ตำรวจกองปราบลงพื้นที่ จ.ตราด ตรวจสอบทุจริตเงิน ค่าก่อสร้างวัดและโรงเรียน 2 แห่ง คนคุมงานก่อสร้างแฉแหลก หลังสมเด็จพระวันรัตอาพาธ “เนย-อภิรัตน์” ออกเช็คมาจ่ายค่าก่อสร้างแต่เก็บไว้เอง ด้าน “เสี่ยเพ่ง” เจ้าของโรงโม่เพชรสยามศิลาตราด ยันความบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวการทุจริต แถมเป็นคนบริจาคที่ดินมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ที่สร้างวัดและโรงเรียนด้วย ผบก.ป.นัดสอบสวน พร้อมให้ความร่วมมือมีหลักฐานเด็ดมอบให้ ด้านการตรวจสอบขยายผล เล็งดำเนินคดีคนใกล้ชิดอดีตไวยาวัจกร พบเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองรถหรูจากตัวเองไปเป็นชื่อญาติและคนสนิทเข้าข่ายฟอกเงิน

กรณีคณะกรรมการวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ตรวจสอบพบว่า นายอภิรัตน์ หรือเนย ชยางกูร ณ อยุธยา อดีตเจ้าหน้าที่บริการโครงการพิเศษ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ คนสนิทสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) ที่เพิ่งมรณภาพเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ยักยอกเงินวัดบวรนิเวศฯและวัดสาขาไปกว่า 190 ล้านบาท ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เข้าสืบสวนดำเนินคดี 4 ข้อหา พร้อมอายัดทรัพย์สิน ทั้งเงินในบัญชีธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และรถหรู ฯลฯ ไว้ตรวจสอบ ขยายผลตรวจสอบการทุจริตวัดสาขาเพิ่มเติมตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อวันที่ 5 เม.ย.มีรายงานว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบมีการโอนเงินจากบัญชีธนาคารวัดบวรนิเวศฯเข้าบัญชีส่วนตัวนายอภิรัตน์หลายครั้ง ก่อนนำไปแปลงเป็นทรัพย์สินอื่นจำพวกรถหรูและทรัพย์สินมีค่าอื่น โดยเฉพาะรถหรูยี่ห้อต่างๆที่ตรวจยึดทั้ง 9 คัน จากการตรวจสอบเอกสารการครอบครองพบมีชื่อนายอภิรัตน์เป็นผู้ครอบครองเพียงไม่กี่คัน แล้วโอนไปใส่ชื่อบุคคลใกล้ชิด อาทิ ชายหนุ่มคนสนิทและญาติเป็นผู้ครอบครอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัดว่า บุคคลดังกล่าวมีส่วนรู้เห็นการยักย้ายถ่ายเททรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดด้วยหรือไม่ หากพบว่ามีเจตนาช่วยเหลือ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบอาจพิจารณาดำเนินคดีความผิดฐานฟอกเงินกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้

...

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของวัดช่วงปี 2564 ยังพบว่า นายอภิรัตน์นำบัญชีธนาคารของวัดหลายบัญชีไปถอนเงินสดออกมาหลายครั้ง โดยไม่ทราบว่าเป็นการเบิกถอนเงินออกมาเพื่อวัตถุประสงค์ใด ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัดว่า เบิกถอนออกมาเพื่อนำไปใช้จ่ายส่วนตัว หรือนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของวัด รวมเป็นเงินทั้งหมดเท่าใด อาจต้องใช้เวลาแกะรอยตรวจสอบพอสมควร เนื่องจากบัญชีธนาคารของวัดมีด้วยกันหลายบัญชี และทำธุรกรรมการเงินทับซ้อนเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (6 เม.ย.) เวลาประมาณ 09.00 น. ทีมพนักงานสอบสวนกองปราบปรามจะไปที่วัดรัตนวราราม จ.ตราด อีกครั้ง เพื่อสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดี โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดและพระลูกวัด รวมถึงเจ้าของโรงโม่เพชรสยามศิลาตราดผู้ทำบัญชีวัด เพื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดบัญชีการเงิน หลังตรวจสอบพบเพิ่มเติมว่า นายอภิรัตน์ทุจริตยักยอกเงินวัดสาขาในพื้นที่ จ.ตราด อีก 2 วัดคือ วัดรัตนวราราม และวัดคีรีวิหาร เป็นงบจัดสร้างวัดรัตนวราราม 80 กว่าล้านบาท และงบสร้างโรงเรียนวัดคีรีวิหารอีกกว่า 10 ล้านบาท

พระโสภณธรรมธาดา (หัน คุณวตฺโต) เจ้าอาวาสวัดคีรีวิหาร กล่าวถึงกรณีปรากฏข่าวเรื่องการทุจริตเงินพัฒนาวัดคีรีวิหารและโรงเรียนคีรีวิหารว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ เพิ่งทราบจากผู้สื่อข่าว สมเด็จวันรัตท่านเกิดที่ ต.ชำราก และบวชเรียนที่วัด ได้ไปเรียนที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อเติบโตขึ้นมีตำแหน่งทางสงฆ์จึงเดินทางมาพัฒนาวัดคีรีวิหารที่เคยบวชและเรียน มาดำเนินการเมื่อปี 2523 ด้วยการเดินทางมาและนำกฐินมาทอดอย่างต่อเนื่องทุกปี สร้างกุฏิ บูรณะวัด และสร้างที่พักในบริเวณวัด ใช้เป็นที่พักของสมเด็จวันรัตเมื่อเดินทางมาที่ จ.ตราด

“ส่วนเรื่องการนำเงินมาพัฒนาวัดและโรงเรียนนั้น อาตมาไม่ทราบเรื่องเงิน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเป็นเงินคนละส่วน และไม่มีกรรมการวัดรับรู้ทั้งสิ้น ขณะที่สถานที่ก่อสร้างโรงเรียนเป็นเพียงผู้จัดหาให้เท่านั้น” พระโสภณธรรมธาดากล่าว

ขณะที่ผู้คุมงานก่อสร้าง (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) กำลังคุมงานก่อสร้างโรงอาหาร-โรงยิม โรงเรียนวัดคิรีวิหาร (สมเด็จพระวันรัตอุปถัมภ์) เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต เวลามีโครงการก่อสร้างของเจ้า ประคุณ ตนจะได้รับความไว้วางใจให้มาคุมแรงงานก่อสร้างอาคารโรงเรียนวัดคิรีวิหารทั้งหมด ตนเป็นผู้คุมงานก่อสร้างทุกหลัง และมีลูกศิษย์อีกคนของเจ้าประคุณเข้ามาตรวจงานอีกรอบ ส่วนเรื่องงบ ประมาณก่อสร้างอาคารแต่ละหลังของโรงเรียน ตนไม่รู้ยอดเงิน เพราะที่ผ่านมาเจ้าประคุณเบิกเงินมาจ่ายให้เองแต่ละงวด จึงไม่มีปัญหาเรื่องการทุจริต แต่เมื่อเจ้าประคุณเข้ารักษาอาการอาพาธโรคมะเร็งถุงน้ำดีเมื่อเดือน ธ.ค.64 พบพฤติกรรมนายอภิรัตน์เขียนเช็คออกมาเพื่อนำไปจ่ายตามโครงการก่อสร้างต่างๆ แต่ไม่ยอมนำไปให้ ลักษณะเก็บเช็คไว้เอง

ด้านนายสุรศักดิ์ อิงประสาร หรือเสี่ยเพ่ง เจ้าของโรงโม่เพชรสยามศิลาตราด ผู้บริจาคที่ดิน 30 ไร่ เพื่อก่อสร้างวัดรัตนวรารามว่า ส่วนตัวรู้จักสมเด็จพ่อ (สมเด็จพระวันรัต) เมื่อ 6 ปีผ่านมา เมื่อทราบว่าท่านต้องการสร้างวัดจึงบริจาคที่ดิน 30 กว่าไร่เพื่อก่อสร้างวัดที่เรียกว่า วัดรัตนวราราม กว่าจะก่อสร้างได้ต้องขออนุญาตจากสำนักพุทธจังหวัดตราดส่งไปยังส่วนกลาง เมื่อได้รับการอนุญาตดำเนินการวางศิลาฤกษ์มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มาเป็นประธาน หลังจากนั้นสมเด็จพ่อมอบหมายให้คนชื่อเนยและมงคลเข้ามาดูแล โอนเงินเข้ามาในบัญชีของโรงโม่เพชรสยามศิลาตราด การเบิกจ่ายต้องมี 3 คน ตนเป็น 1 ในนั้น แต่ไม่เคยไปเบิกจ่ายที่ธนาคาร เพราะจะมีผู้เบิกจ่ายแทน เงินทั้งหมดที่ดำเนินการก่อสร้างมา 5-6 ปี ผ่านเข้าบัญชี 134 ล้านบาท ก่อนสมเด็จพ่อจะมรณภาพโอนเงินมาให้ 19 ล้านบาทเพื่อดำเนินการก่อสร้างส่วนที่เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์

...

“ที่ผ่านมาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเบิกจ่ายเงินใดๆ และไม่มีส่วนร่วมกับการยักยอกเงินครั้งนี้ เพราะการเบิกเงินมีผู้รับรู้ 3 คน การเบิกจ่ายจะใช้ 2 ใน 3 แต่ผมไม่เคยไปเบิกเงินเลยเมื่อมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่จะแจ้งไปแล้วนำมาจ่าย ทั้งในเรื่องค่าแรง ค่าวัสดุก่อสร้าง หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้มาก เพราะคนใกล้ชิดเป็นผู้กระทำ ก่อนหน้านี้สมเด็จพ่อเคยเปรย ขอให้เร่งสร้างให้เสร็จก่อนที่จะไม่ได้เห็นวัด ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเจตจำนงของสมเด็จพ่อให้ได้ วันที่ 6 เม.ย. ผบก.ป.จะเดินทางมาพบที่โรงโม่หินเพชรสยามศิลาตราด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมให้ดำเนินการตรวจสอบทั้งหมดและมีหลักฐานให้ตำรวจกองปราบปรามได้รับรู้ด้วย” นายสุรศักดิ์กล่าว