ฝนถล่มเมืองคอนตลอดคืน เรือประมงจอดหลบมรสุมไม่กล้าออกหาปลาเนื่องจากคลื่นทะเลสูงเกรงเกิดอันตราย ขณะที่กรมอุตุฯย้ำ 10 จังหวัดภาคใต้เตรียมรับสถานการณ์ ส่วนภาคเหนืออุณหภูมิลดอีก 2-4 องศา ส่งผลให้แหล่งท่องเที่ยวในภาคเหนือและกลางคึกคัก ส่วนระดับน้ำเจ้าพระยาเริ่มลดระดับลงหลายจังหวัด แต่ที่กรุงเก่าระดับน้ำยังสูง 10 หมู่บ้านในลาดบัวหลวงยังวิกฤติ

พายุฝนเริ่มถล่มภาคใต้หลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนพายุฝนจากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ย. เกิดฝนตกในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่คืนที่ผ่านมา ขณะที่บริเวณชายฝั่งอ่าวไทยใน อ.ท่าศาลา สภาพคลื่นลมได้ทวีกำลังแรงขึ้นพร้อมกับฝนและลมแรงเป็นระยะ ขณะที่เรือประมงพื้นบ้านถูกนำไปจอดเก็บไว้ในลำคลองสายย่อยเพื่อหลบคลื่นลมแรง ส่วนเรือประมงขนาดใหญ่ยังจอดนิ่งบริเวณริมคลองท่าแพ ต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช ไม่กล้าออกหาปลากลางทะเลอ่าวไทยต้องรอจนกว่าคลื่นลมสงบ

ที่ จ.นราธิวาส ฝนตกทั้งวันอย่างต่อเนื่อง ส่วนคลื่นทะเลสูง 2-3 เมตร ขณะที่สถานีอุตุนิยมวิทยานราธิวาสได้ประกาศเตือนไม่ให้ชาวประมงนำเรือขนาดเล็กออกจากฝั่ง ส่วนชาวประมงในหมู่บ้านชาวประมง เขตเทศบาลเมืองนราธิวาสที่ออกทะเลไม่ได้รวมตัวกันออกทอดแหหาปลาที่ริมทะเลเพื่อนำไปรับประทานในครอบครัว ด้าน จ.พัทลุง นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง กล่าวว่า จังหวัดได้เตรียมความพร้อมรองรับพายุฝนอย่างเต็มที่หากเกิดเหตุรุนแรงสามารถเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันที สำหรับบ้านหัวป่าเขียว ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีน้ำท่วมสูงและท่วมขังทุกปี อีกทั้งยังเป็นแหล่งเลี้ยงควายน้ำแหล่งใหญ่ที่สุดของภาคใต้โดยมีฝูงควายมากกว่า 1,500 ตัว ปีนี้ อบจ.พัทลุงร่วมกับปศุสัตว์จังหวัดพัทลุงนำเครื่องจักรกลเข้าไปปรับพื้นที่สร้างเนินสูงหลายแห่งแล้วเพื่อให้ฝูงควายอาศัยอยู่ช่วงน้ำท่วม

...

ส่วน จ.นครสวรรค์ บ้านเรือนริมแม่น้ำน่าน บ้านคลองคาง ต.บึงเสนาท อ.เมืองนครสวรรค์ร่วม 40 หลัง ที่เคยถูกแม่น้ำน่านล้นตลิ่งท่วมสูงกว่า 2 เมตร ล่าสุดระดับน้ำลดลงกว่า 40 ซม. แต่ชาวบ้านยังต้องใช้เรือในการเดินทางเข้าออกหมู่บ้าน และอยู่อาศัยได้เฉพาะชั้นสองของบ้านเท่านั้น ขณะที่ชลประทานจังหวัดนครสวรรค์ได้สรุปสถานการณ์น้ำใน จ.นครสวรรค์ว่า น้ำทุกสายจะลดลงจนเป็นปกติในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนธันวาคม ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยาในเขต อ.เมือง อ.โกรกพระ และ อ.พยุหะคีรีน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะระบายน้ำออกทั้งหมด ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

ที่ จ.ชัยนาท ปริมาณน้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านได้ลดลงทำให้สถานการณ์โดยรวมมีแนวโน้มที่จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นรวมทั้งระดับน้ำเหนือเขื่อนเริ่มลดลงเช่นกันแต่บางพื้นที่ระดับน้ำยังสูง อาทิ พื้นที่หมู่ 3 บ้านสวนมะม่วง ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา ถูกน้ำท่วมขังมานาน บางคนไม่มีเรือที่จะใช้สัญจรทำให้ลำบาก เพราะเดินลุยน้ำไม่ได้ กระทั่งนายอนันต์ เนินมาก ชาวบ้านในพื้นที่ได้นำรถไถมาขับบริการรับส่งชาวบ้านที่ไม่มีเรือคิดค่าโดยสารคนละ 10 บาท ทำให้มีรายได้จุนเจือครอบครัว

ด้าน จ.อ่างทอง น้ำเจ้าพระยาลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังอยู่เกินระดับวิกฤติ เจ้าหน้าที่ยังตั้งเครื่องสูบน้ำที่รั่วซึมเข้ามาในเขตพื้นที่เศรษฐกิจและศูนย์ราชการออกลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่วัดอัมพวัน หมู่ 1 ต.ป่าโมก อ.ป่าโมก หลังถูกน้ำท่วมขังนานกว่า 1 สัปดาห์ ขณะนี้ระดับน้ำลดลง 10 ซม. และลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีระดับสูงกว่า 2 เมตร ภายในโบสถ์ยังมีน้ำท่วมขังสูงกว่า 1 เมตร ฝาผนังโบสถ์และในส่วนของฐานองค์พระจมอยู่ใต้น้ำ ขณะเดียวกันชาวประมงพื้นบ้านในชุมชนบ้านรอ อ.เมืองอ่างทองพากันลงเรือวางตาข่ายดักปลากลางแม่น้ำเจ้าพระยาสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวเป็นกอบเป็นกำ

บริเวณทุ่งนาท่าช้าง ต.ท่าช้าง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง กำลังทหารมณฑลทหารบกที่ 13 ลพบุรี 20 นาย เข้าช่วยเหลือชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวในทุ่งนาที่ถูกน้ำท่วมสูง เนื่องจากรถเกี่ยวข้าวไม่สามารถลงเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ หากปล่อยทิ้งไว้ข้าวจะเน่าเสียหายและขาดทุนทั้งหมด โดย พ.ต.จีรพันธ์ แจ่มจ่าย รอง ผบ.กองกำลังรักษาความสงบจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า ข้าวรอการเก็บเกี่ยวในพื้นที่นาทั้งหมด 12 ไร่ เมื่อถูกน้ำท่วมขังจากการระบายน้ำลงทุ่ง จึงประสานขอความช่วยเหลือจากทหาร

...

ด้าน จ.สุพรรณบุรี พล.ต.วสุ เจียมสุข ผบ.มทบ.17 พ.อ.กุญช์ภัสร์ หาญสมบูรณ์ เสธ. บก.กกล. รส.มทบ.17 สุพรรณบุรี นำกำลังทหารกว่า 50 นาย ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่ อ.บางปลาม้า และ อ.สองพี่น้อง พร้อมนำถุงยังชีพซึ่งได้รับบริจาคมาจากองค์กรการกุศลในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ไปแจกจ่ายให้กับประชาชนผู้ประสบอุทกภัย และขณะตรวจน้ำท่วมที่บ้านเก้าห้อง อ.บางปลาม้า พบผู้ป่วยติดเตียงคือนางสอาด พงษ์สุภา อายุ 80 ปี พล.ต.วสุ ได้มอบสิ่งของและยาสามัญไว้ใช้พร้อมสั่งให้ทหารลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมตลอด 24 ชม. รวมทั้งตรวจสอบดูผู้ป่วยติดเตียงเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

ขณะที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ปริมาณน้ำจากทุ่ง ต.ดอนทอง อ.เสนา ได้ไหลเข้ามายังทุ่ง อ.ลาดบัวหลวง จำนวนมากส่งผลทำให้ปริมาณน้ำเริ่มไหลเข้าท่วมถนนสายหลักขาเข้ากรุงเทพฯ ระหว่างตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี กม.ที่ 32-33 พื้นที่หมู่ 9 ต.หลักชัย อ.ลาดบัวหลวง โดยมีเจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงอำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ระดมสร้างพนังกั้นน้ำไม่ให้ไหลผ่านบนถนนช่วงดังกล่าว สอบถามนายพงศธร หอมบุบผา หัวหน้าหมวดทางหลวง อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ปริมาณเพิ่มขึ้นทุกวันส่งผลทำให้น้ำไหลบนพื้นถนน 5 จุด บางจุดมีระยะทางที่น้ำท่วมยาวประมาณ 200 เมตร จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่นำผ้ายางสีดำมาปูรองพื้นถนนและนำกระสอบทรายมากั้นเป็นคันกั้นน้ำไม่ให้ไหลผ่านบนถนน ถ้ามีน้ำไหลผ่านถนนจะใช้เครื่องสูบน้ำสูบน้ำออกทันที

นายวิชา ดาวแจ่ม นายก อบต.หลักชัย อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า พื้นที่ อบต.หลักชัย มี 10 หมู่บ้าน ถูกน้ำท่วมหมด ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนักทั้งเรื่องการเดินทางเข้าออก อาหารการกินและห้องน้ำ ขณะที่ อบต.หลักชัย ทำได้เพียงนำโฟมขนาดกลางไปแจกให้ชาวบ้าน หลังละ 1 อัน สำหรับพายเข้าออกไปทำงานหรือไปทำธุระ “ขณะนี้ปริมาณน้ำใกล้จะเท่าปี 2554 แล้ว ถ้าหน่วยงานใดจะมาช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนติดต่อได้ที่ อบต.หลักชัย ตลอดเวลา” นายวิชากล่าว

...

ที่ จ.ปทุมธานี นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทยผู้แทนพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สภา กาชาดไทยไปมอบถุงยังชีพชุดธารน้ำใจให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ท่าเทียบเรือวัดมะขาม ต.บ้านกลาง อ.เมืองปทุมธานี โดยผู้ประสบภัยอยู่ในพื้นที่หมู่ 3-5 ต.บ้านกลางโดยมีนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ รอง ผวจ.ปทุมธานี นางดลวสา บุญเลิศ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี นายธวัชชัย ศรีทอง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดปทุมธานีและหัวหน้าส่วนข้าราชการให้การต้อนรับ สร้างขวัญกำลังใจและความปลาบปลื้มให้ประชาชนเป็นอย่างมาก

สำหรับ จ.ปทุมธานี ได้รับผลกระทบจากการปล่อยน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา เป็นเหตุให้น้ำล้นตลิ่ง เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรเสียหาย 2 อำเภอคือเมืองกับสามโคก มีประชาชนได้รับผลกระทบทั้งหมด 11,315 คน 4,352 ครัวเรือน วัด 32 แห่ง โรงเรียน 13 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 2 แห่งและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่ง ขณะนี้พื้นที่ อ.เมือง กับ อ.สามโคก ระดับน้ำเริ่มลดลง ชาวบ้านหมู่ 4 ต.บ้านงิ้ว อ.สามโคก เริ่มทำความสะอาดบ้านแต่บางจุดยังคงท่วมขัง ยังคงใช้เรือในการสัญจรและทำสะพานต่อเดินเข้าบ้านเพื่อความสะดวก

...

ส่วนภาคเหนืออากาศหนาวเย็นลงทุกวัน เริ่มจาก จ.เชียงราย ที่บนพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ วัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดเชียงราย ตั้งเด่นอยู่บนภูเขาเป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยงามมาก สามารถมองทิวทัศน์ตัวเมืองเชียงแสน หมู่บ้านในฝั่งประเทศลาวและแม่น้ำโขงได้อย่างชัดเจน มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาว ชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกอย่างสวยงามโดยอุณหภูมิบนพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์วัดได้ 14 องศา

นอกจากนี้ ที่สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงบ้านธารทอง ตามพระราชดำริ หมู่ 11 ต.แม่เงิน อ.เชียงแสน ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนเผ่าม้ง อยู่ห่างจากอำเภอเชียงแสนประมาณ 30 กม. เริ่มมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปเยือน สภาพอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 10 องศาฯ ประกอบมีลมแรง ทำให้ยิ่งทวีความหนาว เย็นมากขึ้น ภายในสถานีตกแต่งพืชพันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับไว้อย่างสวยงามและบริเวณสันเขายอดดอยสามารถมองเห็นแม่น้ำโขง และประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวด้วย

ขณะที่ จ.พะเยา ตอนเช้าอากาศได้หนาวเย็นลงอีก อุณหภูมิเฉลี่ย 13-15 องศาฯ มีหมอกลงปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทำให้ประชาชนตลอดจนเด็กนักเรียนไปโรงเรียนในตอนเช้าต้องสวมใส่เสื้อกันหนาว ส่วนภูลังกา หรืออุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน อ.ปง อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศาฯ ขณะนี้ทางอุทยานได้เตรียมสถานที่ รองรับนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการมากางเต็นท์ มีลานกางเต็นท์รองรับอย่างพอเพียง

ที่จุดชมวิวผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อากาศหนาว มีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 17 องศาฯ พระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกสวยงามมาก มีนักท่องเที่ยวขึ้นชมทิวทัศน์กันอย่างคึกคัก ส่วน จ.มุกดาหาร อากาศเริ่มหนาวเย็น อุณหภูมิเฉลี่ย 19- 22 องศาฯ จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง นอกจากส่งผลกระทบต่อประชาชนบางส่วนแล้วยังทำให้ฝูงลิงกว่า 300 ตัว ที่อาศัยอยู่วัดป่าศิลาวิเวก อ.เมืองมุกดาหาร ผจญความหนาวด้วย ทุกเช้าฝูงลิงจะออกมานั่งตากแดด บางตัวอยู่รวมกันเป็นกลุ่มและนั่งกอดกัน เพื่อรับความอบอุ่น

ส่วน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ติดอันดับ เป็นพื้นที่สีเขียวขจีและเป็นพื้นที่ติดอันดับที่ได้รับอากาศบริสุทธิ์ มีโอโซนติดอันดับ 7 ของโลก ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวทำให้มีนักท่องเที่ยวจาก กทม.และพื้นที่ต่างๆแห่เข้ามาจองที่พักรีสอร์ตต่างๆ ในพื้นที่มวกเหล็กเพื่อมาพักผ่อนกับครอบครัวในวันหยุด ขณะนี้มีการสั่งจองที่พักล่วงหน้าถึง 70-80 เปอร์เซ็นต์แล้ว

นอกจากนี้ จ.กาญจนบุรี ที่ท่าน้ำเทศบาลตำบลวังกะ อ.สังขละบุรี นายสุภาพ งามทองเหลือง ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เปิดเผยว่า เนื่องจากเป็นการเริ่มเปิดฤดูการท่องเที่ยวเข้าสู่ฤดูหนาวในช่วงไฮซีซั่น ทางอุทยานฯจึงร่วมกับเทศบาลตำบลวังกะ จัดระเบียบเรือแพรองรับบริการในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมเพื่อให้เรือและแพที่ให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ในกฎระเบียบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้ พร้อมวางมาตรการในการรองรับนักท่องเที่ยวไว้เช่นกัน ตอนนี้เริ่มมีแพที่เป็นจุดตรวจประจำการใกล้กับสะพานมอญแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดคอยให้คำแนะนำแก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งเรือแพและจัดระเบียบคิวเรือทั้งทางฝั่งมอญและฝั่งไทยด้วย

กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศ “ฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ ฉบับที่ 12” ว่า พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 700 กม. ทางตะวันออกของ จ.สงขลา ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กม./ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก คาดจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณอ่าวไทยตอนล่างในวันที่ 2 พ.ย. ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ คาดว่าในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ ประกอบด้วย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ส่วนคลื่นลมอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือ ด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กงดออกจากฝั่ง

ทั้งนี้ พายุโซนร้อน “ด็อมเร็ย” (Damrey) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ทางด้านตะวันตกของประเทศฟิลิปปินส์ ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 70 กม./ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 16 กม./ชม. คาดว่าจะเคลื่อนเข้าชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนล่างในวันที่ 4 พ.ย.นี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ กับช่วงวันที่ 4-8 พ.ย. ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศเย็นลง อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาฯ

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 3 พ.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.พร้อมคณะ มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อติดตามการให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาและพบปะให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย เป็นประธานการประชุมและมอบนโยบายให้แก่ ผวจ.ภาคใต้ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รับฟังปัญหาอุปสรรคการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและไปพบปะประชาชน ที่ศูนย์ประสานการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อนจะไปตรวจเยี่ยมโครงการประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ และเดินทางกลับในวันเดียวกัน