นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการ ส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ที่มี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างประกาศว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนค่าอาหารกลางวันของโรงเรียนเอกชน เพราะมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปีที่ผ่านมาได้เห็นชอบการปรับเพิ่มเงินค่าอาหารกลางวันให้แก่นักเรียนทุกสังกัด โดยเป็นการเพิ่มแบบขั้นบันไดตามอัตราใหม่อีก 103 ล้านบาท ในส่วนของโรงเรียนเอกชนเรามีข้อจำกัดเพราะมีหลายประเภท ดังนั้นการกำหนดแนวทางการปรับเพิ่มเงินค่าอาหารกลางวันที่ชัดเจนตามขนาดของโรงเรียนจำเป็นจะต้องออกร่างประกาศดังกล่าวให้มีผลบังคับใช้ ส่วนการเบิกจ่ายเงินค่าอาหารกลางวัน เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.66
เลขาธิการ กช.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ รมว.ศึกษาธิการยังกำชับให้ดูแลเรื่องใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของครูโรงเรียนเอกชนที่คุรุสภาได้ปรับให้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูใหม่เป็น 3 ระดับ คือ 1.ใบรับรองการปฏิบัติการสอน (Provisional Teaching Certificate) 2.ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นต้น หรือ B-license (Basic Pro fessional Teaching License) สำหรับผู้ที่ได้ B-license แล้วเมื่อพัฒนาตัวเองจนได้รับวิทยฐานะระดับชำนาญการขึ้นไปจะได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นสูงโดยอัตโนมัติ และ 3.ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นสูง หรือ A-license (Advanced Professional Teaching License) ซึ่งในประเด็นนี้ส่งผลกระทบกับครูเอกชน เพราะครูภาครัฐจะมีวิทยฐานะชำนาญการอยู่แล้วสามารถใช้เทียบได้เลย ขณะที่ครูเอกชนไม่มีระบบวิทยฐานะ ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ โดยคุรุสภาให้แนวทางและกรอบการจัดทำเกณฑ์การเทียบเคียง เพื่อที่ครูเอกชนจะได้ไต่ระดับได้วิทยฐานะชำนาญการเหมือนกับครูของภาครัฐ ซึ่งจะรวมไปถึงครูผู้สอนชาวต่างชาติด้วย.
...