น นปช.อีกต่อไป การที่กลุ่มสามมิตรอ้างว่าจะเดินสายพูดคุยกับแนวร่วม นปช.เพื่อสร้างความปรองดองนั้น ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ถ้า คสช.อนุญาตกลุ่มอื่นจะได้ทำด้วย แต่ถ้าคาดหวังว่าประชาชนที่เคยร่วมต่อสู้ในนาม นปช.จะไปร่วมมือในแผนสืบทอดอำนาจคงต้องคิดใหม่ เพราะกว่า10ปี ในสนามการต่อสู้ พี่น้อง นปช.เอาชีวิตกับอิสรภาพเข้าแลก และยังคงแบกความอยุติธรรมร่วมกันในคดี 99 ศพจนถึงวันนี้ ไม่ใช่เรื่องที่นักการเมืองบางประเภทในกลุ่มสามมิตร ที่ประชาชนรู้ไส้รู้พุงจะย่อยสลายแล้วดูดลงคอได้ง่ายๆ

...

ใครไปขอให้โชคดีแยกทางตรงนี้

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข่าวว่าอดีตแกนนำ นปช.บางคนไปเปิดตัวร่วมงานกับกลุ่มสามมิตรบ้างแล้วนั้นก็ขอให้โชคดี ความเป็นเพื่อนยังอยู่ แต่ทางการเมืองถือว่าเราปล่อยมือแล้วแยกทางกันตรงนี้ ไม่คิดจะโจมตีหรือต่อว่าใดๆ เพราะการผละจากขบวนการประชาธิปไตยไปอยู่ในกลไกสืบทอดอำนาจ ประชาชนจะรอมอบบทเรียนที่เจ็บปวดให้อยู่แล้ว การเอาบัตร นปช.มาโชว์ ประกาศว่ามีกี่รายชื่อไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะจะเป็นแกนนำหรือมวลชนมีตัวชี้วัดเดียวกันคือหัวใจ ถ้าใจมันใช่ เมื่อไหร่ อย่างไรก็ยังใช่ แต่ถ้าเป็นหัวใจเทียม ต่อให้เป็นแกนนำอย่างตนหรือพกบัตรกี่ใบก็ไร้ค่าในสายตามวลชน ทั้งนี้ ไม่แน่ใจว่าที่กลุ่มสามมิตรเดินอยู่เป็นการทำตามโรดแม็ปของผู้มีอำนาจหรือเปล่า เพราะดูแล้วคล้ายเป็นการปั่นราคา สร้างมหกรรมต้มคนใหญ่คนโตครั้งสำคัญหรือไม่

นปช.ตัวจริงไม่ทิ้งอุดมการณ์

นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า นปช.ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ แต่กลุ่มสามมิตรเป็นกลุ่มหนุนเผด็จการแห่งชาติ คนที่อ้างว่าเป็น นปช.แล้วจะไปอยู่กับกลุ่มสามมิตรถือว่าผิดหลักการ นปช.อยู่แล้ว แต่คนกลุ่มดังกล่าวอาจเคยเป็นแนวร่วมสนับสนุนหรือร่วมอุดมการณ์ในช่วงชุมนุม ส่วนบัตร นปช.ใครก็ทำได้ เพราะช่วงการชุมนุมกระแส นปช.แรง แต่ถ้าเป็นแกนนำ นปช.จริงๆจะยืนหยัดในอุดมการณ์ต้านเผด็จการ รักประชาธิปไตย “นปช.ตัวจริงเสียงจริงไม่มีทางที่จะไปเข้าร่วมกับกลุ่มสามมิตรแน่นอน นอกจากพวกขายอุดมการณ์ ทรยศประชาชน เชื่อว่าเป็นการอ้างของนายภิรมย์ พลวิเศษ แกนนำกลุ่มสามมิตร ที่จะทำให้เข้าใจว่า กลุ่มสามมิตรสามารถดึงกลุ่มการเมืองทุกกลุ่มได้ แต่กลุ่มนี้เป็นเพียงกลุ่มเฉพาะกิจในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้สืบทอดอำนาจต่อเท่านั้น ไม่ได้มีอุดมการณ์อะไร ผมไม่ให้ราคานายภิรมย์ เป็นแค่การคุยโวมากกว่า”

แฉเงื่อนไขช่วงเคลียร์คดี

นายนิสิต สินธุไพร ผอ.โรงเรียน นปช. กล่าวว่า ทราบข่าวมาว่านายภิรมย์ พลวิเศษ เชิญแกนนำ นปช. ไปหารือที่บ้าน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ถึง 2 ครั้งพร้อมติดต่อให้นายเทพพนม นามลี แกนนำ นปช.สุรินทร์ เป็นผู้ประสานงานกับ นปช. 20 จังหวัด โดยมีข้อตกลงในการหารือกัน คือ 1.คนที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มสามมิตรต้องสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกสมัย 2.ถ้ามีคดีความ กลุ่มสามมิตรจะช่วยเคลียร์คดีให้ ในกรณีนี้จึงมีข่าวว่านายพรหมพัฒน์ ธันกรกุลพิพัฒน์ นปช.สุรินทร์กับภรรยา ที่มีคดีขอนแก่นโมเดลอาจตัดสินใจเข้าร่วม 3.หากใครจะลงสมัครรับเลือกตั้งก็จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือน เท่าที่ทราบมาจะมีแนวร่วม นปช.ประมาณ 1,000 คนไปประชุมที่อิมแพคเมืองทองธานี แต่แกนนำทั้ง 20 จังหวัดที่ถูกทาบทาม ต่างโทรศัพท์มาหาตน และยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมกับกลุ่มสามมิตร จึงเชื่อว่ามีประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ที่จะไม่ไปร่วมอย่างแน่นอน

ซัดสงครามโฆษณาชวนเชื่อ

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้กลุ่มสามมิตรที่ระบุว่า ไม่เคยใช้เงินดูดอดีต ส.ส. และมีอดีต ส.ส.เข้าร่วมกว่า 200 คน ว่า เป็นแค่สงครามโฆษณาชวนเชื่อ เป็นสงคราม การตลาด สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่จะไป ส่วนที่ บอกว่าไม่ใช้เงินนั้นก็ขอให้เป็นเรื่องจริง เพราะความจริง ทราบกันอยู่ รวมถึงกรณีที่คุยกับสมาชิก นปช.แต่คน ที่จะไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองเป็นสิทธิของแต่ละคน ไม่สามารถห้ามได้ ส่วนที่มีข่าวว่า นปช.ไปแล้วกว่า 10 จังหวัดนั้น สอบถามคนที่รู้จักก็บอกว่าไม่รู้จักกับกลุ่มนั้น เพราะ นปช.ไม่มีสายบังคับบัญชา เป็นกลุ่ม ที่ต่อสู้กับเผด็จการและต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตย หากไปสนับสนุนคนสืบทอดอำนาจ ถ้าทำใจได้ก็ไป ไม่มีใครห้ามกัน แต่ตนเชื่อว่าคนที่รักประชาธิปไตยแท้จริงคงทำใจไปอยู่ร่วมไม่ได้ สำหรับรายชื่อว่าที่ผู้สมัครกลุ่มพรรคประชารัฐใน จ.อุบลราชธานี กว่า 10 เขตนั้น เป็นรายชื่อเดิมๆที่มีมาตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย. มองว่ารายชื่อดังกล่าวไม่ใช่คู่ต่อสู้ทางการเมืองที่น่ากลัว เพราะสุดท้ายพี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำเวลานี้คือเร่งจัดการเลือกตั้งเพื่อพิสูจน์ว่าประชาชนจะเลือกใคร หากต่างคนต่างพูด ก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไร

“ก่อแก้ว” ห่วงสัญจรผลาญงบฯ

นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า การจัด ครม.สัญจร ที่ จ.อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ถือเป็น เรื่องที่ดี ประชาชนจะได้สะท้อนปัญหาในพื้นที่โดยตรง เพื่อให้รัฐบาลและฝ่ายบริหารนำปัญหากลับมาแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ แต่ในทางกลับกันหากการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. รวมถึง ครม. มีนัยอย่างอื่น ไม่ได้เอาผลประโยชน์ประชาชน เป็นตัวตั้ง แต่เอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นสำคัญ ก็เป็น เรื่องที่น่าเสียดายแทนพี่น้องประชาชน และเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ เปลืองภาษีโดยเปล่าประโยชน์

“ศุภชัย” ได้ทีขยี้ซ้ำพรรคคู่แข่ง

นายศุภชัย ศรีหล้า อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวดูดอดีต ส.ส.ภาคอีสาน ว่า คำถามคือทำไมอดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เคยเป็นบุคคลสำคัญรองจากหัวหน้าพรรค จึงหันหลังตีจากพร้อมกันถึง 2 คน คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายสุพล ฟองงาม ทั้ง 2 คนนี้ไม่ใช่ ละอ่อนทางการเมือง ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ชาวบ้านก็สอบถามสถานการณ์ว่าทำไมคนของพรรคเพื่อไทยออกเยอะ ตนไม่รู้จะตอบชาวบ้านอย่างไรเพราะไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง แต่ตั้งข้อสังเกตไปว่าคนที่ออกเขาคงไม่ออกมาเพื่อจบชีวิตทางการเมืองแน่ น่าจะตระเตรียมอาวุธสู้ศึกเลือกตั้งแล้วด้วย และอาจ เกี่ยวกับคนที่อยู่พรรคเพื่อไทย ช่วงหลังๆ มีคดีความถูกดำเนินคดี ถูกพิพากษาจำคุก อดีตเลขาธิการพรรคฯ ทั้ง 2 คนเคยเป็นแม่บ้านพรรค ทำไมจึงกล้าเดินออกมา โดยไม่กลัวสอบตก เขาน่าจะมีแนวทางชัดเจน และเชื่อมั่นว่าจะมีคนตามออกมาเพิ่มเรื่อยๆในระยะเวลา อันสั้นนี้ แต่แผนเขาคงทยอยเปิดชื่อออกมาเพื่อให้เกิด ภาพตอกย้ำว่าเลือดพรรคเพื่อไทยไหลไม่หยุด จนชาวบ้าน มีคำถามว่าหมดแล้ว สิ้นแล้ว ในส่วนตนพร้อมสู้เต็มที่ ไม่ว่าใครจะดูดใครมา ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน

“บิ๊กตู่” ส่ายหัวถูกซักเดินสายดูด

วันเดียวกันเวลา 10.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างเดินชมนิทรรศการโครงการจิตอาสาเพื่อการพัฒนาลำน้ำกับชีวิตบนวิถีแห่งความพอเพียง เพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชน ว่า สำหรับโครงการที่เสนอของบฯขุดลอกคูคลองเพราะน้ำตื้นเขิน จนทำให้ประชาชนมีน้ำไม่พอใช้ เวลาไปประชุม ครม.สัญจรตนก็รับมาแล้ว และทยอยให้ไปดำเนินการ ไม่ได้ไปทำอย่างอื่นเลย ทุกอย่างอยู่ในแผน ดูว่าอันไหนทำก่อนทำหลัง ไม่ใช่ว่ารัฐบาลมีเงินเป็นก้อนใหญ่โตไปไหนก็แจกได้หมด ไม่ใช่ ต้องทยอยดำเนินการ อย่างเรื่องคูคลองอยากให้ขุดลอกอยู่แล้ว แต่ในประเทศเราขุดลอกคูคลองกันหลายแห่ง แต่ก่อนทำไมไม่ทำกัน มาเร่งทำกันตอนนี้ แต่ไม่เป็นอะไรช่วยกันทำก็จะสำเร็จ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเสียงวิพากษ์ วิจารณ์การลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจรที่ จ.อุบลราชธานี และอำนาจเจริญมีนัยทางการเมือง ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงสีหน้าไม่พอใจพร้อมส่ายหัวก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที

“วิษณุ” ย้ำ ครม.สัญจรมีเหตุผล

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเสียงวิจารณ์การจัดประชุม ครม.สัญจร จ.อุบลราชธานี และอำนาจเจริญแฝงนัยทางการเมือง ว่า ทำอะไรเขาก็ติงกันทั้งนั้น เป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องบริหารราชการแผ่นดิน ต้องตรวจราชการลงไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่ และเป็นนโยบายรัฐบาลนี้ตั้งแต่แรก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการจะไปดูดหรืออะไร ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าช่วงแรกรัฐบาลไม่ได้ลงพื้นที่บ่อยเหมือนช่วงใกล้เลือกตั้ง เพราะมันมีเหตุผล ตอนนั้นให้เขาแก้ปัญหาของเขาเองก่อน ขาดเหลือเท่าไรเราจะลงไปจัดการให้ นายกฯเพิ่งสั่งในที่ประชุม ครม. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปรวบรวมข้อมูลว่าอะไรที่พื้นที่ขอแล้วเราให้ไปแล้ว อะไรที่เราให้ไม่ได้ และอะไรที่ให้ได้แต่ต้องรอสักระยะ ถือเป็นการติดตามการลงพื้นที่

จ่อชงสร้างสนามบินเลิงนกทา

นายนิกร สุกใส ผวจ.ยโสธร กล่าวว่า การลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ และประชุม ครม.สัญจร จ.อุบลราชธานี วันที่ 23-24 ก.ค. กระทรวงมหาดไทยอยากให้เสนอโครงการที่เชื่อมโยงกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง กลุ่ม 2 ได้แก่ จ.อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ มุกดาหาร และอุบลราชธานี เบื้องต้นเตรียมเสนอเป็นข้อมูลให้ ครม.พิจารณา อาทิ โครงการโรงงานต้นแบบเกษตรอินทรีย์ 250 ล้านบาท เนื้อที่ 150 ไร่ ทุกจังหวัดสามารถใช้ประโยชน์ได้ ผลักดันสร้างสนามบิน เลิงนกทาส่วนต่อขยาย ต.โคกสำราญ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร วงเงินงบประมาณอยู่ที่กระทรวงคมนาคมเป็นผู้พิจารณา การขยายถนนเชื่อมโยง จ.ยโสธรและ ศรีสะเกษ จาก 2 เลน เป็น 4 เลน และขยายถนนสาย 2169 วารีราชเดช จาก จ.ยโสธร เชื่อม จ.มุกดาหาร เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์การค้าชายแดน และเสนอโครงการบริหารจัดการน้ำแม่น้ำชี-ลำเซบาย เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้ในช่วงฤดูแล้ง

ล็อบบี้ชิง ปธ.กกต.เรื่องปกติ

ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แสดงความกังวลว่าอาจมีการล็อบบี้เลือกตำแหน่งประธาน กกต.ชุดใหม่ ว่า เป็นเรื่องที่ว่าที่ กกต.จะไปเลือกกันเอง ไม่รู้มีใครไปล็อบบี้กันได้ แต่เป็นธรรมชาติของการฟอร์มทีมองค์กรอิสระที่มักมีการออกข่าวใครเป็นผู้มีความเหมาะสมมาเป็นประธาน อย่าไปคิดว่าการแข่งขันเป็นประธาน กกต.จะทำให้เกิดความขัดแย้งกัน เชื่อว่าไม่น่าจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้น เพราะช่วงการสรรหา กกต. ทางคณะกรรมการสรรหาฯสอบถามผู้สมัครทุกคนเกี่ยวกับเรื่องการทำงานร่วมกันแล้ว หากใครมีอีโก้สูงคะแนนจะลดลงไป รวมทั้งต้องมีความเป็นอิสระ เป็นกลาง มั่นใจว่าเมื่อผ่านขั้นตอนเลือกประธาน กกต.แล้ว จะไม่มีการเคลื่อนไหวสร้างความขัดแย้ง เพราะจะทำให้องค์กรขาดความศรัทธา

เตือน กกต.หน้าใหม่ไขก๊อก

นายพรเพชรกล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าห่วงคือ การยื่นใบลาออกจากตำแหน่งต่างๆของว่าที่ กกต.ทั้ง 5 คน ต้องยื่นให้ครบทุกตำแหน่ง มิเช่นนั้นอาจเกิดปัญหาเหมือนอดีต ที่บางคนใช้วิธีลาออกอย่างไม่เป็นทางการ แต่ตามขั้นตอนต้องยื่นหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการ มีหลักฐานยืนยันจากหน่วยราชการว่ามีการรับหนังสือลาออกแล้ว ส่วนตำแหน่งที่ได้รับการโปรดเกล้าฯต้องทำหนังสือลาออกถึงสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯถวาย การลาออกจากตำแหน่งไม่ใช่แค่เขียนใบลาออกแล้วจบ ขอให้ทั้ง 5 คน ตรวจสอบว่าลาออกจากทุกตำแหน่งครบถ้วนหรือไม่ เพราะสำนักเลขาธิการวุฒิสภาไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด หากมีการตรวจสอบพบว่ายังลาออกไม่ครบทุกตำแหน่ง อาจมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติการเป็น กกต.ในวันข้างหน้า ขอเตือนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ


แทงกั๊กสรรหาหรือทาบทามดี

นายพรเพชรกล่าวว่า ส่วนการสรรหา กกต.ที่เหลืออีก 2 คนนั้น จะดำเนินการหลังจากนำรายชื่อว่าที่ กกต.ทั้ง 5 คน ขึ้นทูลเกล้าฯถวายแล้ว แต่ไม่ต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯลงมา คาดว่าจะเริ่มต้นกระบวนการสรรหาได้ประมาณต้นเดือน ส.ค.นี้ ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะใช้วิธีการสรรหาหรือทาบทาม แต่ในใจมีคำตอบแล้ว แต่ไม่อยากพูดชี้นำ เรื่องนี้ต้องรอให้คณะกรรมการสรรหา กกต.ประชุมหารือกันก่อน ส่วนการสรรหา กกต.ในรอบ 3 จะมีผู้สมัครลดลงหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหา อยู่ที่ผู้สมัครต้องคิดให้มากขึ้นว่าตัวเองมีคุณสมบัติถูกต้องเหมาะสมหรือไม่

พท.จี้ กกต.ใหม่วางตัวเป็นกลาง

ด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอให้ กกต.ชุดใหม่ที่เข้ามา วางตัวเป็นกลางทางการเมือง เพราะที่ผ่านมายังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเลือกตั้งได้ จึงคาดหวังว่า กกต.ใหม่ทั้ง 5 คนจะมาขจัดความขัดแย้งทางการเมือง ถ้า กกต.ทำงานอย่างเสรี เป็นธรรม การเลือกตั้งก็จะจบลงด้วยดี ประชาชนและนักการเมืองยอมรับได้ แต่ถ้า กกต.เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ประชาชนจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ส่วนกรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่ระบุพร้อมร่วมมือกับพรรคที่มีอุดมการณ์ตรงกันนั้น คงไม่ใช่กับพรรคเพื่อไทย เพราะนายสุเทพเป็นผู้นำขบวนเป่านกหวีดล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ฉะนั้นขอให้นายสุเทพโชคดี แต่การขอเงินคนละบาทเพื่อมาเป็นทุนให้กับพรรคตัวเองนั้น อยากให้เลิกเสียที อย่าดราม่า หรือสร้างแอ็กชันจนเกินไป ความจริงนายสุเทพบริจาคเงินคนเดียวก็สามารถทำได้

ปชป.แนะเลี่ยง กกต.สเปกเทพ

นายวิรัตน์ กัลป์ยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หน้าที่อันสำคัญนี้ กกต.ชุดใหม่ต้องดำรงตนอยู่ด้วยความเป็นกลาง กล้าหาญ ไม่อิงกับผลประโยชน์พรรคการเมือง ไม่ทำตามใบสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของบุคคลใด คำนึงถึงภาระหน้าที่เพื่อให้การเลือกตั้งทุกระดับบริสุทธิ์ โปร่งใส ไม่มาจากการใช้เงินซื้อเสียง ไม่มาจากการใช้อำนาจรัฐไปบีบคั้น ไม่มาจากการประชานิยม ตรวจสอบได้ ส่วนอีก 2 คนที่เหลือ เป็นภาระของคณะกรรมการสรรหา กกต. ที่จะต้องสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อเสนอขอความเห็นชอบจาก สนช. น่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด ดีกว่าส่งเทียบเชิญไปทาบทามใครมา เพราะแม้จะได้คนดีคนเก่ง ก็ไม่พ้นเสียงนินทา การที่ คสช.จะปลอดจากการนินทาว่ากล่าว จึงควรให้เริ่มกระบวนการสรรหาเป็นทางออกที่ดีที่สุด

“วิษณุ” รับสั่งจี้คดีจำนำข้าวเอง

อีกเรื่อง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีสั่งเร่งรัดให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งกับผู้กระทำผิดในโครงการรับจำนำข้าว ว่า เป็นคนเร่งรัดไปจริง เพราะเกรงปัญหาเรื่องอายุความ แม้อายุความจะขาดในเดือน ก.ค.2562 และ ต.ค.2562 แต่ทางอัยการระบุว่าคดีความมีจำนวนมาก ต่อให้เขาทำทันอายุความ แต่อาจมาหมักหมมที่อัยการ ทำให้ทำไม่ทันจนขาดอายุความ จึงขีดเส้นให้ส่งมาภายในเดือน ธ.ค.2561 เพราะอัยการต้องใช้เวลาแยกสำนวนดูว่าจะฟ้องใครไม่ฟ้องใคร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ส่วนที่มีข่าวว่าถ้าฟ้องไม่ทันจะเสียหาย ถึงแสนล้านบาทนั้น ไม่ทราบมูลค่าความเสียหาย เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีการฟ้องผิดสำนวนจริงหรือไม่ นายวิษณุกล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมามีการฟ้องหลายแบบ ฟ้องผิดจังหวัด ผิดที่ ผิดจำเลย เรื่องนี้มีการประชุมร่วมกันหลายครั้งแล้วยืนยันว่ายังไม่มีคดีใดขาดอายุความ

“วัชระ” เหน็บมัวแต่ตั้งพรรคอยู่

ขณะที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เคยยื่นหนังสือและแสดงเหตุผลคัดค้านการแต่งตั้งนางอินทิรา โภคปุณยารักษ์ เป็น ผอ.องค์การคลังสินค้า ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ถึง 2 ครั้ง ขอให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ระงับการเสนอชื่อนางอินทิรา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ฟังเหตุผลที่ตนท้วงติง จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้อาจฟ้องเอกชนไม่ทันอายุความ เรื่องนี้ฝ่ายนิติกรของรัฐรู้กันดี หากฟ้องจำเลยผิดคลังสินค้าถ้าไม่โง่ก็บ้า หรือมีใครมาสั่งการฝ่ายกฎหมาย กรณีที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ อ้างว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้เร่งรัด ผอ.อคส.ฟ้องทางแพ่งให้ทันก่อนสิ้นปีนั้น การพูดครั้งเดียวไม่มีน้ำหนักพอ คงมัวสาละวนหมกมุ่นอยู่กับเรื่องใบสั่งตั้งพรรคการเมือง

แฉ อคส.หมกเม็ดคดีโกงเพียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า องค์การคลังสินค้า (อคส.) มีคดีเกี่ยวกับโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตั้งแต่ปี 2542 กว่า 1,000 คดี มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ที่ อคส. ต้องเร่งรัดส่งอัยการฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่ง และเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ไม่ดำเนินการ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าสาเหตุเพราะเจ้าหน้าที่รับผิดชอบบางรายไม่เข้มงวดดำเนินการ ไม่รายงานให้ผู้บังคับ บัญชารับทราบ หรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ หรือบางรายอาจได้รับผลประโยชน์จากโครงการต่างๆ บางคดีเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้อง เจ้าหน้าที่ อคส.ก็ไม่ฟ้อง ทั้งที่ตามกฎหมายผู้เสียหายคือ อคส. สามารถฟ้องร้องได้เอง จึงต้องการให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ดูแลอย่างใกล้ชิด และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหมือนกรณีทุจริตเงินทอนวัด และทุจริตเงินคนจน รวมทั้งต้องการตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่

“สนธิรัตน์” ร้อนก้นจี้รายงานยิบ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามี 30 คดีที่อัยการไม่ส่งฟ้องดำเนินคดี จึงมอบหมายให้ อคส. ทำสำนวนส่งฟ้องดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายใหม่ ส่วนโครงการก่อนปี 2554 หากพบว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบละเลยปฏิบัติหน้าที่ จะตรวจสอบการกระทำความผิดต่อไป กระทรวงพาณิชย์จะทำเรื่องนี้ให้โปร่งใสที่สุด และจะเร่งรัดส่งดำเนินคดีเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง รวมทั้งดำเนินอาญาทุกคดี โดยมอบให้ผู้อำนวยการ อคส. รายงานความคืบหน้าทุก 15 วัน

สั่งคิกออฟแผนยุทธศาสตร์

ช่วงบ่ายที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 4/2561 โดยที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้า การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ภายใต้ “แนวคิดสร้างไทย” 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.แก้จน 2.แก้เหลื่อมล้ำ 3.แก้โกง 4.ปฏิรูปราชการ กระจายอำนาจ 5.สร้างการมีส่วนร่วม และ 6.สร้างอนาคต โดยที่ภาครัฐดำเนินการกิจกรรมโครงการต่างๆต่อเนื่อง รวมถึงเตรียมจัดทำร่างแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้บรรลุทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ แบ่งเป็นช่วงละ 10 ปี มอบหมายให้ข้าราชการกลุ่ม ป.ย.ป.ของแต่ละกระทรวงร่วมจัดทำแผนแม่บทฯ และเริ่มประชุมเชิงปฏิบัติการคิกออฟ ในวันที่ 6-8 ส.ค. และเตรียมจัดทำแผนแม่บทฯช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. คาดว่าจะนำเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และ ครม.ได้ ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.2561