หนุ่มบริษัทปุ๋ยเคมีย่านมหาชัยบุกยิงกิ๊กสาวโอเกะชาวลาว สาหัสพร้อมน้าสาวคาร้าน “ยันหว่าง” ท่าข้าม ก่อนใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงขมับตัวเองดับ เมียสาวอุ้มลูกวัย 2 ขวบยืนร้องไห้หน้าร้านเผยก่อนหน้านี้ 4 เดือนที่แล้วผู้ตายติดพันสาวลาวจนจับได้ ตกปากรับคำจะเลิก แต่ 1 เดือนก่อนเกิดเหตุผู้ตายเปลี่ยนไปอีก เลยฟื้นเรื่องเก่าถาม ผู้ตายบอกเพื่อความสบายใจวันนี้จะคุยให้รู้เรื่อง ขับรถพามาที่ร้านแล้วให้รออยู่ในรถก่อนก่อเหตุสลด
เหตุฆ่ากันตายอันมีสาเหตุมาจากรักไม่ลงตัวครั้งนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 15 ม.ค. พ.ต.ท.วสุ น้อยเจริญ สว. (สอบสวน) สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ในร้านยันหว่างคาราโอเกะ เลขที่ 258 ปากซอยท่าข้าม 28/2 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.ทศพร กลีบแก้ว สว.สส.สน.ท่าข้าม พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.9 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 4 ชั้น 1 คูหา บริเวณกลางร้านบนโซฟา พบร่าง น.ส.อ้อยใจ ผาชมภู อายุ 22 ปี ชาวลาว นอนหมดสติ ถูกยิงด้วยกระสุน 9 มม.เข้าที่ใต้ราวนมขวา 1 นัด แขนขวา 1 นัด อาการสาหัส บนพื้นยังพบร่าง น.ส.สุลี พิมสี อายุ 31 ปี ชาวลาว นอนร้องครวญครางขอความช่วยเหลือ ถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกันที่น่องซ้าย 2 นัด หน่วยกู้ภัย อปพร.เขตบางขุนเทียน รีบนำตัวทั้งคู่ส่งโรงพยาบาลนครธน
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อนายวุฒิชัย พรำกระโทก อายุ 32 ปี ไม่ได้หลบหนีไปไหน ใช้ปืนที่ก่อเหตุยิงตัวเองเสียชีวิต สภาพนั่งพิงอยู่ข้างโซฟา ใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีแดง กางเกงยีนส์สามส่วนสีดำ มีบาดแผลถูกยิงที่ขมับซ้าย 1 นัด ข้างตัวพบปืน 9 มม.ตกอยู่ พบปลอกกระสุนอีก 4 ปลอกตกตามพื้น เก็บไว้ เป็นหลักฐาน
...
นอกจากนี้ บริเวณหน้าร้านยังพบนางปนิดา พรำกระโทก อายุ 27 ปี ภรรยานายวุฒิชัย ยืนอุ้มลูกสาววัย 2 ขวบเศษ ร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ เจ้าหน้าที่ต้องปลอบประโลมพร้อมสอบสวนเบื้องต้นได้ความว่า อยู่กินกับผู้ตายมา 6 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ผู้ตายทำงานบริษัทเกี่ยวกับปุ๋ยและสารเคมีอยู่ย่านมหาชัย นอกจากนี้ยังเป็นอาสาสมัคร สมาคมกู้ภัยอัมรินทร์ใต้-ธนบุรี รหัส อัมรินทร์ใต้-ธนบุรี 10 ด้วย มารู้เรื่องที่แอบคบสาวคาราโอเกะได้ประมาณ 4 เดือน ตอนนั้นทะเลาะกันหนัก ได้โทร.ไปหาผู้หญิง บอกให้เลิกยุ่งกับผู้ตาย เพราะจะทำให้ครอบครัวแตกแยก แต่ดูเหมือนผู้หญิงอยากจะได้สามีตนมาก ขณะที่สามีตนรับปากจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็หายไป
นางปนิดาร่ำไห้กล่าวต่อว่า ประมาณเดือนเศษ สามีเริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง ได้ถามถึงเรื่องเก่าจนผู้ตายบอกว่าถ้าไม่เชื่อใจ วันนี้จะไปคุยให้รู้เรื่องเพื่อความสบายใจของตน เมื่อมาถึงร้านที่เกิดเหตุ สามีบอกว่าจะขอเข้าไปในร้านคนเดียว ให้ตนกับลูกรออยู่ในรถ หลังจากเข้าไปเพียงครู่เดียว รู้สึกไม่สบายใจ ลงจากรถ กำลังจะเข้าไปในร้าน ได้ยินเสียงปืนดังออกมา หลายนัด มีพนักงานวิ่งหนีกรูกันออกมา ไม่คิดว่าสามีจะเป็นคนก่อเหตุ เพราะปกติทราบว่าผู้ตายพกปืน ไม่รู้ว่าวันนี้จะเอามาด้วย ถ้ารู้คงโทรศัพท์บอกให้ผู้หญิงคนนั้นหนีไปก่อนแล้ว
ด้านพนักงานต้อนรับภายในร้านยันหว่างคาราโอเกะต่างให้การตรงกันว่า แต่ก่อน น.ส.อ้อยใจ เคยทำงานอยู่ที่ร้านนี้ ต่อมาย้ายไปทำร้านอื่น แล้วไปรู้จักผู้ตายที่ร้านอื่นได้ประมาณ 4 เดือน ได้ยิน น.ส.อ้อยใจบ่นว่าอยากจะเลิก ผู้ตายไม่ยอมเลิก จนฝ่ายหญิงต้องหนีกลับไปที่ลาวได้ประมาณเดือนเศษ แล้วเพิ่งกลับมาทำงานที่ร้านนี้ได้เพียง 5 วัน ผู้ตายขับรถมาเฝ้าทุกวัน กระทั่งวันนี้ น.ส.อ้อยใจ และ น.ส.สุลี น้าสาว กำลังนั่งกินข้าวกันที่โต๊ะ ผู้ตายเดินเข้ามาพูดจาหาเรื่อง น.ส.อ้อยใจ ก่อนชักปืนกระหน่ำยิง น.ส.อ้อยใจกับน้าจนบาดเจ็บ ก่อนจะยิงตัวเองตาย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ รวมทั้งสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ และส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่นิติเวช โรงพยาบาลศิริราชเพื่อผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง