วิกฤติน้ำป่าทะลักเข้าท่วมถนนสายเอเชีย 41 ช่วงสี่แยกปฐมพร มุ่งหน้าไปยัง อ.หลังสวน จ.ชุมพร รถวิ่งผ่านไม่ได้ต้องปิดการจราจรชั่วคราว ส่งผลให้รถติดยาวกว่า 20 กม. โชเฟอร์จอดรถรอข้ามคืนขาดอาหาร ชาวบ้านออกมาช่วยเหลือแจกข้าวกล่อง รางรถไฟน้ำท่วมสูงสั่งหยุดเดินรถทุกขบวน ส่วนรีสอร์ตบนเกาะสมุยถูกน้ำป่าซัดบ้านพัง 7 หลัง สุราษฎร์ฯและเมืองคอนเตรียมรับมือน้ำท่วมสูงและน้ำทะเลหนุน ขณะที่กรมอุตุฯเตือนฝนตกหนัก 12 จังหวัดภาคใต้

สถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องทางภาคใต้ ส่งผลให้น้ำท่วมถนนสายหลักถูกตัดขาด โดยเมื่อวันที่ 13 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ชุมพร น้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมถนนสายเอเชีย 41 ตั้งแต่สี่แยกปฐมพรจนถึง อ.หลังสวน จ.ชุมพร เป็นถนนสายหลักสำหรับขึ้นลงภาคใต้ไป จ.สุราษฎร์ธานี รถทุกชนิดไม่สามารถวิ่งผ่าน ระดับน้ำสูงระดับเอวตั้งแต่บริเวณ ต.ขุนกระทิง อ.เมืองชุมพร อ.สวี อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนำแผงเหล็กมากั้นปิดการจราจรชั่วคราว ส่งผลให้มีรถ จอดติดสะสมหนาแน่นทะลักเข้าไปในปั๊มน้ำมันและ 2 ข้างทางจำนวนมาก ผู้ที่จะสัญจรล่องลงภาคใต้หากจะเดินทางต่อต้องเลี่ยงไปใช้ถนนเพชรเกษมจากสี่แยกปฐมพรไป จ.ระนอง ส่วนขาขึ้นต้องเลี่ยงไปใช้ถนนสายพะโต๊ะ-ระนอง เส้นทางอ้อมไปฝั่งอันดามันมีระยะทางไกลกว่า 200 กม.

...

ส่วนชาวบ้านใน ต.วิสัยเหนือ อ.เมืองชุมพร และ ต.วิสัยใต้ อ.สวี ที่อาศัยอยู่สองริมฝั่งถนนสายเอเชีย 41 เดินเคาะประตูรถที่ติดอยู่บนถนนรถติดยาว กว่า 20 กม. จอดข้ามคืนมากว่า 20 ชม. ผู้สัญจรบางคันยังไม่ได้รับประทานอาหาร ชาวบ้านนำข้าวกล่องและน้ำไปแจกให้เพื่อประทังความหิว ต่อมาช่วงเย็นปริมาณน้ำที่ท่วมบนถนนเอเชีย 41 ระดับน้ำทรงตัวและเริ่มลดลงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ระบายการ จราจรขาลงไป จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ขึ้นไปสามารถวิ่งผ่านไปได้ ส่วนขาล่องใต้ ยังปิดการจราจรเนื่องจากน้ำยังท่วมสูง และรถเก๋งรถกระบะห้ามผ่านทั้งขาขึ้นขาล่องใต้ ต้องใช้ทางเบี่ยง ไปตามถนนเส้นทางทะเลอันดามันเท่านั้น

ขณะที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสถานีรถไฟชุมพร ออกประกาศด่วน ว่า เนื่องจากมีน้ำท่วมบนทางรางรถไฟ จำเป็นต้องประกาศปิดการเดินรถไฟเส้นทางสายใต้ช่วงระหว่างสถานีสวี-เขาสวนทุเรียน เพื่อความ ปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสารตั้งแต่เวลา 20.25 น. วันที่ 12 พ.ย.เป็นต้นไป นอกจากนี้ มีมวลน้ำ ไหลท่วมถนนเพชรเกษม ทำให้ไม่สามารถขนถ่ายผู้โดยสารทางรถยนต์ได้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผล กระทบผู้โดยสารที่เดินทางมากับขบวนรถในเส้นทางสายใต้ ต้องหยุดรอเปิดทางจำนวน 8 ขบวน ประกอบด้วย ขบวนรถด่วนที่ 86 (นครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ) รอการเปิดทางที่สถานีหลังสวน ขบวนรถด่วนที่ 84 (ตรัง-กรุงเทพฯ) รอการเปิดทางที่สถานีท่าชนะ ขบวน รถด่วนพิเศษที่ 32 (ชุมทางหาดใหญ่-กรุงเทพฯ) รอการ เปิดทางที่สถานีละแม ขบวนรถเร็วที่ 172 (สุไหงโก-ลก-กรุงเทพฯ) รอการเปิดทางที่สถานีไชยา ขบวนรถ พิเศษขนส่งสินค้าห่อวัตถุด่วนที่ 986 (สุไหงโก-ลก- กรุงเทพฯ) รอการเปิดทางที่สถานีสุราษฎร์ธานี ขบวนรถเร็วที่ 171 (กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก) รอการเปิด ทางที่สถานีชุมพร ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 31 (กรุงเทพฯ- ชุมทางหาดใหญ่) รอการเปิดทางที่สถานีชุมพร ขบวน รถพิเศษขนส่งสินค้าห่อวัตถุด่วนที่ 985 (กรุงเทพฯ- สุไหงโก-ลก) รอการเปิดทางที่สถานีสะพลี ขณะที่พนักงานการรถไฟจัดเตรียมอาหารและน้ำดื่มให้กับ ผู้โดยสารบนขบวนรถ และภายในสถานีตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านเจ้าหน้าที่ ปภ.ชุมพร สรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ประสบภัย 6 อำเภอ 37 ตำบล 238 หมู่บ้าน 7 ชุมชน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 6,272 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ เนื่องจากโดนไฟฟ้าช็อต ผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน โรงเรียน 1 แห่งวัด 3 แห่ง บ้าน 520 หลัง สถานที่ราชการ 2 แห่ง ถนน 49 สาย คอสะพาน 1 แห่ง ฝายน้ำล้น 5 แห่ง ท่อระบายน้ำ 3 แห่ง นอกจากนี้ เกิดพายุงวงช้างพัด จากทะเลขึ้นฝั่งในพื้นที่ ต.ท่ายาง อ.เมืองชุมพร ทำให้มีบ้านเรือนเสียหาย 30 ครัวเรือน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 60 คน

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อำเภอเกาะสมุยเทศบาล นครเกาะสมุย เจ้าหน้าที่ ปภ.จ.สุราษฎร์ธานี สาขา เกาะสมุย เข้าตรวจสอบเมอริท รีสอร์ต ริมถนนรอบ เกาะสมุย บริเวณจุดชมวิวบิ๊กร็อก หมู่ 4 ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หลังเกิดฝนตกหนักทำให้อาคารภายในรีสอร์ตถล่ม พบบ้านหลังเดี่ยวปลูกสร้างบนเนินเขาริมชายทะเลถล่มลงมา 7 หลัง และอาคารแตกร้าวเอนเอียงอีก 3 หลัง ไม่มีผู้บาดเจ็บ

สอบถาม น.ส.ยศสินี พาพิช พนักงานของรีสอร์ต ทราบว่า ช่วงตี 3 วันที่ 13 พ.ย. เกิดฝนตกหนัก มีน้ำป่าไหลทะลักจากภูเขา ตนอยู่ในบ้านพักที่เกิดเหตุได้ยินเสียงผนังปูนแตกตกใจรีบวิ่งออกมาข้างนอก จากนั้นบ้านเกิดถล่มลงมาทั้งหลัง คาดกระแสน้ำกัดเซาะโครงสร้าง ช่วงเกิดเหตุยังไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วน น.ส.ลลิตา รอดคะเชนทร์ ผจก.ทั่วไปของรีสอร์ต เปิดเผยว่า กระแสน้ำที่ไหลมาจากภูเขาอยู่อีกฝั่งของถนนกลับเปลี่ยนทิศไม่ลงท่อระบายน้ำ กระแสน้ำลอดผ่านท่อไหลเข้าพื้นที่ของรีสอร์ต เบื้องต้นค่าเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท

นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี พร้อมนายจำนง สวัสดิ์วงศ์ หัวหน้า ปภ.จ.สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ต.ท่าชนะ อ.ท่าชนะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือสถานการณ์น้ำท่วมเนื่องจากฝนตกหนักตลอด 24 ชั่วโมง และมีน้ำทะเลหนุนสูง พร้อมไปตรวจสอบบริเวณหลังสถานีรถไฟท่าชนะมีน้ำป่าไหลท่วมในเขตเศรษฐกิจตลาดท่าชนะ เจ้าหน้าที่เทศบาลใช้รถกระบะติดเครื่องขยายเสียงออกประกาศให้ประชาชนยกของขึ้นที่สูง ส่วนที่ถนนเส้นทางหมู่ 13 ต.คันธุลี ซอยยูงทอง 1 เชื่อมไปยังหมู่ 6 ต.คลองพา สะพานกว้าง 4 เมตร ความยาว 25 เมตร ถูกน้ำป่ากัดเซาะคอสะพานขาด 3 เมตร นายวิชวุทย์สั่งให้เจ้าหน้าที่นำเครื่องจักรเร่งซ่อมแซม และให้รีบแก้ไขกระแสไฟฟ้าดับในเขตตลาดท่าชนะ พร้อมให้ส่งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เข้าพื้นที่เร่งระบายน้ำออกโดยเร็ว และแจ้งเตือนให้ประชาชนใช้เส้นทางเลี่ยงไปยัง อ.ละแม จ.ชุมพร

...

ส่วนนายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า เกิดฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย 10 จุด คือ บ้านเนินธัมมัง ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ ชุมชนบ้านบางนกวัก ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ บ้านแสงวิมาน ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง บ้านบางศาลา ต.บางศาลา อ.ปากพนัง บ้านท่าซัก ต.ท่าซัก อ.เมือง บริเวณสนามบินนครศรีธรรมราช หน้ามหาวิทยาลัย รามคำแหง สาขาวิทยาบริการเฉลิมพระเกียรติ อ.พระพรหม บริเวณคลองชะอวดแพรกเมือง อ.ชะอวด และ อ.ทุ่งสง จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อติดตามคลี่คลายสถานการณ์กรณีเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก น้ำระบายไม่ทันและดินโคลนถล่ม

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีรับทราบสถานการณ์น้ำเพิ่มสูง ถนนถูกตัดขาด ทำให้ปิดเส้นทางถนนทางหลวงหมายเลข 41 (ถนนเอเชีย) ตั้งแต่สี่แยกปฐมพร จนถึง อ.หลังสวน จ.ชุมพร ไม่สามารถสัญจรได้ ต้องสั่งปิดเส้นทางรถไฟ ประชาชนที่ต้องขึ้น-ลงใต้เดือดร้อน สั่งการให้ ผวจ.ชุมพร กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และหน่วยงานในพื้นที่อปท. เร่งช่วยเหลืออำนวยความสะดวกประชาชนที่ต้องสัญจรลงภาคใต้ หลังฝนตกหนักใน จ.ชุมพรต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลกระทบ 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สวี อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน และอ.เมือง บางส่วนน้ำท่วมและดินโคลนถล่มปิดถนนจนไม่สามารถผ่านได้ กำชับเจ้าหน้าที่แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ ตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยง กระจายกำลังลงช่วยเหลือชาวบ้านจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

...

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมภาคใต้ตอนกลาง คาดว่าจะเคลื่อนลงทะเลอันดามันในวันที่ 14 พ.ย. ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้มีฝนตกหนักมากหลายพื้นที่บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา และกระบี่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ภูเก็ต ตรัง และสตูล ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคใต้ควรระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก