“บิ๊กตู่” ยักไหล่ไม่ให้ราคา กระแสข่าวดูดอดีต ส.ส.ลั่นจะไปดูดทำไมให้เมื่อยปาก พูดเป็นนัยอยากได้ความจริงใจ ไม่ใช่ตามแห่กันมา เย้ยพวกรวยแต่ต้องหนีคดี มีเงินก็ไร้ความสุข ข้องใจกลัวอะไรนักหนายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เตือนอย่าไปเอาข้อมูลเท็จมาใส่หัว ฉุนตามล้างตามเช็ดจับผิดซื้อเฮลิคอปเตอร์ ท้างัดหลักฐานมาแบ “บิ๊กป้อม” ปัดนัดพบอดีต ส.ส. ที่ ร.1 รอ. ฟากพรรคเพื่อไทยยันปรับกลยุทธ์ใช้ไม้นวม ไม่หวั่นไหวดูดไปก็หาใหม่ได้ แฉเบนเป้าฉกภาคกลาง “ฉลองงูเห่า” ส่อเค้าชิ่งหนี

กระแสข่าวการดูดอดีต ส.ส. สืบเนื่องจากความเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร และพรรคพลังประชารัฐ ยังคุกรุ่นรุนแรงบนกระดานข่าวการเมือง โดยพรรคเพื่อไทยที่ตกเป็นเป้าตกเขียวกวาดต้อนอดีตผู้แทนมากที่สุด ได้ปรับยุทธวิธีลดโทนความดุดันเคียดแค้น มาใช้ไม้นวมยุติการด่าไล่หลัง ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ยักไหล่ไม่ให้น้ำหนักปมประเด็นนี้

“บิ๊กตู่” สอนรวยแล้วมีคดีไร้ความสุข

เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่อาคารโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดอาคารโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงระยะที่ 1 ว่า วันนี้การบ้านที่ทำมาตั้งแต่ปี 57 ยังไม่เสร็จ มีเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ กับโจทย์ที่ยากขึ้น จะสำเร็จได้ต้องพวกเราทุกคน ทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และประชาชน ต้องเข้าใจว่าปัญหาบ้านเมืองของเราทุกอย่างเริ่มต้นจากกฎหมาย ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าทุกอย่างในประเทศนี้ทำได้ถ้าไม่ขัดกับกฎหมาย หลายคนอาจจะไม่เข้าใจมองเห็นแต่เพียงว่าอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง เราจะได้ประโยชน์อะไร อยากให้ย้อนกลับไปดูว่ากฎหมายที่ออกมามีประโยชน์อะไรกับตัวเองบ้าง ไม่ใช่กฎหมายเอื้อให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อไปจับกุมดำเนินคดี ไม่ได้จ้องตรงนั้น ทำให้เกิดความเท่าเทียมในเรื่องของโอกาส ไม่ว่าจะคนรวย คนจน กฎหมายเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เกิดความเท่าเทียม ทุกคนมีโอกาสเข้าถึง ทำให้ประชาชนมีความสุข ไม่ใช่มีเงินเยอะ ถ้ามีเงินเยอะแต่ผิดกฎหมายหรือมีคดีก็ใช้เงินไม่ได้ ถ้าไม่อยากมีคดีก็ค่อยๆทำมาหากินไป เดี๋ยวก็มั่นคง แข็งแรง รวยขึ้นเอง ถ้ามีเงินเยอะใช้ไม่ได้ หนีคดีจะมีไปทำไม ตายไปก็เอาไปไม่ได้ซักบาท

...

กลัวอะไรนักหนายุทธศาสตร์ 20 ปี

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าทุกคนคิดแต่เพียงว่าเราจะได้อะไรโดยไม่ต้องเสียอะไร โลกนี้ไม่มีเกิดขึ้นได้ มีแต่ว่าเราจะได้อะไรและเสียอะไรน้อยหน่อยในช่วงแรก อย่างเรื่องภาษีถ้ามีกำลังทรัพย์มากก็เสียมาก มีน้อยก็เสียน้อย ไม่มีก็ไม่ต้องเสีย รัฐบาลวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ขณะนี้อยู่ในระยะที่ 1 โดย 4 ปีที่ผ่านมาได้มาเท่านี้ วันหน้าไม่ว่ารัฐบาลไหนที่อยากเข้ามานักหนาใช้แบบเดิมไม่ได้อยู่แล้ว ต้องใช้แบบนี้คือตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง พ.ร.บ.การเงินการคลัง ตามกรอบที่เขียนไว้ แค่นี้ยังกลัวกันเลย จะกลัวอะไรกัน ไม่ใช่เขียนไว้ห้ามทำอะไร ไปไหนไม่ได้ แต่เป็นเขียนให้กรอบทุกกระทรวงทำงานแล้วรวมกันเป็นยุทธศาสตร์ชาติ อย่าไปอ่าน นสพ.เขียนไร้สาระทั้งสิ้น ฟังจากคนที่ไม่รู้เรื่องแล้วเอามาเขียน ไอ้คนที่ให้ข่าวเป็นใครไปย้อนดู ตนไม่ได้ว่าใครทั้งสิ้นใครอยากรับก็รับไปไม่ได้เอ่ยชื่อใครสักคน

ลั่นจะไปดูดให้เมื่อยปากทำไม

จากนั้นนายกฯได้ถามผู้ร่วมงานว่า “รู้ไหม กทม.มีทั้งหมดกี่เขต” โดยผู้ร่วมงานคนหนึ่งตะโกนตอบว่า “50 เขต” นายกฯจึงกล่าววา “ใช่มี 50 เขต แต่ไม่ใช่ไปดูดเขตโน้นเขตนี้ จะไปดูดให้เมื่อยปากทำไม ใครจะไปดูด เชิญไปดูดกันมาแล้วกัน ผมไม่ได้ไปดูดกับใคร ทุกคนดีใจปรบมือเปาะแปะๆ เพราะชอบ ไม่ต้องปรบมือให้ผม เพราะปรบมือให้อย่างไรก็ไม่ได้ชดเชยสิ่งที่เล่นงานผม แต่ผมสู้เพื่อความดี ไม่ต้องการดอกไม้จากใครทั้งสิ้น เวลาไปหลายที่ก็เห็นดอกกุหลาบสีแดงเจ้าเดียวกันทั้งหมด ไม่ต้องมาให้ผม อยากได้ต้นไม้ที่ปลูกที่บ้าน จะเถาหรืออะไรก็มาเถอะ แต่อย่าเอาหมามุ่ยมาแล้วกัน วันนี้เป็นโอกาสดีได้มาพูดคุยกับคนกรุงเทพฯ ซึ่งคนกรุงเทพฯต้องเข้าใจรัฐบาลอย่าไปเข้าใจจากสื่อซึ่งมีข้อมูลไม่ครบ ท่านต้องมีภูมิต้านทานในการฟัง การอ่าน มีสติปัญญาว่าสิ่งที่เขาเขียนและพูดถูกไหม ไม่ใช่ว่าเขียนมาแล้วเออใช่ด่าตามเขาไปหมด แค่ข้าราชการก็โดนผมจี้อยู่แล้ว แล้วคิดว่าคนที่ทำงานข้างหน้าจะรู้สึกอย่างไรโดนผมเล่นงาน แต่ข้างล่างก็ด่าเขามาอีก เขาก็ต้องปลิ้นไปข้างๆไม่ทำอีก”

ฉุนตามล้างตามเช็ดซื้อเฮลิคอปเตอร์

จากนั้นนายกฯถามว่า “ใครไม่ชอบผมยกมือ” ปรากฏว่า ไม่มีใครยกมือ จึงกล่าวต่อไปว่า “ผมไม่ถามใครชอบผมบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าผมมาหาเสียงทางการเมืองอีก อยากทำอะไรก็ทำ เดี๋ยวจะเดินทางไปภูเก็ตและเชียงราย ขอให้ช่วยกันอธิษฐานให้เครื่องบิน ที่ผมนั่งไปปลอดภัย คราวก่อนตอนไปอังกฤษเครื่องสตาร์ตไม่ติดต้องมาต่อแบตเตอรี่ข้างนอกแต่เครื่องก็ยังขึ้นได้ ผมก็ถามว่าเครื่องขึ้นไปแล้วจะดับไหม นักบินรับรองว่าไม่ดับ ฝากรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงไปแก้ไขด้วย มันมีปัญหาทุกอัน ผมเคยขึ้นมาแล้ว ก็ไม่ตกสมัยก่อน ส่วนที่บอกว่าจะซื้อเฮลิคอปเตอร์มาทำไม ถ้าไม่ซื้อแล้วจะให้ใช้อะไรใช้จรวดหรืออย่างไร หรือจะใช้นกบิน เขาก็หาซื้อมาตามลำดับเพื่อใช้ประโยชน์ ส่วนเรื่องที่กล่าวหาว่ามีการทุจริตซื้อแบบรัฐต่อรัฐก็ให้ไปหาหลักฐานมา เพราะบริษัทนั้นก็ต้อง ทุจริตกับเราด้วย ก็เอาสิ เพราะเป็นการซื้อขายระหว่างประเทศกับประเทศ”

ยกจลาจลเมืองหลวงเตือนสติ

นายกฯกล่าวว่า วันนี้มาที่ดินแดงก็อยากให้ทุกคนย้อนกลับไปปีก่อนๆ เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบริเวณรอบๆนี้ คงยังไม่ลืมกัน อย่าให้เกิดขึ้นอีก เมื่อ อยู่ที่สูงๆแล้วก็ต้องช่วยกันเฝ้าตรวจการณ์กรุงเทพฯด้วย ใครเอาอาวุธมายิง มาขว้างระเบิด ที่นี้ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นส่วนที่สูงที่สุดในพื้นที่อันตราย ไม่โกรธเคืองกัน แต่อย่าให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีก

นายกฯประธานเปิดอาคารดินแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นประธานพิธีเปิดอาคาร และส่งมอบกุญแจห้องพักอาศัยโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม) ระยะที่ 1 แปลง G พร้อมกล่าวว่า มาร่วมแสดงความยินดีการก่อสร้างแฟลตดินแดงใหม่โครงการแรก หลังจากที่มีปัญหาติดค้างมาเป็นเวลาหลายสิบปี ได้รับความร่วมมือจากประชาชน ข้าราชการ จนสามารถดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ เราพยายามทำให้เกิดความเท่าเทียมในเรื่องที่อยู่อาศัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดูแล เช่น การบริหารจัดการขยะ บริหารการอยู่อาศัย ที่สำคัญห้ามเป็นแหล่งซ่องสุมยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ต้องมีคณะกรรมการเข้ามาดูแล จะต้องมาช่วยดูในเรื่องของการประกอบอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ในกรุงเทพฯ มี 2,046 ชุมชนที่ยังเดือดร้อน บางชุมชนจะต้องขยับขยายหาที่อยู่ใหม่ อาจต้องร่วมมือกัน เช่น รัฐบาลออกเงินให้ส่วนหนึ่งประชาชนออกเองส่วนหนึ่ง หากใครมีที่ดินอยู่แล้วก็สามารถซื้อบ้านน็อกดาวน์มาอยู่อาศัยได้ ไม่จำเป็นต้องให้รัฐบาลสร้างให้เพียงอย่างเดียว

บ้านของประชาชนต้องดีกว่าเดิม

“ผมต้องการเห็นบ้านของประชาชนดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่ผุพัง หลังคามุงจากหรือรอรับการบริจาคอย่างเดียว และอยากให้ขยายโครงการนี้ออกไปยังต่างจังหวัดด้วย ผมจะมาตรวจดูเรื่องความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นลิฟต์ ห้องน้ำ ขยะ การปลูกต้นไม้เสริม และอยากให้ระมัดระวังในเรื่องครอบครัว ไม่ควรมีลูกมากเกินไป เพราะจะทำให้ลำบาก หลังจากนี้จะมีโครงการที่ 2-4 ต่อไปอีก 6 ปี ทุกรัฐบาลจะต้องทำเรื่องที่อยู่อาศัยให้ประชาชนตามยุทธศาสตร์ชาติ อยากให้ประชาชนสื่อสารต่อๆ กันไป เพื่อให้กิจกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นได้ เพราะสื่อสารกันเองย่อมดีกว่าให้ทหารไปคุย” นายกฯกล่าว

ฟิตระเบียบการทำความเคารพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ถ่ายภาพร่วมกับรองนายกฯ รัฐมนตรีและข้าราชการที่มาร่วมงานในพิธี ซึ่งเกือบทั้งหมดได้สวมชุดเครื่องแบบ ข้าราชการที่ต้องใส่เป็นประจำทุกวันจันทร์แล้ว นายกฯได้แนะนำวิธีการสวมหมวกของข้าราชการและการทำความเคารพที่ถูกต้อง สอนวิธีการทำความเคารพด้วยมือที่เรียกว่า ตะเบ๊ะ หรือวันทยหัตถ์ การถอนสายบัวของสุภาพสตรี พร้อมกล่าวว่า “ผมจะเริ่มตรวจสอบข้าราชการก่อน ตั้งแต่ระดับอธิบดี ปลัดกระทรวง ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันพุธ”

“บิ๊กป้อม” ปัดอดีต ส.ส.พบที่ ร. 1.รอ.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวบิ๊กทหารในพื้นที่อีสานช่วยดูดอดีต ส.ส.เข้าพรรคพลังประชารัฐว่า เขาไปดูดอย่างไร เขารู้จักกันคุยกันไม่ได้หรือ เมื่อถามว่า หากมีการเสนอผลประโยชน์แลกเปลี่ยนจะมีความผิดหรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า “เขาเสนออะไร ใครเสนอ บอกชื่อมา” ผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า “เป็นระดับบิ๊กในกองทัพภาคสอง” พล.อ. ประวิตรสวนกลับมาอีกว่า “โอ๊ย ไม่มีไปเสนออะไร ถ้าเสนอเป็นเรื่องของเขา เขารู้จักกัน เขาคุยกัน ไม่เกี่ยวกับผม” เมื่อถามว่า มีการอ้างว่าอดีต ส.ส.มาพบ พล.อ.ประวิตรที่บ้านพัก พล.อ.ประวิตรตอบว่า “เมื่อพูดว่าอ้างจะมาถามอะไร” ผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่า ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักการเมืองมาพบที่บ้านในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1.รอ.) หรือไม่ พล.อ.ประวิตรอมยิ้มพร้อมกล่าวว่า “บ้านผมไม่มี”

“วิษณุ” แจงยังไม่ได้ข้อสรุปไพรมารี

ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จัดทำร่างแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ให้พรรคการเมืองสามารถจัดประชุมใหญ่เพื่อทำไพรมารีโหวตและให้ กกต. สามารถแบ่งเขตการเลือกตั้ง รวมถึงอาจจะใช้การทำไพรมารีโหวตแบบภาค ว่าข่าวที่ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาไปยกร่างแก้ไขคำสั่งดังกล่าวเป็นความจริง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการทำไพรมารีโหวต การประชุมร่วมกับพรรคการเมืองวันที่ 25 มิ.ย. ได้พูดถึงการทำไพรมารีโหวตว่ามีประมาณ 3-4 แนวทาง คือ ยังไม่เริ่มใช้ไพรมารีโหวต ทำไพรมารีโหวตแบบ จังหวัด ทำไพรมารีโหวตแบบภาค หรือถ้าไม่ใช้ไพรมารีโหวตจะใช้รูปแบบใดมารองรับแทน ให้สมาชิกพรรคการเมืองมีส่วนร่วมในการคัดเลือกผู้สมัครตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำแนวทางเหล่านี้ไปจัดทำร่างในทุกรูปแบบแล้วนำเสนอ กกต.พิจารณา ส่วน คสช.จะเลือกรูปแบบใดเป็นเรื่องที่ คสช.จะเป็นผู้พิจารณา แล้วจะส่งไปให้ กกต.ด้วยเช่นกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องลือกแนวทางตามที่ สช.เลือก ขอย้ำว่าแนวทางเกี่ยวกับการทำไพรมารีโหวต ผู้ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย กกต. คสช. กรธ. สนช. คณะกรรมการกฤษฎีกา กำลังรวบรวมประมวลผล ขณะนี้ยังมีเวลาในการพิจารณา ระหว่างรอการโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. แต่คิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน เมื่อถามว่า มีการคาดการณ์ว่าจะคลายล็อกให้กับพรรคการเมืองภายในเดือน ส.ค.หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เรื่องนี้ยังตอบไม่ได้ว่าเมื่อไหร่

ย้ำมีความจำเป็นคลายล็อกไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงยังไม่คลายล็อกให้พรรคการเมือง ในช่วง 90 วันระหว่างรอการโปรดเกล้าฯกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส. นายวิษณุตอบว่า ยืนยันว่าไม่สามารถคลายล็อกให้พรรคการเมืองในช่วง 90 วันแรกได้ เพราะยังไม่มีการโปรดเกล้าฯกฎหมายลงมา แต่ถ้าพรรคการเมืองใดมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมก็ให้ไปขออนุญาตจาก คสช. เป็นรายกรณี ไม่เช่นนั้นอาจมีสิ่งสอดแทรกจากบางพรรคการเมืองแล้วอาจจะส่งผลกระทบกับ 90 วันช่วงที่สอง ขออย่าไปทำอะไรให้เกิดปัญหาขึ้นมา เราเพียงแค่ป้องกันปัญหาเอาไว้เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็มีพรรคการเมืองไปขออนุญาตจาก คสช.อยู่ทุกวัน ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่อธิบายให้กับประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ยาก แต่ถือว่ามีความจำเป็นที่ยังไม่สามารถคลายล็อกให้ได้

กรธ.ปัดถก คสช.แก้คำสั่ง 53/60

นายปกรณ์ นิลประพันธ์ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกระแสข่าว กรธ.หารือร่วมกับ คสช. เพื่อยกร่างแก้ไขคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 เรื่องแก้กฎหมายพรรคการเมือง เพื่อคลายล็อกและปรับเรื่องไพรมารีโหวตว่า เท่าที่ทราบไม่มีเรื่องนี้เข้ามาในที่ประชุม กรธ. น่าจะเป็นการโยนหินถามทาง เพราะการแก้ไขคำสั่งดังกล่าวเป็นอำนาจของ คสช. และยังไม่สมเหตุสมผลในเรื่องไพรมารีโหวต เนื่องจากกรธ.ไม่ได้เสนอให้มีตั้งแต่ต้น แต่เป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่เสนอให้มี ดังนั้น หากจะแก้เรื่องไพรมารีควรไปถาม สนช. การแก้ไขคำสั่ง คสช. ไม่เกี่ยวอะไรกับ กรธ.

พท.ยันหยุดด่ารักษาน้ำใจอดีต ส.ส.

พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยหลีกเลี่ยงการตอบโต้และกล่าวหาเรื่องการดูด ส.ส. เพื่อรักษามิตรภาพที่เคยมีร่วมกันว่า ยอมรับว่าเป็นการรักษาน้ำใจของอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางกลุ่มที่ยังลังเลว่าจะย้ายพรรคหรือไม่ เพราะบางคนยังอาลัยอาวรณ์กันอยู่ ก็เห็นใจเพราะบางคนที่ต้องไปด้วยความจำเป็น แต่ตนเคารพการตัดสินใจของแต่ละคน อดีต ส.ส.ทุกคนเป็นเพื่อนกันไม่อยากให้ใช้คำพูดรุนแรงต่อกัน ส่วนกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐเตรียมเบี่ยงเบนสร้างพรรคทางเลือกขึ้นมา เพื่อกลบกระแสกรณีทหารครอบงำพรรคนั้น อาจเป็นเล่ห์กล หลอกกันไปมา

นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้หารือกลุ่มอดีต ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย มีความรู้สึกเดียวกับท่านเลขาธิการพรรค จึงได้สะท้อนความรู้สึกไปยังท่านเลขาธิการพรรค ว่า เราไม่อยากผลักไสไล่ส่งใคร เราไม่อยากซ้ำเติมหรือประจานใคร การสาปแช่งหรือไล่กันเป็นเรื่องไม่ดี

ย้ำไม่หวั่นไหวดูดไปก็หาใหม่ได้

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงกระแสดูดอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า จากการรับฟังประชาชน ใครย้ายออกจากพรรคเขาจะไม่เลือก เพราะเขาให้ความเชื่อมั่นในพรรคจึงเลือกที่พรรคไม่ได้เลือกที่คน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน และใครที่มีกระแสข่าวถูกดูดออกไปเวลาลงพื้นที่จะไม่มีประชาชนคุยด้วยเราจึงไม่กังวลอะไร ในส่วนของพรรคเราหากพื้นที่ใดอดีต ส.ส.ออกไปเราก็หาคนใหม่มาลงสมัครแทน ซึ่งมีคนที่พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว เราจึงไม่ได้หนักใจอะไรกับกระแสดูดที่เกิดขึ้น

เบนเป้าฉกภาคกลาง “ฉลอง” ส่อชิ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ถึงกระแสข่าวการดูดอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยไปสู่พรรคพลังประชารัฐว่า ขณะนี้ความเคลื่อนไหวการดูดอดีต ส.ส.ในภาคอีสานเริ่มนิ่ง แต่เบนเป้าเปลี่ยนไปดูดอดีต ส.ส. ในภาคกลางแทน เนื่องจากภาคกลางไม่ใช่ พื้นที่จุดแข็งของพรรคเพื่อไทยเหมือนกับภาคอีสาน มีโอกาสทาบทามได้มากกว่า และล่าสุดมีความพยายามทาบทามอดีต ส.ส.นนทบุรีของพรรคเพื่อไทยให้ย้ายไปร่วมงานด้วย ซึ่งนายฉลอง เรี่ยวแรง เป็นอดีต ส.ส.ที่มีแนวโน้มไปร่วมพรรคพลังประชารัฐมากที่สุด ส่วนนายวันชัย เจริญนนทสิทธิ์ ก็ถูกทาบทามเช่นเดียวกัน อยู่ระหว่างการตัดสินใจ และมีแนวโน้มสูงว่าจะไปเหมือนกัน เพราะมีความสนิทกับนายฉลอง ขณะที่นางวไลพร อัจฉริยะประสิทธิ์ ซึ่งตัดสินใจว่าจะวางมือทางการเมืองแล้วให้บุตรชายลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แทน แต่ปรากฏว่าบุตรชายนางวไลพรมีแนวโน้มที่จะย้ายไปลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์

“ธนาธร” ชี้การเมืองมีแค่ 2 ทางเลือก

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ตนได้วางมือทางธุรกิจหันมาขับเคลื่อนการเมืองเพื่ออนาคตของประเทศชาติ ประเทศไทยเสียโอกาสกับยุคเผด็จการมามากพอแล้ว การเลือกตั้งสมัยหน้าประชาชนต้องเลือกทางเดินของประเทศ 2 ทาง คือ เลือกระบอบเผด็จการหรือระบอบประชาธิปไตย ส่วนการดูดอดีต ส.ส.เข้ามาร่วมพรรค การเมืองนั้น แสดงให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมยังถูกครอบงำด้วยระบอบเผด็จการ อันจะส่งผลให้ขับเคลื่อนประเทศในด้านเศรษฐกิจสังคมและการเมืองหยุดชะงัก ส่วนที่รัฐบาลอ้างว่าจีดีพีของประเทศเติบโตขึ้นนั้น เงินจากการเจริญเติบโตของจีดีพีไปเข้ากระเป๋าของใคร ประชาชนได้รับผลประโยชน์มากน้อยแค่ไหน เชื่อว่าการเมืองระบอบเผด็จการใช้เงินและอำนาจที่ไม่ถูกต้องมาเกี่ยวข้องกับการเมืองจะส่งผลทำให้ประเทศชาติล้าหลัง

“จาตุรนต์” ร้องศาลถอนคำสั่ง คสช.

วันเดียวกัน ที่ศาลปกครอง นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทยได้ยื่นร้องต่อศาลให้เพิกถอนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 10/2557 ลงวันที่ 24 พ.ค. 2557 ที่สั่งระงับธุรกรรมทางการเงินของตนเองมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว โดยที่ผ่านมาเคยร้องต่อ คสช. รัฐบาล และศูนย์ดำรงธรรมแต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ เมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ระบุถึงการจะยกเลิกคำสั่ง คสช.ได้โดยนายกรัฐมนตรี ครม.และฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งในรัฐธรรมนูญ มาตรา 87 ระบุว่า รัฐพึงยกเลิกกฎหมายที่สร้างภาระขั้นตอนที่ไม่จำเป็นเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต โดยจะต้องยกเลิกกฎหมายลักษณะนี้โดยไม่ชักช้า หากศาลปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่ามีอำนาจที่จะกระทำได้ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่ง คสช.ที่ 10/2557 หรือส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของคำสั่งดังกล่าว

เมียนักร้องดังร้อง กสม.ถูกล้วงตับ

ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) น.ส.ปรวิศา รุ่งเรืองวิโรจน์ หรือเจ๊ติ้ง ภรรยานายศรศักดิ์ สวนแก้ว หรือศร อิจฉา นักร้อง พร้อมนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ หรือปลัดจอมแฉ “คดีนกฮูก” จ.แม่ฮ่องสอน ในฐานะประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) ได้ยื่นเรื่องต่อประธาน กสม.เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีการคัดทะเบียนราษฎรและข้อมูลทะเบียนประชาชนเพื่อนำไปขายหรือแจกจ่าย โดย น.ส.ปรวิศาอ้างว่า ถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐล้วงข้อมูลจากทะเบียนราษฎร นำไปให้เพจอวตารใช้ด่าคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองลงข้อมูลบิดเบือนคุกคามบุคคลที่มีชื่อเสียง โดยมีขบวนการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีรหัสเข้าถึงข้อมูล

ขณะที่นายบุญญฤทธิ์กล่าวว่า บุคคลเข้าไปดูข้อมูลต้องมีตำแหน่งตั้งแต่ปลัดอำเภอกับตำแหน่งระดับสารวัตรจะต้องมีส่วนในการทำคดีเกี่ยวกับความมั่นคงหรือคดีอาญาที่บุคคลนั้นเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งนี้แม้เจ้าของข้อมูลจะเกี่ยวข้องคดีแต่หากไม่ยินยอมให้เผยแพร่จะเป็นการทำผิด พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารและผิดกฎหมายอาญามาตรา 157

กกต.ชง คสช.คลายล็อกพรรค

เย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม กกต.ได้ประชุมและให้ความเห็นชอบกับร่างแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ที่จะคลายล็อกการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้เสนอมาขอความเห็น โดยเห็นว่ามีเนื้อหาหลักเป็นไปตามที่ กกต.ได้เสนอในวงประชุมร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตัวแทนพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมาคือ หลัง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศราชกิจจานุเบกษาแล้ว คือ 1.ให้พรรคการเมืองสามารถจัดประชุมใหญ่เพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรค หาสมาชิกพรรคให้ความเห็นต่อ กกต.ในเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้ง และจัดทำไพรมารีโหวต 2.ให้อำนาจ กกต.ในการออกหลักเกณฑ์และระเบียบให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่มีการประกาศใช้และให้ดำเนินการเรื่องของการแบ่งเขตได้ ทั้งนี้ในส่วนของกระบวนการทำไพรมารีโหวตที่ กรธ.เสนอเป็นทางเลือกให้ทำเป็นภาค ที่ประชุม กกต.ไม่ได้มีการให้ความเห็นในประเด็นนี้ โดยหลังจากนี้ กกต.จะแจ้ง ความเห็นกลับไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป