เค้นสอบเพื่อนชายคนสนิท “ผศ.ดร.อรรจน์” ไขปมจมน้ำดับปริศนา เผยขับรถรับผู้ตายไปนิเทศนักศึกษาที่ จ.อุตรดิตถ์ ก่อนพากลับ จ.พิษณุโลก วันเดียวกัน ไม่ได้ไป สปป.ลาว ตามที่บอกกับคนดูแลมารดา เพราะต้องการอยู่ด้วยกันสองคน เปิดห้องพักค้างคืนด้วยกัน ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะแยกตัวไปทำงาน หลังจากนั้นติดต่อไม่ได้กระทั่งมารู้ข่าวว่าพบเป็นศพลอยอืดในแม่น้ำ ตกใจทำอะไรไม่ถูก แถมตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเลยยิ่งกลัวมาก เพราะไม่มีใครรู้ว่าตัวเองมีนิสัยชายรักชาย ส่วนกระเป๋าเดินทางใบใหม่ที่น้องสาวสงสัยว่าหายไปเจออยู่ในรถ ตำรวจสอบปากคำไม่พบพิรุธต้องปล่อยตัวไป แต่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เร่งสืบสวนหาหลักฐานตามเส้นทางและห้องพักที่กล่าวอ้าง
ตำรวจยังเดินหน้าคลี่ปมปริศนาการเสียชีวิตของ ผศ.ดร.อรรจน์ อิงคนินันท์ บัณฑิตย์ อายุ 55 ปี ประธานหลักสูตรสาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม อดีตผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบศพลอยอืดในแม่น้ำน่าน หน้าคริสตจักร ต.วัดจันทร์ อ.เมืองพิษณุโลก เมื่อคืนวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา แพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตจากสมองขาดอากาศจากการจมน้ำและไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย แต่ญาติยังแคลงใจว่าอาจเป็นการฆาตกรรม เนื่องจากก่อนเสียชีวิตมีชายคนหนึ่งขับรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีขาว มารับผู้ตายไป จ.อุตรดิตถ์ โดยตำรวจนำตัวชายคนดังกล่าวมาสอบปากคำแล้ว
ความคืบหน้าการสอบสวนหาชนวนเหตุการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของด็อกเตอร์คนดัง เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ บก.สส.ภ.6 จ.พิษณุโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากตำรวจชุดสืบสวนภาค 6 เชิญชายคนสนิทของ ผศ.ดร.อรรจน์ ผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำพร้อมกับนำรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีขาว ที่ขับไปรับผู้ตายมาตรวจสอบ โดยประสานตำรวจกลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 มาเก็บร่องรอยลายนิ้วมือแฝงภายในรถไว้เป็นหลักฐานประกอบคดี พบกระเป๋าเสื้อผ้าที่ผู้ตายซื้อมาใหม่อยู่ภายในรถ คาดว่าเป็นกระเป๋าใบเดียวกับที่น้องสาวผู้ตายสงสัยว่าหายไป
...
สอบสวนเพื่อนชายคนสนิทของผู้ตายให้การว่า ช่วงเช้าวันที่ 1 ต.ค. ขับรถไปรับผู้ตายที่โรงแรม วังจันทน์ริเวอร์วิว อ.เมืองพิษณุโลก ไปนิเทศนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพที่ จ.อุตรดิตถ์ เสร็จแล้วพากันเดินทางกลับ จ.พิษณุโลก ในช่วงเย็นวันเดียวกันโดยไม่ได้ไป สปป.ลาว ตามที่ผู้ตายบอกไว้กับผู้รับจ้างดูแลมารดา หรือเจ้าหน้าที่ในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เนื่องจากต้องการใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพียงสองคน
เพื่อนชายคนสนิทของผู้ตายให้การต่อไปว่า คืนวันที่ 1 ต.ค.ไปนอนค้างคืนด้วยกันที่ห้องพักรายวันแห่งหนึ่งใน อ.เมืองพิษณุโลก พอรุ่งเช้าวันที่ 2 ต.ค. พาผู้ตายย้ายไปเช่าห้องพักอีกแห่งแล้วตนออกไปทำงาน จนกระทั่งช่วงเย็นหลังเลิกงานไปหาที่ห้องพักแต่ไม่พบผู้ตาย พยายามโทรศัพท์หาแต่ติดต่อไม่ได้ ทำให้เกิดอารมณ์น้อยใจเดินทางกลับบ้านแล้วไม่โทร.หาอีก รุ่งขึ้นวันที่ 3 ต.ค.โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ทั้งวัน ตนไปทำงานตามปกติจนกระทั่งมีข่าวเผยแพร่ทางสื่อว่าพบศพ ผศ.ดร.อรรจน์ลอยอยู่ในแม่น้ำน่าน รู้สึกตกใจมากทำอะไรไม่ถูก ยิ่งทราบว่าน้องสาวของผู้ตายสงสัยในการเสียชีวิตและเข้าใจว่าตนที่ขับรถไปกับผู้ตายในวันที่ 1 ต.ค. มีส่วนเกี่ยวข้อง เลยทำให้กลัวมาก เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ว่าตนมีนิสัยชายรักชาย ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของผู้ตายแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ตำรวจชุดสืบสวนยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของเพื่อนชายคนสนิทของผู้ตาย หลังสอบปากคำได้ปล่อยตัวไปเนื่องจากไม่พบพิรุธ อีกทั้งเป็นบุคคลที่มีฐานะการงานมั่นคง มีสถานที่ทำงานเป็นหลักแหล่ง และไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หลังจากนี้จะต้องสืบสวนและตรวจหาหลักฐานประกอบตามเส้นทางที่กล่าวอ้าง รวมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของห้องพักรายวันทั้ง 2 แห่ง รวมทั้งสอบพยานแวดล้อมต่างๆในสถานที่ทำงานของชายคนดังกล่าวโดยละเอียดเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี และจะได้สืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของ ผศ.ดร.อรรจน์ เพื่อให้คำตอบกับญาติของผู้เสียชีวิตโดยเร็วต่อไป
ที่เมรุวัดคูหาสวรรค์ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก หลังจากญาติประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ผศ.ดร.อรรจน์ ไปเมื่อตอนเย็นวันที่ 9 ต.ค. ต่อมาในช่วงเช้าวันที่ 10 ต.ค. นางฉลอง บัณฑิตย์ ผศ.ดร.ทรัตน์พร บัณฑิตย์ นาคสวัสดิ์ มารดาและน้องสาวของ ผศ.ดร.อรรจน์ พร้อมด้วยนายจิรชาติ นาคสวัสดิ์ สามีของ ผศ.ดร.ทรัตย์พร รวมทั้งเพื่อนสนิทของ ผศ.ดร.อรรจน์อีกจำนวนหนึ่ง ประกอบพิธีเก็บอัฐิของ ผศ.ดร.อรรจน์ ไปไว้บนศาลา 4 วัดคูหาสวรรค์ พร้อมทำบุญเลี้ยงพระเพลเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ ส่วนพิธีลอยอังคารยังไม่เป็นที่เปิดเผย เนื่องจาก ผศ.ดร.ทรัตน์พร ได้พามารดากลับบ้านทันทีโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เพราะเกรงว่ามารดายังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น