ถุงดำคลุมหัว “ลุงเปี๊ยก” พ่นพิษ ผบก.ภ.จ.สระแก้ว สั่งเด้ง ผกก.สภ.อรัญประเทศ พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง เรียกสอบกราวรูดชุดสืบสวนและพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี “บิ๊กโจ๊ก” เข้าพูดคุยซักถามลุงเปี๊ยกชี้ภาพถ่าย “ดาบเศก” ตำรวจขาเทียม หนึ่งในชุดสืบสวน เค้นสอบใช้ถุงดำคลุมหัวบังคับให้ถอดเสื้อตากแอร์เย็นเฉียบขู่บังคับให้สารภาพ สั่งเร่งขยายผลมีใคร เกี่ยวข้องอีก ผบช.ภ.2 ขีดเส้นต้องรู้ผลใน 3 วัน ใครผิดลงดาบฟันทั้งวินัยและอาญา ด้านคดี 5 โจ๋ทมิฬ รุมฆ่า “ป้ากบ” เรียกสอบเอาผิดผู้ปกครองด้วย มีเหยื่อ รายอื่นมาแจ้งความเพิ่ม 4 รายแล้ว สั่งกำราบแก๊ง “ตังค์ไม่ออก” หยุดระรานชาวบ้าน ผบ.ตร.ฮึ่มจัดการ ตำรวจชั่วให้สิ้นซาก
กลายเป็นประเด็นร้อนเขย่าวงการสีกากีขึ้นมาอีก จากคดี 5 โจ๋ทรชนแก๊งลูกตำรวจรุมสังหารโหด น.ส.บัวผัน หรือป้ากบ ตันสุ อายุ 47 ปี หญิงสติไม่ดี พบศพในบ่อน้ำข้างโรงเรียนอนุบาลศรีอรัญโญทัย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังมีคลิปเสียงตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ยอมรับว่าใช้ถุงดำคลุมหัวขู่บังคับนายปัญญา หรือลุงเปี๊ยก คงแสนคำ อายุ 56 ปี สามีผู้ตายให้รับสารภาพว่าลงมือสังหารภรรยาตัวเอง กลายเป็นแพะรับบาปในคดีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด จน ผบก.ภ.จ.สระแก้ว มีคำสั่งย้าย พ.ต.ท.พิชิต วัฒโน รอง ผกก.สส.สภ.อรัญประเทศ ไปช่วยราชการ ศปก.ภ.จ.สระแก้ว พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง หากมีตำรวจทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วย
ความคืบหน้าที่ บก.ภ.จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 ม.ค. พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผบก.ภ.จ.สระแก้ว ประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ได้เชิญตัวตำรวจชุดสืบสวน สภ.อรัญประเทศ ที่อยู่ในห้องที่นำตัวลุงเปี๊ยกมาคลุมถุงดำเค้นสอบให้รับสารภาพ และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีทยอยเดินทางเข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมการโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปรับฟัง ในจำนวนนี้มี ด.ต.ภิเศก พวงมาลีประดับ หรือดาบเศก ผบ.หมู่ (สส.) สภ.อรัญประเทศ ตำรวจใส่ขาเทียมที่ลุงเปี๊ยกระบุว่าเป็น 1 ในชุดสืบสวนที่ร่วมเค้นสอบในวันที่ถูกถุงดำคลุมหัว ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามแต่ดาบเศกกล่าวเพียงว่าไม่มีอะไรจะชี้แจง
...

ขณะที่เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระแก้ว นำตัวลุงเปี๊ยกไปส่งศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ปทุมธานี เพื่อบำบัดอาการติดสุราเรื้อรัง มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางไปสอบปากคำลุงเปี๊ยก หลังมีการปล่อยคลิปเสียงที่ตำรวจยอมรับว่ามีการซ้อมทรมานเพื่อให้รับสารภาพ อ้างว่าเพียงแค่วางถุงดำบนศีรษะและให้ถอดเสื้อในห้องที่เปิดแอร์เย็นเฉียบเป็นการหยอกล้อกันเล่น ใช้เวลาการสอบสวนประมาณ 2 ชม. ลุงเปี๊ยกชี้ภาพถ่ายตำรวจนอกเครื่องแบบใส่ขาเทียมเพียงคนเดียวจากรูปตำรวจทั้งหมดกว่า 10 ใบ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า จากการสอบสวนลุงเปี๊ยกมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น ให้มูลนิธิวินวินอยู่ด้วยตั้งแต่วันแรกคอยนั่งอยู่ข้างๆไม่มีการกดดันหรือบีบบังคับให้พูด ตลอดการสอบสวนมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯคอยสังเกตการณ์อยู่ด้วย หลังพูดคุยกว่า 2 ชม. ลุงเปี๊ยกชี้รูปภาพเพียงคนเดียว ยืนยันว่าติดใจกับตำรวจนอกเครื่องแบบใส่ขาเทียมรายนี้ ส่วนตำรวจคนอื่นใช้คำพูดสุภาพไม่ได้มีพฤติกรรมข่มขู่ ทั้งนี้จะยังต้องสอบสวนต่อไปเพื่อขยายผลว่ายังมีใครที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่และมีใครเป็นผู้สั่งการที่อยู่เบื้องหลังอีกหรือไม่ หลังจากนี้ชุดพนักงานสอบสวนของ จ.สระแก้ว จะต้องสอบสวนผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคนที่ลุงเปี๊ยกชี้รูป แต่ขณะนี้ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
วันเดียวกัน พล.ต.ต.ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผบก.ภ.จ.สระแก้ว มีคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ที่ 15/2567 ลงวันที่ 18 ม.ค.ระบุว่า จากการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีปรากฏคลิปเสียงตำรวจชุดสืบสวน สภ.อรัญประเทศ บังคับขู่เข็ญให้นายปัญญา หรือลุงเปี๊ยก รับสารภาพในคดีฆาตกรรม น.ส.บัวผัน หรือป้ากบ พบข้อเท็จจริงว่าเป็นเสียงของตำรวจชุดสืบสวน สภ.อรัญประเทศ เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ให้ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผกก.สภ.อรัญประเทศ ไปช่วยราชการที่ ศปก.ภ.จ.สระแก้ว มีกำหนด 30 วันขาดจากต้นสังกัด และมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ชัยณรงค์ บุญด้วง รอง ผบก.ภ.จ.สระแก้ว ไปรักษาราชการแทน ผกก.สภ.อรัญประเทศ
ต่อมา พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 เดินทางไปติดตามความคืบหน้าของคดีที่ บก.ภ.จ.สระแก้ว พร้อมเผยถึงเหตุผลคำสั่งย้าย ผกก.สภ.อรัญประเทศ และส่งรอง ผบก.ภ.จ.สระแก้ว ไปรักษาราชการแทนว่า ผกก.สภ.อรัญประเทศ ตอบคำถามผู้บังคับบัญชาหรือให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนมีความคลุมเครือไม่ชัดเจน และยังเกิดความล่าช้าส่งผลกระทบต่อคดีและความเชื่อมั่นของประชาชน มีคำสั่งย้ายไป ศปก.ภ.จ.สระแก้ว พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีมีการทรมานลุงเปี๊ยกระหว่างการสอบปากคำจริงหรือไม่ กำหนดกรอบเวลาภายใน 3 วัน ส่วนการเรียกสอบปากคำผู้ปกครองของกลุ่มเด็กผู้ก่อเหตุเป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ถ้าผู้ปกครองมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยต้องรับผิดตามกฎหมาย มี 5 หน่วยงานหรือสหวิชาชีพร่วมพิจารณา
...

ผบช.ภ.2 เผยต่อไปว่า กรณีคลิปเสียงทรมานลุงเปี๊ยกเพื่อให้รับสารภาพเริ่มกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เริ่มต้นจากการสอบปากคำเจ้าของเสียง ที่อยู่ในคลิป เป็นรอง ผกก.สส.สภ.อรัญประเทศ และตำรวจที่ถูกกล่าวอ้างถึงว่าเป็นคนใช้ถุงดำวางบนศีรษะ ลุงเปี๊ยก ส่วนเจ้าหน้าที่มูลนิธิวินวินที่โทรศัพท์คุยกับ ตำรวจ ก็ต้องเรียกมาสอบปากคำด้วย เพราะเป็นเจ้าของ คลิปเสียงและเป็นต้นทางของข้อมูลทั้งหมด สำหรับลุงเปี๊ยกตอนนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ปทุมธานี เพื่อเข้ารับการรักษาอาการพิษสุรา เรื้อรัง จะมีคณะทำงานไปสอบปากคำลุงเปี๊ยกด้วย ทั้งหมดต้องรอคณะกรรมการสอบสวนสรุปความชัดเจน อีกครั้ง หากพบว่ามีการทรมานลุงเปี๊ยกจริงจะดำเนินการ ทั้งทางวินัยและอาญาตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบคลิปการสอบปากคำลุงเปี๊ยกยังไม่พบ ภาพการใช้ถุงดำคลุมศีรษะ หรือการทรมานด้วยวิธีอื่นใด แต่จะเกิดเหตุที่อื่นหรือไม่จะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
พล.ต.ท.สมประสงค์กล่าวถึงคดีที่กลุ่มผู้ต้องหาเยาวชนทั้ง 5 คน เคยก่อไว้ก่อนจะลงมือสังหารป้ากบ ว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายที่เคยถูกกลุ่มผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย เผารถ จยย. ล่วงละเมิดทางเพศ รวมถึงกระทำ อนาจาร เข้ามาแจ้งความที่ สภ.อรัญประเทศ แล้ว 4 คน กำชับให้พนักงานสอบสวนดูพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ใครที่เคยถูก กลุ่มนี้กระทำให้รับบาดเจ็บ หรือได้รับความเสียหายให้เข้ามาแจ้งความ ยืนยันว่าตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรม ขอให้เชื่อมั่นการทำงาน หากไม่ไว้ใจตำรวจ ในพื้นที่สามารถเข้ามาร้องทุกข์ที่ บก.ภ.จ.สระแก้ว ได้ จากข้อมูลการสืบสวนขณะนี้ทราบว่ากลุ่ม “ตังค์ไม่ออก” ที่ผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ร่วมแก๊งอยู่ด้วย มีสมาชิกกว่า 20 คน อายุมากสุด 30 ปี ตำรวจอยู่ระหว่างสืบทราบ ตัวบุคคลและจะเชิญผู้ปกครองเข้ามาซักถามถึงพฤติกรรม ของลูกหลาน นอกจากนี้ ยังพบว่าในพื้นที่มีวัยรุ่นอีกหลายกลุ่ม ตำรวจจะเฝ้าระวังไม่ให้ออกมาก่อกวนสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ประชาชนได้อีก
...
ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวถึง คดีป้ากบที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นลูกตำรวจทำร้ายเสียชีวิตโหดเหี้ยมและมีคลิปเสียงตำรวจยอมรับว่า ลุงเปี๊ยกถูกคลุมถุงดำบังคับรับสารภาพว่า ตร. มีระเบียบทางปกครองอยู่แล้วในกรณีข้าราชการตำรวจกระทำผิด พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 กำหนดไว้ชัดเจน ในการประชุม ก.ตร. มีมติลงโทษข้าราชการตำรวจมาตลอดในจำนวน ไม่น้อย มีทั้งปลดออก ไล่ออก ติดคุก คดีอยู่ที่ ป.ป.ช.ก็มีลงทัณฑ์ ภาคทัณฑ์ คดีอยู่ระหว่างการต่อสู้ชั้นศาล ถือได้ว่า ตร.เป็นหน่วยงานที่มีมาตรการเข้มกับตำรวจ นอกรีต ในยุคที่ตนเป็น ผบ.ตร. จะสนับสนุนตำรวจที่ดี ให้มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ แต่ตำรวจชั่วต้องหมดไป ยังมีคำสั่ง ตร.1212/2537 ที่มีบทลงโทษถึง ระดับผู้บังคับบัญชาระดับสูงขึ้นไป ฐานบกพร่องไม่กำกับดูแลผู้ใต้บังบัญชาให้อยู่ในระเบียบวินัย

“องค์กรตำรวจเป็นองค์กรเดียวที่เอาผิดตำรวจชั่ว มาลงโทษอย่างต่อเนื่องตลอดมา ถ้าเทียบกับองค์กรอื่น ให้กลับไปย้อนดูหลักฐานจากการประชุม ก.ตร.ทุกครั้ง มีลงโทษหลากหลาย บทหนักเบาตามกรอบกฎหมาย กำหนด เราไม่มีการปกป้อง โดยเฉพาะในยุคผมเจอจัดหนักหมด แต่ยืนยันว่าตำรวจดีๆยังมีอีกเยอะ เราต้องให้ความเป็นธรรมกับลูกน้องทุกนายเท่าเทียมกันทั้ง 2 แสนกว่านายอย่างแน่นอน” ผบ.ตร.กล่าว
...
นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ โฆษกกรมคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพ กล่าวถึงกรณีกฎหมายทรมานอุ้มหายคุ้มครองกรณีลุงเปี๊ยกหรือไม่ ว่า ขณะนี้ข้อเท็จจริงยังไม่แน่ชัด จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือกฎหมายซ้อมทรมานและ อุ้มหายหรือไม่ ต้องรอผลการสอบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆให้ชัดเจนก่อน กฎหมายดังกล่าวมีหลักการและสาระสำคัญคือห้ามทรมาน กระทำที่โหดร้ายและอุ้มหายอย่างเด็ดขาดไม่มีข้อยกเว้นใดๆ เป็นความผิดสากลที่เอาผิดได้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนทุกสถานที่ องค์ประกอบความผิดแต่ละฐานพิจารณาจากผู้กระทำ การกระทำ วัตถุประสงค์ และผลของ การกระทำ ถ้ามีการกระทำผิดต้องขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเท่านั้น หากเป็นการกระทำทรมานอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึงตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท ผู้บังคับบัญชาโดยตรงที่รู้การกระทำแต่เพิกเฉยต้องรับโทษกึ่งหนึ่ง ส่วนผู้สนับสนุนรับโทษเท่าตัวการ ผู้สมคบรับโทษ หนึ่งในสาม แต่ถ้าความผิดสำเร็จรับโทษเท่าตัวการ
ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช ประธานคณะ กรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า รอฟังผลการสอบข้อเท็จจริงจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หากไม่กระจ่างจะประสานงานกับ กมธ.สวัสดิการสังคม สภาฯ ไปพบลุงเปี๊ยกโดยตรงเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงอีกครั้ง เมื่อถามถึงกรณีมีคลิป เสียงตำรวจยอมรับใช้ถุงดำคลุมหัวซ้อมลุงเปี๊ยกขู่บังคับให้รับสารภาพอ้างเพียงแค่หยอกล้อเล่น
นายชัยชนะกล่าวว่า ฟังไม่ขึ้น การทำร้ายผู้ต้องหามี พ.ร.บ.อุ้มหายฯอยู่แล้ว ตำรวจทำถึงขั้นนั้นไม่ได้ นำเรื่องเข้าสู่วาระเร่งด่วนของ กมธ.ตำรวจ เพื่อติดตามสถานการณ์แล้ว หากไม่มีความชัดเจนจะลงพื้นที่ทันที ชั้นพนักงานสืบสวนสอบสวนต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะการออกหมายจับบุคคลที่เป็นแพะเป็นเรื่องที่ผิดพลาด ต้องไปมองว่าตำรวจช่วยตำรวจหรือไม่ เพราะ 2 คนที่กระทำผิดเป็นลูกตำรวจ ทำไมถึงไม่ออกหมายจับตั้งแต่แรก สิ่งที่น่ากังวลในอนาคตคือประมวลกฎหมายอาญามาตรา 73 และ 75 ค่อนข้างเขียนช่วยเยาวชนไว้ชัดเจน หรือมาตรา 74 ที่ระบุว่าหากผู้กระทำความผิด อายุไม่เกิน 14-15 ปี ให้เป็นดุลพินิจของศาล
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่