พ่อเมืองกรุงเก่านำทีมตรวจหาสาเหตุเพลิงไหม้โกดังสารเคมีอันตรายกว่า 4,000ตัน ถูกนายทุนลักลอบนำมาเก็บไว้ในพื้นที่ อ.ภาชี ก่อนโดนตำรวจ บก.ปทส.เข้าอายัดเป็นของกลางเมื่อปลายปี 66 อยู่ระหว่างรอดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง ด้านรองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมนำเครื่องตรวจวัดก๊าซและไอระเหยสารเคมีตรวจวัดคุณภาพอากาศรอบโกดังไม่พบสารเคมีปนเปื้อนอยู่ในอากาศ เชื่อมีคนวางเพลิงเผาทำลายหลักฐาน นายกฯสั่งทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาและช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ
เจ้าหน้าที่เร่งเคลียร์พื้นที่ไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีของกลางกว่า 4 พันตัน หวั่นชาวบ้านข้างเคียงได้รับผลกระทบจากมลพิษ เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 มี.ค.นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยนายไพรัช เพชรญวน รอง ผวจ.พระนคร ศรีอยุธยา นายกฤษณ์ แก้วทองหลาง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรี อยุธยา นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายนพดล พลซื่อ นายอำเภอภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รักษาการตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 4 นพ.ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำรวจสภ.ภาชี ลงพื้นที่ตรวจสอบหลักฐานหาสาเหตุเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมี 4,000 ตัน ที่มีการลักลอบมาทิ้งไว้ในพื้นที่หมู่ 2 ต.ภาชี อ.ภาชี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดับไฟได้แล้ว มีเพียงกลุ่มควันหลงเหลือเล็กน้อย
นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังนำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุว่า เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่ยังคงมีกลุ่มควันเพียงเล็กน้อย สำหรับโกดังเก็บสารเคมี เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลและตรวจยึดสารเคมีดังกล่าวไว้ภายในโกดัง อยู่ระหว่างดำเนินการฟ้องร้อง มีผู้ต้องหาหลายราย ที่ต้องมีส่วนร่วมในการชดใช้ค่าเสียหาย ขณะนี้อยู่ระหว่างรองบประมาณในการทำลาย มีการตั้งงบไว้ 6.9 ล้านบาท งบประมาณในการทำลายจะออกปีงบประมาณ 67 แต่ก็มาเกิดเหตุเพลิงไหม้เสียก่อน เชื่อว่าไม่ได้เกิดขึ้นเองเชื่อได้ว่าอาจเกิดจากฝีมือคนเพื่อทำลายหลักฐาน แต่อย่างไรก็ตามต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้อย่างแน่ชัดเสียก่อน ส่วนผลกระทบเกี่ยวกับกลิ่นของสารเคมี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมนำเครื่องตรวจวัดก๊าซและไอระเหยสารเคมีมาตรวจวัดคุณภาพในอากาศรอบโกดัง ไม่พบสารเคมีปนเปื้อนอยู่ในอากาศจึงไม่ส่งผลกระทบกับชาวบ้าน
...
ส่วน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีว่า หลังได้รับรายงานจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาถึงเหตุเพลิงไหม้ที่โกดังเก็บสารเคมีดังกล่าว ซึ่งมีกลิ่นควันสารเคมีตามทิศทางลมระยะทางประมาณ 5 กม. โรงพยาบาลภาชีได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินรองรับสถานการณ์ทันที ส่วนในพื้นที่ได้เร่งเข้าควบคุมเพลิง รวมถึงส่งรถโฟมไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อควบคุมสถานการณ์ด้วย ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว ไฟเริ่มมอดและมีควันน้อยลง สถานการณ์โดยรวมถือว่าดีขึ้น
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวยังมีผลกระทบในเรื่องกลิ่นควันสารเคมีที่กระจายเป็นวงกว้าง แต่กลิ่นลดลง ไม่มีผู้ป่วยหรือเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ทั้งนี้มอบหมายให้โรงพยาบาลภาชีคงเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินไว้ก่อนเพื่อติดตามประเมินสถานการณ์ร่วมกับทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) และลดการรับผู้ป่วยเข้ารักษาเป็นผู้ป่วยใน (Admit) ประสานโรงพยาบาลใกล้เคียงส่งต่อผู้ป่วยกรณีจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลและผู้ป่วยคลอด ส่วนผู้ป่วยในที่อาการไม่รุนแรงแพทย์จะพิจารณาให้กลับบ้านและรักษาแบบผู้ป่วยนอก รวมทั้งปรับการดูแลผู้ป่วยที่นอนรักษาในโรงพยาบาลเพื่อลดผลกระทบจากกลิ่นควันสารเคมี ย้ายผู้ป่วยสามัญเข้าห้องแยก ปิดประตูหน้าต่าง และใช้เครื่องฟอกอากาศ ให้ความรู้การปฏิบัติตัวแก่เจ้าหน้าที่และผู้ป่วย เตรียมทีมดูแลเยียวยาจิตใจ (MCATT) นอกจากนี้ยังเตรียมสนับสนุนหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ให้หน่วยต่างๆด้วย
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บสารเคมีในพื้นที่หมู่ 2 ต.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยาว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นห่วงใยประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียง เตือนให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย และออกมาอยู่ในที่โล่ง เพื่อป้องกันอันตรายจากกลุ่มควันที่ฟุ้งกระจาย ขณะนี้ควบคุมเพลิงได้แล้ว พร้อมสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือให้ความปลอดภัยประชาชน ควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ประชาชนที่พักอาศัยบริเวณใกล้เคียงได้รับอันตรายและผลกระทบจากสารเคมี พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหาสาเหตุของเพลิงและแก้ไขสถานการณ์โดยด่วน
สำหรับเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีอันตรายครั้งนี้ เกิดขึ้น เมื่อเวลา 22.20 น. วันที่ 29 ก.พ.นายสเกน จันทร์ผดุงสุข นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลภาชี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา รับรายงานเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมี ในพื้นที่ หมู่ 2 ต.ภาชี อ.ภาชี ก่อนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำรถดับเพลิงไปฉีดนำดับไฟ พบโกดังดังกล่าวเป็นที่เก็บสารเคมีที่ลักลอบนำมาทิ้งไว้และเจ้าหน้าที่ตรวจยึดเป็นของกลาง อยู่ระหว่างรอทำลาย พบไฟลุกไหม้กลางโกดัง กลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องขอสนับสนุนรถดับเพลิงองค์การปกครองส่วน ท้องถิ่น และหน่วยบรรเทาสาธารณะภัยในพื้นที่ใกล้เคียงระดมโฟมที่ใช้ดับเพลิงสารเคมีเข้าไปควบคุมสถานการณ์ เพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังโกดังที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมชุดผจญเพลิงสวมหน้ากากป้องกันสารพิษ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด
จากการตรวจสอบพบว่า สารเคมีทั้งหมดเป็นสารเคมีที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบเมื่อปลายปี 2566 มีบริษัทเอกชนลักลอบกักเก็บและเททิ้งกากอุตสาหกรรม นอกจากเป็นที่เก็บสารเคมีชนิดเป็นกรดเข้มข้นหลายชนิดไว้ในถัง 200 ลิตร และ 1,000 ลิตร และสารเคมีอื่นๆ รวมประมาณ 4,000 ตัน รวมทั้งมีสายยางเก่าที่เป็นวัตถุไวไฟ โกดังดังกล่าวมีการติดป้ายประกาศจากเทศบาลตำบลภาชีเรื่องขอให้หยุดดำเนินการและงดใช้สถานที่สะสมกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพที่ยังไม่ได้ขออนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงขอให้หยุดดำเนินกิจการและงดใช้สถานที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินตรวจสอบในการประกอบกิจการ ระบุลงวันที่ 27 ก.พ.2566 ทั้งหมดถูกตรวจยึดไว้เป็นของกลางคดีอาญา บก.ปทส.ที่ 1/2566 คดี สภ.ภาชี และอยู่ระหว่างดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
นายปทุม อบสุคนธ์ อายุ 70 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตรงข้ามกับโกดังเก็บสารเคมีเปิดเผยว่าเมื่อคืนได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 3 ครั้ง จากนั้นรีบวิ่งไปดูพบต้นเพลิงมาจากยางรถบรรทุกสิบล้อที่ถูกยึดไว้เป็นของกลางภายในโกดัง แต่ไม่ทราบว่าทำไมไฟถึงลุกลามไปติดยางเก่าที่เป็นวัสดุปนเปื้อนสารเคมี ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว กลุ่มควันลอยออกมาเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบกับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุรัศมีประมาณ 200 เมตร ครั้งแรกที่ได้รับกลิ่นสารเคมี มีอาการแสบจมูก แต่ยังไม่ถึงขั้นแสบตา โชคดีตอนเกิดเหตุไม่มีลมพัดมาทางบ้าน ยังนอนพักอาศัยอยู่ในบ้านได้
...