เป็นที่สนใจคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวก 4 คน ตกเป็นผู้ต้องหาในฐานความผิดหลังร่วมกันเข้าไปล่าเสือดำ สัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี
ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ได้อ่านคำสั่งศาลฎีกาพิพากษาสั่งจำคุก นายเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน กับพวกอีก 2 คน
สุดท้ายหนีไม่พ้นความผิด
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีตรอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีล่าเสือดำ เปิดใจครั้งแรกหลังเคยถูกข้อครหาเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นรอง ผบ.ตร.ว่า มีความเกรงใจโดยยกมือไหว้และอาจแอบให้การช่วยเหลือในทางคดีกับนายเปรมชัยจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ต่อสังคม
พล.ต.อ.ศรีวราห์บอกว่า ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือจน ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ในเมื่อกระทำความผิดการจะไหว้หรือไม่ไหว้ ก็ไม่ส่งผลทำให้กฎหมายเปลี่ยนแปลง
ที่ผ่านมาตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานและพยานแวดล้อมอย่างชัดเจน เพื่ออุดช่องโหว่ไม่ให้มีการฟ้องร้องกลับของกลุ่มผู้ต้องหา ในฐานะคนทำสำนวนคดีได้ทำอย่างรอบคอบและรัดกุม
ถึงแม้ว่าในที่เกิดเหตุจะมีเพียงซากเสือ เศษเนื้อ หนังเสือ แต่เราก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ารอยกระสุนปืน อาวุธปืน รวมถึงพยานหลักฐานต่างๆ สอดคล้องกัน
ยอมรับกดดันในการทำคดี
เพราะช่วงแรกมีพยานหลักฐานน้อย ผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัวมีความกดดันสูง แต่เมื่อตำรวจทำสำนวนส่งฟ้องอัยการและอัยการสั่งฟ้องตามที่ตำรวจดำเนินการมา ถือว่าประสบผลสำเร็จในคดีนี้ ส่วนคำพิพากษาจะออกมาเป็นเช่นไร ก็ไม่สามารถกำหนดได้
คดี “เสือดำ” ที่มีการรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดนายเปรมชัย ซึ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียง สามารถนำมาเป็น “แบบอย่าง” ให้กับตำรวจรุ่นน้องในการวางแนวทางกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
...
พล.ต.อ.ศรีวราห์บอกว่า ฝากถึงเจ้าหน้าที่ทุกนายอย่าทำงานตามกระแส ส่วนใครจะมามีกระแสดราม่าไม่รับรู้เพราะใช้เพียงโทรศัพท์มือถือที่ใช้แค่โทร.เข้า-ออก
ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเข้มแข็งและรักกันมากๆ สำหรับคดีอาวุธและคดีงาช้าง เป็นอีกคดีหนึ่งที่ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม เป็นคดีเกิดที่เกิดหลัง “คดีเสือดำ” จะมีการดำเนินคดีกับนายเปรมชัยต่อ
หากพ้นโทษออกมา.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th