“เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าคนดีๆอย่าง “กำนันเตี้ย” จะต้องไม่ตายฟรี จะลงพื้นที่เร่งรัดคดีจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว” คำยืนยันของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ลงพื้นที่ทันทีหลังเกิดคดียิง นางกรรณิการ์ วงค์ศิริ หรือกำนันเตี้ย อายุ 52 ปี กำนันตำบลผาตั้ง บ้านดงต้อง ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย เสียชีวิต

เป็นคดีสะเทือนขวัญ พฤติกรรมคนร้ายท้าทายกฎหมายบุกยิงกำนันหญิง ข้าราชการที่ดี ทำงานเพื่อชุมชน เป็นนักพัฒนา ความสูญเสียผู้นำชุมชนที่ต่อสู้เพื่อชาวบ้านทำให้ชาวบ้านในพื้นที่หวาดกลัว ถ้าจับกุมไม่ได้ คงไม่มีใครกล้าที่จะลุกขึ้นมายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นอีกคดีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ให้ความสำคัญ

ผบ.ตร.มอบให้ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. นำทีมตำรวจกองปราบปรามร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 และชุดสืบสวน บช.น. ที่มี พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยประดิษฐ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. ร่วมทีมคลี่คลายคดี

ชุดสืบสวนพุ่งเป้าไปที่ประเด็นขัดแย้งของกำนันเตี้ยกับกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์เรื่องที่นำหน่วยราชการเข้ายึดคืนที่ดิน ส.ป.ก.กว่า 120 ไร่ ของกลุ่มนายทุนทำสวนยางพารามาใช้เป็นที่ดินชุมชน คนร้ายได้นัดเจรจากับกำนันเตี้ย 2-3 ครั้งก่อนเกิดเหตุ ทุกครั้งที่เจรจามีการโต้เถียง ชี้หน้า ข่มขู่ฆ่ากันมาโดยตลอด ทำให้ชุดสืบสวนรู้กลุ่มคนร้ายตั้งแต่แรก แต่รอพยานหลักฐานให้ชัดเจน แนวทางการสืบสวนเชื่อว่าเป็นการ “ลงขัน” รับงานซุ้มมือปืน

...

หลักฐานสำคัญเริ่มจากคนร้ายขี่รถ จยย.เวฟ สีแดง สวมหมวกกันน็อก ขี่รถ จยย.มาก่อเหตุ ชุดสืบสวนไล่ภาพกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายนำรถ จยย.และหมวกกันน็อกที่ใช้ก่อเหตุทิ้งในอ่างเก็บน้ำห้วยสระคลองใหญ่ ท้ายหมู่บ้านสระคลอง หมู่ 3 ต.คำด้วง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 กิโลเมตร

ตำรวจนำรถ จยย.ขึ้นมาพบว่าเป็นรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ กุญแจรถเสียบคาอยู่ ที่เห็นในกล้องวงจรปิดเป็นรถสีแดง แต่สีจริงเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งคนร้ายใช้สเปรย์สีแดงฉีดพ่นทับ อำพรางสีเดิม

ก่อนลงมือก่อเหตุ นายธนภูมิ พรหมมาตร และ น.ส.พนิดา จุนเต็ม ผู้ต้องหา ใช้รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ไปซื้อรถ จยย.มือสองใน จ.อุดรธานี ราคา 5,700 บาท และใช้ขับไปดูบ้านเป้าหมายก่อนลงมือ ตำรวจย้อนภาพวงจรปิด นายธนภูมิอยู่ในพื้นที่และดูที่เกิดเหตุก่อนที่ลงมือจริง มีภาพกล้องวงจรปิดพบว่านายธนภูมิมาที่ร้านสะดวกซื้อใน อ.เมือง จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 29 ม.ค.และที่โรงแรม อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 18 ม.ค.

วันเกิดเหตุนายธนภูมิใช้ จยย.มือสองที่ซื้อมาขี่ไปยิงกำนันเตี้ย ก่อนเอาไปทิ้งที่ จ.อุดรธานี แล้วขึ้นรถโตโยต้า วีออส สีขาว รับจากจุดที่ทิ้ง จยย.ไปถึงแยกน้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย มี นายประสิทธิ์ อินทร์เนื่อง ผู้รับงาน ขับรถกระบะนิสสัน นาวารา สีแดง มารอรับนายธนภูมิไปหา น.ส.พนิดา ภรรยา แล้วพากันหลบหนี

ตรวจสอบประวัติ นายธนภูมิมีหมายจับศาลจังหวัดไชยาของ สภ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ข้อหาพยายามฆ่า และเคยถูกจับคดียาเสพติด ศาลจำคุก 7 ปีก่อนที่จะออกมากระทำผิดอีก นายธนภูมิเป็นมือปืนรับจ้างที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ จ.หนองคาย ฉายาว่า “ยุทธ” แต่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี คนเรียกว่า “ดำ”

ตำรวจพบการใช้โทรศัพท์ของกลุ่มผู้ต้องหาที่เชื่อมโยงกลุ่มคนจ้างวานทั้งหมด และพบเส้นทางการเงินที่ นายสามารถ ทิพยศักดิ์ ผู้จ้างวาน โอนเงินให้นายธนภูมิ 110,000 บาทก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุโอนให้อีก 70,000 บาท รวมเป็นเงิน 180,000 บาท

ได้พยานหลักฐานครบถ้วน พล.ต.อ.จักรทิพย์ให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดหนองคาย พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. ให้ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 ป. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 ป. นำทีม “หนุมาน” บุกรวบตัว 5 ผู้ต้องหา ทั้งหมดได้ที่ จ.สุราษฎร์ธานี กรุงเทพฯ และ จ.หนองคาย

นายธนภูมิ พรหมมาตร อายุ 37 ปี มือปืน จ.สุราษฎร์ธานี น.ส.พนิดา จุนเต็ม อายุ 31 ปี ภรรยาของนายธนภูมิ ผู้พาหลบหนี นายสามารถ ทิพยศักดิ์ อายุ 57 ปี อดีตกำนัน ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นกำนันดีเด่นเมื่อปี 2561 ผู้ใช้จ้างวาน นายสำริด สังข์สิงห์ อายุ 59 ปี หรือเสี่ยช้าง ผู้ใช้จ้างวาน และ นายประสิทธิ์ อินทร์เนื่อง อายุ 55 ปี คนรับงานและดูแลมือปืนในพื้นที่ พร้อมของกลางรถ จยย. รถยนต์และอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ

...

หลังเกิดเหตุได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ชุดสืบสวนจับกุมคนร้ายทั้งขบวนการ คนใช้จ้างวาน จัดหาอาวุธและรถ มือปืนรับจ้างและคนพาหลบหนี ตามคำพูด ผบ.ตร. ปิดฉากอีกคดีสะเทือนขวัญของชาวเมืองหนองคาย

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยประดิษฐ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ ผบก.ภ.จ.หนองคาย ร่วมสอบสวนผู้ต้องหา

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “คนร้ายบุกยิงกำนันเตี้ยเสียชีวิตเป็นคดีสำคัญ กำนันเป็นคนดี คนร้ายต้องถูกลงโทษ หลังเกิดเหตุได้ลงพื้นที่ จ.หนองคาย วางทีมชุดสืบสวนรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดหนองคายออกหมายจับ 5 ผู้ต้องหา ส่วนสาเหตุขัดแย้งกำนันเตี้ยที่ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องยึดที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 120 ไร่ ของกลุ่มผู้ต้องหาที่ถือครอบครองปลูกต้นยางพารามาเป็นผืนป่าชุมชน โดยกำนันเตี้ยเป็นผู้บริหารจัดการ จนสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้ต้องหาต้องจ้างมือปืนมาก่อเหตุและถูกจับในที่สุด”

...

พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. กล่าวว่า “คดีนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้ร่วมทำคดีกับตำรวจภูธรภาค 4 ชุดสืบสวน บช.น.จนรู้กลุ่มคนร้ายรวบรวมหลักฐานขอออกหมายจับ ก่อนที่ชุด “หนุมาน” ของกองปราบปรามจะเปิดปฏิบัติการในพื้นที่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี จ.หนองคาย และกรุงเทพฯ จับกุมผู้กระทำผิดได้ 5 คน ทั้งผู้ใช้จ้างวาน มือปืน คนจัดหามือปืน และผู้ให้การ ช่วยเหลือพาหลบหนี ยืนยันว่าตำรวจกองปราบ ปรามจะไม่ปล่อยให้ผู้มีอิทธิพลทำผิด อยู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม”

ตำรวจปิดฉากคดีรับงานยิง “กำนันเตี้ย” ที่ขัดผลประโยชน์กลุ่มผู้มีอิทธิพล สุดท้ายถูก “ลงขัน” ฆ่าปิดปากทำให้คนในพื้นที่เกรงกลัวอิทธิพล แต่ไม่เป็นผลในยุคของ ผบ.ตร. ที่ทำงานแบบ “ลงแขก” ใช้ทีมตำรวจกองปราบปราม บช.ภ.4 และ บช.น.ร่วมกันทำงานเป็นทีมประเทศไทย จับได้ยกทีมทั้งผู้ใช้จ้างวาน มือปืนและคนรับงาน

บทบาทของตำรวจกองปราบยุค พล.ต.ต.จิรภพ ที่ใช้ชุด “หนุมาน” กับตำรวจพื้นที่เปิดปฏิบัติการกับผู้มีอิทธิพล เป็นจุดจบของผู้มีอิทธิพล ซุ้มมือปืนและมาเฟีย ที่ชอบทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย

คงทำได้ยาก เพราะทุกวันนี้ตำรวจทำงานเป็น “ทีมประเทศไทย”.

ทีมข่าวอาชญากรรม