ขยะใต้พรม ยิ่งซุกยิ่งพัง
ใครจะว่ายังไงก็ว่าไป แต่หลังจากที่รัฐบาล คสช.เข้ามาบริหารประเทศนั้น คงได้เห็นแล้วว่าปัญหาของประเทศไทยนั้นมาจากโครงการของระบบมากกว่า
หลายต่อหลายเรื่องที่ไม่เคยพบเห็นก็ได้มาเห็น ขนาดว่าโกงเงินคนจน โกงเงินนักเรียน โกงเงินค่าอาหารกลางวัน
แต่ถ้าล้วงลงไปอีก ก็จะพบปัญหาใหญ่กว่านั้นอีก
เช่นระบบราชการ ที่จะต้องปฏิรูปกันอย่างจริงจัง มิใช่แค่เรื่องป้องกันการทุจริตเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องแก้ไข
การบังคับใช้กฎหมายยังเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องแก้ไขกันทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นองค์การ การบริหาร การจัดการ
ประเทศไทยนั้นมีกฎหมายมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ แต่มันมักกลายเป็นอักษรในกระดาษเสียมากกว่า
เมื่อกฎหมายไม่เป็นกฎหมาย ก็ไปไม่เป็นทั้งระบบ
มันก็เลยเกี่ยวพันกับ “คน” ที่ต้องนำกฎหมายไปปฏิบัติ ซึ่งก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญในการปฏิรูป
วันนี้มีตัวอย่างกรณีเรือล่มที่ภูเก็ตวันเดียวกัน 3 ลำ แต่ลำใหญ่ที่สุดและมีผู้โดยสารจำนวนมากน่าจะบรรทุกคนเกิน กำหนด
ประเด็นนี้ยังไม่ต้องไปพูดถึงผลจากเรือล่ม ถือว่าเป็นความประมาทสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ
หมายถึงความไม่มีมาตรฐานตั้งแต่เบื้องต้น
ไม่นับถึงกัปตันเรือ ลูกเรือ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะมีความรอบรู้ ความชำนาญ รู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกแค่ไหน
ว่าโดยรวมก็คือได้มาตรฐานกำหนดหรือไม่?
มีการประกาศห้ามนำเรือออกจากชายฝั่ง เพราะสภาพอากาศไม่ดี และอาจเกิดอันตรายได้ แต่ปรากฏว่าเรือเกือบทุกประเภท
กลับนำเรือออกไป เพื่อนำนักท่องเที่ยวไปยังเกาะต่างๆ
ทำไมพวกนี้ถึงไม่สนใจ
อ้างว่าขณะที่นำเรือออกนั้นอากาศดี ไม่มีฝน แดดออก เผอิญว่าเมื่อเดินทางกลับเกิดพายุมีคลื่นสูงจนเป็นเหตุให้เรือล่ม
...
เป็นคำตอบที่ขัดหูเหลือเกิน
การนำพานักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน ซึ่งแน่นอนว่าทำรายได้ให้กับประเทศไทยเป็นหลักก็ว่าได้
แต่ต้องคำนึงถึงการบริการที่ดี มีความปลอดภัย ไม่ไปต้มตุ๋นหลอกลวง
แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว...ทว่าเมื่อการนำเรือออกหลังจากมีประกาศเตือน จึงเป็นเรื่องที่จะต้องฟังและปฏิบัติตาม เพื่อความปลอดภัย ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แต่ที่เป็นปัญหาก็เพราะธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้นตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของ “เงิน” ซึ่งมี “คนจีน” เข้ามาแผ่บารมีเต็มไปหมด
มีทั้งอิทธิพล มีทั้งที่ได้เป็นเจ้าของโดยมีคนไทยเป็น “นอมินี”
เมื่อธุรกิจท่องเที่ยวไทยถูก “คนจีน” เข้ามาครอบงำเกือบทั้งหมด ดังนั้น การให้การบริการจึงต้องขึ้นอยู่กับคนจีนเป็นส่วนใหญ่ อย่างเรือที่ล่มก็เช่นกัน
เจ้าหน้าที่รัฐแทบทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องล้วนต้องตกอยู่ใน “อิทธิพล” นี้อย่างแยกไม่ออก อันไม่ต่างกับผู้ที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันนี้
เมื่อถูกข้อหาว่ามีความผิด สุดท้ายก็เสร็จ “อำนาจเงิน” จนได้.
“สายล่อฟ้า”