“แต่ไหนแต่ไรมา คนที่นี่ส่วนใหญ่มีอาชีพทำนากับทำสวนผักบุ้งจีน ในพื้นที่ ส.ป.ก. ทำนาช่วงที่ผ่านมาข้าวราคาตกมาตลอด ไม่ได้ดีเหมือนช่วงนี้ ส่วนผักบุ้งจีนปลูกขายส่งพ่อค้าคนกลาง ราคาที่ได้ขึ้นอยู่กับพ่อค้าเป็นคนกำหนด รายได้ของพวกเราเลยไม่แน่นอน เราเลยต้องคิดหาอาชีพอย่างอื่น มารองรับ และทาง ส.ป.ก.ได้แนะนำให้พวกเราลงไปศึกษาดูงานปลูกเมล่อน ที่หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี และที่บางไทร อยุธยา กลับมาเราเกษตรกร 15 ครัวเรือน ที่สนใจได้รวมกลุ่มกันขึ้นมาเริ่มปลูกเมล่อนเมื่อปี 2555”

นายสวาท สุขนุ่ม ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเมล่อนหมู่ใหญ่ร่วมใจพัฒนา บ้านหมูใหญ่ ต.คู้สลอด อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เล่าถึงที่มาของการปรับเปลี่ยนวิถีการทำเกษตรจากชาวนามาเป็นชาวสวนเมล่อน

ปลูกเมล่อนญี่ปุ่น พันธุ์อาซาฮี เนื้อสีส้ม รสชาติหวานกรอบ และพันธุ์มิโดริ เนื้อสีเขียว รสชาติหวานนุ่ม หอม ทั้ง 2 สายพันธุ์มีค่าความหวานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14–16 บริกซ์ เป็นที่ต้องการของตลาดตามที่ได้ไปศึกษาดูงานมา

...

แต่ชาวนามาเดินในเส้นทางชาวสวนเมล่อน ถนนสายนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ สองข้างทางไม่ใช่ภาพในฝัน เพราะผลผลิตที่ได้ไม่เป็นเหมือนอย่างใจนึก ด้วยไม่มีเงินทุนทำโรงเรือน ควบคุมสภาพอากาศไม่ได้ ปลูกเมล่อนในที่โล่งมิต่างปลูกแตงโม ผลผลิตเลยเสียหาย

เจออุปสรรคปัญหาชิ้นใหญ่ ทาง ส.ป.ก.ต้นคิดแนะนำให้ปลูกเมล่อน เลยแนะนำให้ไปขอความช่วยเหลือจาก มูลนิธิเตียงจิราธิวัฒน์ ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ทำงานช่วยส่งเสริมและสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชน และสังคม

หลังจากมูลนิธิส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบความพร้อมและความต้องการของเกษตรกรกลุ่มนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขของมูลนิธิหรือไม่ ประกอบทางวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเมล่อนหมู่ใหญ่ร่วมใจพัฒนา มีการส่งผลผลิตให้กับ Tops ห้างโมเดิร์นเทรดในเครือเซ็นทรัลอยู่แล้ว

ทางมูลนิธิจึงได้สนับสนุนโรงเรือนให้ 7 โรงเรือน รวมถึงสร้างโรงคัดและบรรจุผลผลิตให้ เพื่อให้ได้ตามมาตรฐานโมเดิร์นเทรด ตามมาด้วยช่วยพัฒนาต่อยอดสวนเมล่อนของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเมล่อนหมู่ใหญ่ร่วมใจพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ศูนย์เรียนรู้การทำฟาร์ม เมล่อน รวมทั้งเป็นแหล่งผลิตเมล่อนที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของผลผลิตได้

...

โดยเกษตรกรผู้ปลูกมีศักยภาพในการควบคุมปริมาณ น้ำหนัก ความหวานให้ได้มาตรฐานสม่ำเสมอ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นและกลายเป็นจุดเด่นทำให้เป็นที่ต้องการของลูกค้า โดยขายราคากิโลกรัมละ 80 บาท

ปัจจุบันสวน Smile Melon ของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเมล่อนหมู่ใหญ่ร่วมใจพัฒนา มีสมาชิก 30 ครัวเรือน พื้นที่การปลูก 47 ไร่ มีโรงเรือนของสมาชิกกลุ่มรวมกันกว่า 100 โรงเรือน และยังได้รับการสนับสนุนจากโครงการ เซ็นทรัล ทำ ช่วยพัฒนาต่อยอดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนและศูนย์เรียนรู้การทำฟาร์มเมล่อน เพื่อก่อให้เกิดการกระจายรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 15.2 ล้านบาท

...

มีนักท่องเที่ยวและผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมาเยี่ยมชมกว่า 7,200 คนต่อปี สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดหรือติดต่อเข้ามาเยี่ยมชมฟาร์มเมล่อน วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเมล่อนหมู่ใหญ่ร่วมใจพัฒนา ได้ที่ โทร. 06-3420-8885.

ชาติชาย ศิริพัฒน์

คลิกอ่าน “ข่าวเกษตร” เพิ่มเติม