กกต.‘ชุดใหม่’ ได้ 5 คนตามโผ ฟุ้งจ่อจัด ‘ลต.’

ตามคาด สนช.จิ้มเลือก 5 อรหันต์ กกต.ชุดใหม่ หลังถกลับนาน 3 ชั่วโมง ตีตก “สมชาย-พีระศักดิ์” สอบประวัติเชิงลึกยังติดคดีอาญา ปมเป็นกลางทางการเมือง “พรเพชร” จ่อนำชื่อ 5 ว่าที่ กกต.ขึ้นทูลเกล้าฯถวายก่อน “จรุงวิทย์” ยันพร้อมจัดการเลือกตั้งได้ทันที “นิพิฏฐ์” เหน็บญาณวิเศษ “ซือแป๋” ตรงเผง โยนสังคมไปคิดเอาเอง “วิษณุ” ท้วงใช้วิธีทาบทามสังคมไม่ยอมรับ ให้สรรหาเพิ่มดีกว่า “บิ๊กป้อม” โต้ลั่นใช้คดีความดูดอดีต ส.ส. โยน กกต.ดู “เทือก” ไลฟ์สด “วิษณุ” อ้างถ้าดูดจริงคงไม่ทำโจ๋งครึ่ม “อาจารย์ฉีกบัตร” จี้ “บิ๊กตู่” เปิดหน้าชัดๆ “สมชัย” ซัดถ้าคนถือกติกาเปิดหัวดูดจริง “ถือว่าเลวมาก”

หลายฝ่ายจับตาการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อลงมติเลือกกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่จำนวน 7 คน ที่ถูกมองว่าอาจถูกแทรกแซงจากผู้มีอำนาจ ล่าสุดที่ประชุม สนช. มีมติให้ความเห็นชอบว่าที่ กกต.ใหม่เพียง 5 คน ส่วนอีก 2 คน ถูก สนช.ตีตกไป

...

สนช.ถกลับจิ้ม 7 อรหันต์ กกต.

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 ก.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาการให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 7 คน ตามที่คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กกต. พิจารณาเสร็จแล้ว ประกอบด้วย 1.นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 2.นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร 3.นายอิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย 4.นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีต ผวจ.หลายจังหวัด 5.นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) 6.นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 7.นายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา เป็นการประชุมลับ เพื่อให้ กมธ.ชี้แจงผลการตรวจสอบผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คน ให้ที่ประชุม สนช.รับทราบ

โหวตคว่ำ “สมชาย-พีระศักดิ์”

ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากใช้เวลาประชุมลับนานเกือบ 3 ชั่วโมง ที่ประชุม สนช.ได้ลงคะแนนแบบลับ ผู้ได้รับความเห็นชอบต้องได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ สนช.ทั้งหมดที่มีอยู่ขณะนี้ 246 คน หรือ 123 เสียงขึ้นไป ผลปรากฏ นายสันทัดได้รับคะแนนเห็นชอบ 178 คะแนน ไม่เห็นชอบ 20 และงดออกเสียง 3 นายสมชายได้คะแนนเห็นชอบ 3 ไม่เห็นชอบ 193 งดออกเสียง 5 นายอิทธิพรได้คะแนนเห็นชอบ 186 ไม่เห็นชอบ 10 งดออกเสียง 5 นายพีระศักดิ์ได้คะแนนเห็นชอบ 28 ไม่เห็นชอบ 168 งดออกเสียง 5 นายธวัชชัยได้คะแนนเห็นชอบ 184 ไม่เห็นชอบ 12 งดออกเสียง 5 นายฉัตรไชยได้คะแนนเห็นชอบ 184 ไม่เห็นชอบ 11 งดออกเสียง 6 และนายปกรณ์ได้คะแนนเห็นชอบ 185 ไม่เห็นชอบ 10 และงดออกเสียง 6 ถือว่านายสันทัด นายอิทธิพร นายธวัชชัย นายฉัตรไชย และนายปกรณ์ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่ง กกต. ขณะที่นายสมชาย และนายพีระศักดิ์ ไม่ได้รับความเห็นชอบ

ติดคดีอาญา-ความเป็นกลาง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมลับ กมธ.ตรวจสอบประวัติฯได้รายงานผลการตรวจสอบประวัติเชิงลึก มีอยู่ 2 คนที่ถูกอภิปรายอย่างหนัก เนื่องจากอาจมีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญ คือ นายสมชาย ชาญณรงค์กุล ที่ กมธ.รายงานว่า มีปัญหาเรื่องการถูกร้องเรียนอยู่ใน ป.ป.ช.และศาล กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด สมัยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่ทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนสหกรณ์ ทำให้ สนช.หลายคนแสดงความเป็นห่วง หากได้รับเลือกเป็น กกต. แล้วต่อมาถูกพิพากษามีความผิดในภายหลัง อาจมีผลกระทบต่อการทำงานของ กกต.ในอนาคตได้ ส่วนนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องความเป็นกลางทางการเมือง ซึ่งเป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ ทำให้เป็นปัจจัยสำคัญที่สมาชิก สนช.ลงมติไม่ให้ความเห็นชอบนายสมชาย และนายพีระศักดิ์เป็น กกต.

รอขั้นตอนก่อนเลือกประธาน

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. แถลงภายหลังจากการประชุมว่า หาก 5 ว่าที่ กกต.ลาออกจากตำแหน่งตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะจัดประชุมเพื่อเลือกประธาน กกต. ก่อนนำรายชื่อทั้ง 5 คนขึ้นทูลเกล้าฯถวายต่อไป ถ้ามีบุคคลใดไม่ลาออกจากตำแหน่งต่างๆภายในเวลาที่กำหนด จะมีผลให้ผู้ผ่านความเห็นชอบที่เหลือไม่สามารถเป็นองค์ประชุม เพื่อเลือกประธาน กกต.ได้ และไม่อาจนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯถวายได้ หากมีการโปรดเกล้าฯ กกต.ชุดใหม่แล้ว กกต.ชุดปัจจุบันจะพ้นจากตำแหน่งทันที ส่วนการสรรหา กกต.อีก 2 คนที่เหลือ จะทำหนังสือถึงประธานศาลฎีกาในฐานะประธานกรรมการสรรหา เพื่อเรียกประชุมคณะกรรมการสรรหาอีกครั้ง กระบวนการสรรหาใหม่ต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 90 วัน แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าจะใช้กระบวนการเชิญ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. มาตรา 12 หรือไม่

2 คนเก่าหมดสิทธิ์มาสมัครอีก

ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิป สนช. กล่าวว่า การสรรหา กกต.ที่เหลืออีก 2 คน จะใช้คณะกรรมการสรรหาชุดเดิมทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือก โดยเปิดรับสมัครใหม่เข้ามา สำหรับนายสมชาย และนายพีระศักดิ์ ไม่สามารถมาสมัครเป็น กกต.ใหม่ได้อีก อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายจะเปิดโอกาสให้สามารถทาบทามผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมมาเป็น กกต. แต่เชื่อว่าไม่มีกรรมการสรรหาคนใดกล้าไปทาบทาม เพราะเกรงจะมีปัญหาภายหลังเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

เลขาฯ กกต.ยัน 5 คนทำงานได้

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า สำนักงานได้เตรียมความพร้อมไว้รองรับไม่ว่าจะทั้งกับ กกต.ชุดเก่า หรือชุดใหม่ พร้อมดำเนินการจัดการเลือกตั้งได้ทันที ส่วนมติที่ประชุม สนช.เห็นชอบว่าที่ กกต.เพียง 5 คน ตามกฎหมายถือว่าสามารถมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. กำหนดให้องค์ประชุมของ กกต.ชุดใหม่ต้องมีไม่ต่ำกว่า 5 คน ต้องเข้าประชุมครบทั้ง 5 คน ส่วน กกต.ชุดปัจจุบันยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า กกต.ชุดใหม่จะได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการเตรียมการเลือกตั้ง นอกจากนี้ สำนักงานได้จัดเตรียมห้องทำงานเพิ่มเติมและตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับห้องทำงานของ กกต.อีก 2 ห้อง ทางสำนักงานได้จัดทำขึ้นใหม่ ปรับปรุงพื้นที่ของชั้น 9 ที่เดิมเป็นห้องรับรอง ใช้งบประมาณราว 15 ล้านบาทเศษ และจัดซื้อรถเบนซ์ประจำตำแหน่งเพิ่มเติมอีก 2 คัน ไว้รองรับให้พอกับจำนวน กกต.ทั้ง 7 คน ตามรัฐธรรมนูญกำหนด

“นิพิฏฐ์” เหน็บญาณวิเศษ “ซือแป๋”

ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังรับทราบมติของ สนช.ว่า เป็นไปตามญาณวิเศษและความศักดิ์สิทธิ์ ของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ถ้าได้ กกต.ไม่ครบ อาจต้องใช้วิธีการทาบทามบุคคลในส่วนที่ขาด ดังนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมายของนายมีชัย คือได้ กกต.ไม่ครบ 7 คนตามที่กฎหมายกำหนด แม้ 5 คนจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ต้องมีการทาบทามเพิ่มอีก 2 คนให้ครบตามที่กฎหมายระบุ แต่ 2 คนที่จะทาบทามภายหลังนี้อาจมีปัญหาเมื่อสังคมเคลือบแคลงการทำหน้าที่ในความไว้วางใจที่จะมีน้อยกว่า 5 คนแรกที่ได้มาจากการสรรหา เพราะการทาบทามภาษาชาวบ้านคือการเชิญมาเป็น เหมือนการล็อกสเปกว่าอยากให้ใครเป็น แม้จะทำหน้าที่ได้ดีมันก็ดีน้อยลง เพราะความเชื่อถือเชื่อมั่นในความเป็นกลางลดน้อยลง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญว่าผู้มีอำนาจจะลงมาเป็นผู้แข่งขันในเกมเสียเองหรือไม่ เพราะหากลงมาแข่งขันเสียเองก็เท่ากับว่ามีกรรมการอยู่ในมือแล้ว 2 คน เกมการแข่งขันย่อมไม่ชอบธรรม รวมถึงยังมีสมาชิกรัฐสภาที่มาจากการแต่งตั้งอยู่ในมือแล้ว 250 คน แต่พรรคการเมืองเริ่มต้นที่ศูนย์ ถามว่าเป็นธรรมหรือไม่ ยิ่งมีกรรมการในมือเพิ่มขึ้นอีก ขอให้สังคมคิดเอาเองว่าเกมแข่งขันนี้จะเป็นอย่างไร

“วิษณุ” ลั่นจัดเลือกตั้งได้เลย

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ประชุม สนช.ลงมติให้ความเห็นว่าที่ กกต.ใหม่ อาจได้ไม่ครบ 7 คน มี ผู้เสนอให้ใช้วิธีการทาบทามตัวบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนว่า กฎหมายเปิดโอกาสไว้ แต่จะใช้หรือไม่ก็แล้วแต่ เรื่องนี้อาจยังใหม่กับสังคม และไม่เป็นที่ยอมรับ ดังนั้นจึงไม่ควร เพราะดุลพินิจที่จะบอกว่าให้ใช้วิธีทาบทามตัวถือว่าล่อแหลมมาก แต่กฎหมายไม่ได้ห้ามอะไร เมื่อถามว่าการพิจารณาของ สนช.ครั้งนี้ หากได้ กกต.ไม่ครบ 7 คน ต้องทำอย่างไร นาย วิษณุตอบว่า ถ้าได้ กกต.ใหม่ 5 คน สามารถทำงานได้เลย ส่วน กกต.เก่าก็พ้นจากตำแหน่งไป ส่วนที่ยังขาดต้องทำการสรรหาใหม่ให้ครบ 7 คน การสรรหาไม่กี่คนอาจทำได้เร็วขึ้น เมื่อถามว่าหากมี กกต.ใหม่ 5 คน สามารถเดินหน้าจัดการเลือกตั้งได้เลย หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ทำได้

โต้ถ้าดูดจริงคงไม่ทำโจ๋งครึ่ม

นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองตั้งข้อสังเกตการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จ.อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ช่วงปลายเดือน ก.ค. อาจมีนัยทางการเมือง ว่า ไม่มี รัฐบาลประกาศล่วงหน้าว่าจะทำแบบนี้มาเกือบปีแล้ว ลงพื้นที่ไปหลายครั้งแล้ว เดิมวางโปรแกรม ครม.สัญจรครั้งนี้ไว้ที่ จ.พะเยา และเชียงราย แต่เกิดเหตุการณ์ทีมหมูป่า นายกฯ จึงตัดสินใจเปลี่ยนไปที่ จ.อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีก่อน ครั้งหน้าอาจไปที่ จ.พะเยา และเชียงราย เมื่อถามถึงกระแสการดูดอดีต ส.ส.ที่พุ่งเป้าไปที่ภาคอีสาน นายวิษณุตอบว่า เรื่องนี้อยู่ในสายตาคนทั้งประเทศอยู่แล้วว่าดูดหรือไม่ดูด ทำไมต้องไปดูดกันถึงที่เกิดเหตุ จะดูดก็ไปดูดกันที่อื่น ไม่ได้ดูดอะไรทั้งนั้น ส่วนกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ไลฟ์เฟซบุ๊กเชิญชวนประชาชนสมัครเป็นสมาชิกพรรค ถือว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่นั้น ไม่น่ามีปัญหาอะไร การติดต่อสื่อสารกันทางอิเล็กทรอนิกส์ สอบถาม กกต.แล้ว กกต.ระบุว่าสามารถทำได้ แต่พรรคการเมืองกลับลังเลเสียเอง แต่ กกต.และ คสช.ไม่ได้ลังเล ไม่ได้ว่าอะไร และอยากให้ใช้วิธีนี้มากกว่า เปิดเผยไม่ใช่เรื่องลับๆ ล่อๆ และไม่ถือว่าขัดคำสั่ง คสช.

“บิ๊กป้อม” ปัดใช้คดีความดูด ส.ส.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า การตั้งข้อสังเกตการลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจร จ.อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี มีนัยทางการเมืองนั้น ลงพื้นที่กันมาทั้งปีทุกเดือนอยู่แล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้หรือ ที่มีกระแสดูดนั้นไม่มีหรอก นายกฯ บอกแล้วว่าไม่มี เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวนายกฯ ไม่ได้เป็นผู้ดูดเองแต่ให้นายทหารพื้นที่ภาคอีสานดำเนินการ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ก็พูดไปเรื่อย แล้ววิธีดูดเป็นอย่างไร เมื่อผู้สื่อข่าวตอบกลับไปว่าใช้การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เรื่องคดีความ พล.อ.ประวิตรจึงกล่าวว่า “โอ้ย คดีอะไรผมยังไม่รู้เรื่อง ใครเป็นคดีกับใครผมไม่รู้ และเรื่องกระบวนการยุติธรรมไปแตะต้องไม่ได้ ใครก็ทำอะไรไม่ได้ นายกฯ ก็ทำไม่ได้ ถามว่าจะไปแลกเปลี่ยนไปสั่งให้เขายกเลิกทำได้หรือไม่ ใครทำ ได้บ้าง มันทำไม่ได้”

โยนหน้าที่ กกต.ดู “เทือก” ไลฟ์สด

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวเสนอผลประโยชน์เรื่องเงินด้วย พล.อ.ประวิตรตอบว่า เงินที่ไหน ที่อ้างกันถึงรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจนั้น เขาไม่ได้หาเงินเอง เขาเป็นคนคิดที่จะหาเงินเข้ารัฐ ไม่ได้หาเงินเข้ากระเป๋าเพื่อเอาไปให้ใคร ไม่มีหรอก เมื่อถามถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย เตรียมไลฟ์สดหาสมาชิกทำได้หรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ต้องให้ กกต.ดู เพราะ คสช.ไม่ได้ลงไปดูในรายละเอียด

พท.ขอมองประชาชนเป็นตัวตั้ง

นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการวางโปรแกรมจัดประชุม ครม.สัญจร จ.อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ช่วงปลายเดือน ก.ค.ว่า ทุกครั้งที่จัดประชุม ครม.สัญจร รวมถึง ครั้งนี้ มีนัยทางการเมืองอย่างแน่นอน ทุกครั้งที่ลงจะมีนักการเมืองในพื้นที่มารอต้อนรับ ส่วนจะมีการดึงตัวอดีต ส.ส.ไปร่วมพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เป็นเรื่องตัวบุคคล แต่สิ่งที่อยากฝากคือนายกฯควรให้ความสำคัญกับงบประมาณที่จะลงไปยังพื้นที่ ต้องให้เกิดโครงการที่ประชาชนได้ประโยชน์ที่สุด ส่วนเรื่องคะแนนความนิยมที่จะตามมาเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ขอให้เอาผลประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่มาก่อนเรื่องการเมือง

“ไชยยันต์” จี้ “บิ๊กตู่” เปิดหน้าชัดๆ

ช่วงเช้าวันเดียวกันที่วิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า มีการจัดสัมมนาวิชาการเรื่อง “การเลือกตั้งขั้นต้น : ทางออกการเลือกตั้งหรือทางตันประชาธิปไตย?” นายไชยยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ไพรมารีโหวต : จุดเปลี่ยนการเมืองไทย” ว่า หากกฎหมายบังคับใช้แล้วข้าราชการส่วนใหญ่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร จะไม่สมัครเป็นสมาชิกพรรค จะไม่เปิดหน้าไปทำไพรมารีโหวต เพราะกลัวว่าหลังเลือกตั้งหากได้รัฐบาลที่อยู่พรรคตรงข้าม อาจมีปัญหาเรื่องงาน หากอยากให้กฎหมายใช้ได้ผลจริง คนที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. และ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ควรทำตามกฎหมายเปิดหน้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคใดพรรคหนึ่ง ทำตามกระบวนการไพรมารีโหวต และประกาศให้ทหารทุกเหล่าทัพมีโอกาสเปิดหน้าสมัครสมาชิกพรรคได้อย่างเสรี

“สมชัย” ซัดเกมดูดฆ่าไพรมารี

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการ กกต. กล่าวว่า ระบบไพรมารีโหวตเป็นกระบวนการในเชิง หลอกลวง แล้วยังเสนอให้แก้ไขทำไพรมารีโหวตเป็นรายภาคแทนการทำทุกจังหวัด ยิ่งทำให้กระบวน การอ่อนปวกเปียก ยืนยันว่าไม่ควรถอยไม่ควรยกเลิก ควรลองทำเพื่อให้รู้ถึงปัญหา หากรัฐบาล กรธ. หรือสนช.ถอย เท่ากับว่าขาดวุฒิภาวะ ทำประเทศเหมือนการขายของเด็กเล่น อยากเขียนกฎหมายอะไรก็เขียน พอวันหนึ่งเปลี่ยนทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม รวมถึงการดูด ส.ส.ยิ่งทำลายระบบไพรมารีโหวต ดูที่ยอดก่อน ค่อยไปจัดตั้งคนไปลงคะแนนเป็นพิธีกรรม หากกระบวนการดังกล่าวมาจากฝ่ายที่ร่างกติกาจริง ถือว่าเลวมาก เปิดตัวไพรมารีโหวตแบบพระเอก แต่จบเป็นผู้ร้าย กลัวพรรคเล็กจะทำไม่ไหว กลัวพรรคใหญ่จะได้รับเลือกตั้ง เหมือนบอลโลกที่ฟีฟ่าไม่ควรมีทีมฟุตบอลลงแข่ง เพราะกติกาที่กำหนดจะไปเอื้อให้กับทีมฟีฟ่าเอง

“นิกร” อัดเขียน ก.ม.บาปบริสุทธิ์

นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พฤติกรรมการเลือกตั้งของไทยยังมีปัญหาข้อกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายเลือกตั้งที่อนุโลมให้ใช้ตัวแทนประจำจังหวัดมาเลือกผู้สมัครในทุกเขตของจังหวัด กลายเป็นผู้ที่ต้องการเป็นผู้สมัครไปไล่หาสมาชิกเพื่อมาเลือกตัวเอง ไม่ใช่การเลือกจากสมาชิกพรรคอย่างแท้จริง กลายเป็นพรรคคัดคนไปให้สมาชิกเลือกแทน คนใหม่ๆจะไม่มีโอกาสขึ้นมาได้เลย ที่สำคัญคือติดล็อกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 พอคลายล็อกเวลาก็เหลือน้อยมากที่จะทำไพรมารีโหวต ถือเป็นบาปบริสุทธิ์ครั้งใหญ่ อยากให้ยืนทำไพรมารีโหวตที่อาจแบบเป็นภาค หรือใช้คำสั่งมาตรา 44 แก้ให้กลับไปใช้เป็นรูปแบบตัวแทนประจำจังหวัดเหมือนที่ กรธ.กำหนด เอาแบบพอไปได้ก่อน เพราะกลัวว่าถ้ายกเลิกแล้วไม่มีอะไรมาแทนที่เลย

“มาร์ค” แซะพวกทำลาย ปชต.

ที่มหาวิทยาลัยรังสิต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปาฐกถา “นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย” ว่า บทบาทนักการเมืองหลังรัฐประหารปี 57 และการพูดถึงนักการเมืองในแง่ลบของหัวหน้าคณะรัฐประหาร คนที่เป็นนักการเมืองอาชีพต้องเรียนรู้ เอาความเดือดร้อนประชาชนมาแก้ไข ดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ให้ชาวบ้านรู้สึกว่าพึ่งพานักการเมืองได้ ต่างจากนักการเมืองสมัครเล่นที่ส่วนใหญ่ก่อปัญหาทางการเมือง หวังผลประโยชน์ต่อธุรกิจตนเอง ส่วนที่มี ส.ส.หรือสมาชิกย้ายพรรค ถ้าเป็นเรื่องของอุดมการณ์ไม่เรียกว่าเป็นการดูด ส่วนพวกที่ย้ายพรรคเพราะผลประโยชน์เงินตรา ตำแหน่งทางการเมือง ไม่ใช่นักการเมืองที่ดีในวิถีทางประชาธิปไตย สุดท้ายจะเป็นตัวทำลายประชาธิปไตย

“แม้ว-ปู” โผล่รัสเซียดูบอลโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้พักอยู่ที่ประเทศอังกฤษ แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ก.ค. มีการเผยแพร่ภาพอดีตนายกฯทั้งสองคนลงในโลกโซเชียล ขณะร่วมชมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบรองชนะเลิศระหว่างทีมชาติอังกฤษกับทีมชาติโครเอเชีย ด้วยความสนุกสนานที่ประเทศรัสเซีย และคาดว่าอดีตนายกฯทั้ง 2 คน จะเดินทางไปที่ประเทศอังกฤษอีกครั้ง ช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้ เพื่อจัดงานฉลองเนื่องในวันคล้ายวันเกิดนายทักษิณอายุครบ 69 ปี ในวันที่ 26 ก.ค.นี้

“ประยุทธ์” นำทีมเยือนศรีลังกา

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา และคณะ ออกเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 12-13 ก.ค. เพื่อร่วมหารือทวิภาคีและหารือเต็มคณะกับนายไมตรีปาละ สิริเสนา ประธานาธิบดีศรีลังกา และเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือ 4 ฉบับ ได้แก่ สนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำความผิดและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าพื้นฐานระหว่างกระทรวงสวัสดิการสังคมและอุตสาหกรรมพื้นฐานของศรีลังกากับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และแผนการดำเนินโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาชุมชนต้นแบบอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในศรีลังกา