รัฐบาลถอยอีก ตั้งแท่นผ่อนผันให้ผู้โดยสารนั่งท้ายรถกระบะ-แค็บได้ เล็งเห็นเป็นวิถีชีวิตของคนไทย อธิบดีกรมการขนส่งทางบกโยนลูก สตช.ออกข้อบังคับใช้ได้ทันที แนะควบคุมความเร็วเพื่อให้เกิดความปลอดภัย รมช.คมนาคม “พิชิต อัคราทิตย์” ย้ำผู้บริหารระดับนโยบายในรัฐบาลทุกหน่วย ประสานเสียงจำเป็นให้ผ่อนคลายกฎหมายจราจร ระยะยาวลุยปลุกจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้ประชาชน
หลังจากหัวหน้า คสช.ประกาศใช้มาตรา 44 ห้ามผู้โดยสารนั่งแค็บ-ท้ายรถกระบะ เพื่อป้องกันการเสียชีวิตของผู้โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุ จนเกิดกระแสคัดค้านขยายวงกว้างตามมา ในที่สุดรัฐบาลยอมอนุโลมให้นั่งแค็บ-นั่งท้ายกระบะไปก่อน หลังพ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหยิบยกมาตรการนี้ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง ล่าสุดกรมการขนส่งทางบกมีทางออกให้กับประชาชนที่ใช้รถกระบะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้เข้าพบกับนายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม เพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา กรณี พ.ร.บ.จราจรทางบก บังคับห้ามไม่ให้มีการ
นั่งโดยสารบริเวณกระบะท้ายและแค็บรถกระบะ โดยได้หารือเกี่ยวกับกฎหมายที่จะนำมาแก้ปัญหา โดย รมช.คมนาคมแจ้งว่า ขณะนี้ผู้บริหารระดับนโยบายในรัฐบาลทุกหน่วยงานมีความเห็นตรงกันแล้วว่า มีความจำเป็นจะต้องผ่อนผันและผ่อนคลายกฎหมายจราจร เพื่อให้มีการใช้รถให้สอดคล้องกับการประกอบอาชีพและวิถีชีวิตของคนไทย
นายสนิทกล่าวว่า เบื้องต้นกระทรวงคมนาคมจะเสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายจราจร ออกข้อบังคับผ่อนผันเรื่องการบรรทุก ซึ่งตามกฎหมายให้อำนาจพนักงานจราจรสามารถออกข้อบังคับและประกาศบังคับใช้ได้ทันที กระทรวงคมนาคมเตรียมจะเสนอให้ สตช.ออกข้อบังคับเพิ่มเติม เพื่อผ่อนผันให้นั่งกระบะท้ายและแค็บได้ ซึ่งตามกฎหมายตำรวจออกกำหนดข้อบังคับเพิ่มเติมได้ และยังสามารถออกข้อบังคับควบคุมความปลอดภัยเกี่ยวกับการบรรทุกได้อีกด้วย เช่น อาจจะออกข้อกำหนดจำนวนบรรทุกหรือความเร็วในการขับขี่ขณะบรรทุกด้วย เพื่อให้ เกิดความปลอดภัย แต่จะออกข้อบังคับผ่อนผันชั่วคราว หรือผ่อนผันตลอดไปหรือไม่อย่างไร และจะนำข้อบังคับการผ่อนผันประกาศบังคับใช้เมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ สตช.
...
นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลอยากให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปตามวิถีการดำรงชีวิตของประชาชน ไม่ให้มีอุปสรรคขัดข้อง แต่ในระยะยาวเรื่องของความปลอดภัยยังเป็นเป้าหมายหลัก การทำความเข้าใจกับประชาชนในด้านความปลอดภัยยังเป็นสิ่งสำคัญ เรื่องนี้กรมการขนส่งทางบกจะหารือกับ สตช.ต่อไป เพราะปัญหานี้เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.รถยนต์ ที่เน้นการกำกับดูแลรถให้เกิดความปลอดภัย และ พ.ร.บ.การจราจรทางบก ที่เน้นการใช้รถให้เกิดความปลอดภัย เพราะมีการนำรถไปใช้แล้วทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย ดังนั้นข้อสรุปสุดท้ายจะต้องรอผลการหารือร่วมกันก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมการขนส่งทางบกว่า วันนี้ทาง ขบ.มีการนัดหารือกับทาง สตช.ด้วย โดยได้ประชุมร่วมกันที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แต่ยังไม่มีข้อสรุปออกมา