รวบตัวได้แล้ว โจรฝีมือฉกาจงัดบ้านหรูเศรษฐินีเจ้าของโรงงานผลิตกระดาษ กวาดทรัพย์สินไปเกลี้ยงตู้เซฟมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ตำรวจแกะรอยจากกล้องวงจรปิดจนถึงเพชรบุรี เฝ้าดูพฤติกรรมรู้ว่าใช้รถเก๋งติดป้ายทะเบียนปลอม แต่ยังไม่ทันรวบตัว คนร้ายนำทรัพย์สินของผู้เสียหายไปขายนำเงินไปดาวน์รถป้ายแดง ย้ายไปอยู่บ้านเช่าย่านลาดหลุมแก้ว จนต้องประสานชุดสืบสวนภาค 1 ร่วมแกะรอยจนรวบตัวได้สำเร็จ สารภาพลงมือคนเดียว ใช้ชะแลงอันเดียวในการก่อเหตุ และสวมถุงมือทุกครั้ง ขณะที่ลูกสะใภ้ผู้เสียหายเผยได้ของคืนไม่ถึงร้อยละ 20
รวบแล้วโจรงัดบ้านเศรษฐินีเจ้าของโรงงานผลิตกระดาษ กวาดทรัพย์สินไปกว่า 4 ล้านบาท โดยเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 พ.ย. ที่ สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จ.นครปฐม ร่วมแถลงผลจับกุมนายยุทธศักดิ์ งามขำ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 230 หมู่ 6 ต.นายาง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผู้ต้องหาลักทรัพย์ พร้อมของกลางรถเก๋งโตโยต้าอัลติส สีดำเทา ทะเบียน 3 กพ 1247 กรุงเทพมหานคร พาหนะที่ใช้ก่อเหตุ รถเก๋งโตโยต้าครอส สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ก-2669 เพชรบุรี ที่คนร้ายนำทองรูปพรรณของผู้เสียหายไปขายนำไปดาวน์รถ 80,000 บาท ชุดที่คนร้ายสวมใส่ ถุงมือ ไฟคาดศีรษะ ชะแลงเหล็ก 1 อันที่ใช้ก่อเหตุ และทรัพย์ที่ยึดคืนมาได้ประกอบด้วยเงินตราต่างประเทศ แหวนเพชร 1 วง นาฬิกาแบรนด์เนม 2 เรือน พระบูชา 1 องค์ รวมมูลค่าไม่ถึงร้อยละ 20 ของมูลค่าทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไป
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า คดีนี้สืบเนื่องจากนางทิพวรรณ ธรรมเสถียร อายุ 69 ปี เจ้าของโรงงานผลิตกระดาษ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งมาซื้อบ้านหรูอยู่ในหมู่บ้านปรีชา เลขที่ 101/431 หมู่ 9 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม เข้าแจ้งความที่ สภ.โพธิ์แก้ว ว่าถูกคนร้ายบุกเข้ามายกเค้าทรัพย์สิน ขณะที่ไม่มีใครอยู่ภายในบ้านได้ทรัพย์สินไปจำนวนมากกว่า 4 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินสดกว่า 2 ล้านบาท และเครื่องประดับ เพชรทอง พระเครื่องที่เก็บไว้ในตู้เซฟติดผนัง เหตุเกิดค่ำวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจคาดว่าคนร้ายน่าจะมีไม่น้อยกว่า 2 คน หลังเกิดเหตุได้มาตรวจที่เกิดเหตุ เรียกชุดสืบสวนภาค 7 ชุดสืบสวน ภ.จ.นครปฐม และชุดสืบสวน สภ.โพธิ์แก้ว ร่วมกันคลี่คลายคดี โดยตรวจหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุและเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี เพราะเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไม่สามารถหาลายนิ้วมือคนร้ายได้ เชื่อว่าต้องเป็นมืออาชีพ
...
ผบช.ภ.7 กล่าวต่อว่า กระทั่งได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดละแวกที่เกิดเหตุ บันทึกภาพผู้ต้องสงสัยขับรถเก๋งโตโยต้า อัสติส ทะเบียน 7 กบ 2276 กรุงเทพมหานคร ขับวนเวียนคล้ายดูลาดเลาก่อนเกิด 3-4 วัน และในวันเกิดเหตุยังมาจอดใกล้บ้านที่เกิดเหตุ มีชายเพียงคนเดียวสวมหมวกหน้ากากมิดชิด จึงแกะรอยกล้องวงจรปิดตามไปจนถึง ต.นายาง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ชุดสืบสวนเฝ้าดูพฤติกรรมพร้อมกับตรวจสอบทะเบียนรถ จนทราบว่าเป็นทะเบียนปลอม แต่คนร้ายหายตัวไปจากพื้นที่แล้ว ตำรวจไปตรวจสอบบ้านคนร้ายแต่ไม่มีคนอยู่ ทราบจากเพื่อนบ้านว่าคนร้ายซื้อรถป้ายแดงจากบริษัทขายรถที่ จ.เพชรบุรี ก่อนย้ายไปเช่าบ้านอยู่ที่ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี
พล.ต.ท.ธนายุตม์กล่าวว่า จากนั้นชุดสืบสวนไปตรวจสอบกับบริษัทขายรถ ทราบว่าคนร้ายคือนายยุทธศักดิ์ งามขำ ตรวจสอบประวัติเคยก่อเหตุลักทรัพย์มาหลายพื้นที่ ประสานกับตำรวจ บก.สส.ภ.1 ช่วยติดตามหารถป้ายแดงที่คนร้ายใช้ กระทั่งติดตามไปจับกุมได้ที่บ้านเช่าใน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ช่วงค่ำวันที่ 16 พ.ย. สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ทำงานคนเดียวเน้นที่บ้านหลังใหญ่ ราคาแพง โดยมีชะแลงติดตัวไปเพียงอันเดียวและจะสวมถุงมือเวลาทำงานเพื่อไม่ให้มีลายนิ้วมือติด เมื่อตรวจสอบประวัติพบว่าเคยก่อเหตุลักทรัพย์มาหลายพื้นที่ เฉพาะในปี 2564 เดือนตุลาคม ก่อเหตุลักทรัพย์ในท้องที่ จ.สมุทรสาคร ราชบุรี และเขตทวีวัฒนา กทม. ได้ทรัพย์สินไปจำนวนมาก และก่อนหน้านี้ยังตระเวนก่อเหตุในหลายจังหวัดพื้นที่ บช.ภ.7 และ บช.ภ.1
ด้าน น.ส.จุฬาลักษณ์ ลูกสะใภ้ผู้เสียหายที่มาตรวจทรัพย์สิน เผยว่า ทรัพย์สินที่ตำรวจยึดมาได้เพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ยังมีทรัพย์สินที่หายไปอีกจำนวนมาก ทั้งเงินสดกว่า 2 ล้าน ทองรูปพรรณอีกจำนวนมากหลายรายการและเครื่องเพชร รวมถึงพระเครื่องดังอีกหลายรายการ แต่ก็ดีใจที่เห็นตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่จนจับคนร้ายได้ และ ผบช.ภ.7 ยังรับปาก ว่าจะตามทรัพย์สินที่หายไปมาให้ พร้อมมอบกระเช้าให้กับตำรวจเพื่อขอบคุณที่ติดตามคดีให้จนจับคนร้ายได้