โจรวัยดึกบุกเดี่ยวปืนจี้ชิงทรัพย์ร้านทองย่านตลาดบางแค พนักงานสาวฉลาดยื่นถาดใส่สร้อยทอง เส้นเล็ก 1 สลึงให้ ได้ทองไป 17 เส้น แต่น้ำหนักรวมแค่ 4 บาท 1 สลึง แล้วหนีไปหลบหลังร้านกดสัญญาณแจ้งตำรวจ และปิดล็อกประตูหน้าร้าน กว่าโจรจะหนีออกมาได้ต้องยิงประตูกระจกร่วงลงมาทั้งบานบาดขาเป็นแผลฉกรรจ์ กัดฟันวิ่งข้ามสะพานลอยจากท้องที่ สน.เพชรเกษม ไปจนมุมตำรวจจราจร สน.หลักสอง ในป่ากล้วย อ้างเครียดกิจการบ้านเช่าลูกค้าน้อย ค้างค่าไฟกว่า 2 หมื่นบาท ตัดสินใจหอบปืนใส่เป้นั่งรถเมล์ตระเวนหาเป้าหมายมา 10 วันก่อนลงมือ

โจรกรุงบุกชิงทรัพย์ร้านทองรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 ส.ค. ร.ต.อ.ออมสิน สีดามาตย์ รอง สว. (สอบสวน) สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ห้างทองเยาวราชเอ็มโกลด์ สาขาบางแค เลขที่ 55 ถนนเพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. รีบแจ้งรูปพรรณสกัดจับ พร้อมรายงานผู้บังคับบัญชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย พ.ต.อ.วิสิษฐ์ วัฒนพงศ์พิทักษ์ ผกก.สน.เพชรเกษม พ.ต.ท.สยาม ชื่นครุฑ สว.สส.สน.เพชรเกษม เจ้าหน้าที่สายตรวจ ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 1 คูหา 3 ชั้น ประตูกระจกด้านหน้าแตกกระจายเกลื่อน พบหัวกระสุนปืนขนาด .38 ตกอยู่ 1 หัว สร้อยคอทองคำหนักเส้นละ 1 สลึง ตกอยู่ 13 เส้น และกองเลือดของผู้ต้องหาจำนวนหนึ่ง ส่วนบนตู้โชว์ทองพบหมวกแก๊ปสีดำของคนร้ายตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวน น.ส.บุญญาพร วิเชียรดี อายุ 24 ปี พนักงานขายยังอยู่ในอาการช็อก ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุอยู่ในร้านกับ น.ส.อมรรัตน์ บุญเพ็ญ อายุ 23 ปี คนร้ายเป็นชายใส่ชุดดำเปิดประตูเข้ามา พร้อมชักปืนพกแบบลูกโม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านขวาจ่อที่ตน แล้วเอาถุงดำยื่นมาวางบนตู้โชว์บังคับให้หยิบทองใส่ถุงเร็วๆ พูดย้ำอยู่หลายครั้งแต่ตนยังไม่ได้หยิบ พยายามเดินปลีกตัวไปกดสัญญาณฉุกเฉิน ขณะที่ น.ส.อมรรัตน์หลบเข้าไปหลังร้านได้ก่อนกดสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือจากตำรวจ ส่วนคนร้ายใช้ปืนเดินตามมาจ่อตนบังคับให้หยิบทองส่งให้ ด้วยความกลัวจึงหยิบกระบะทองหนัก 1 สลึงในตู้โชว์ส่งให้ คนร้ายกวาดทองเกือบหมดใส่กระเป๋ากางเกงด้านขวา จังหวะคนร้ายเผลอ ตนรีบหนีไปหลังร้าน

...

“เมื่อคนร้ายได้ทองแล้วพยายามจะเปิดประตูหน้าร้านเพื่อหลบหนี แต่ประตูถูกล็อกไว้ ตะโกนขู่เสียงดังให้เปิดประตู แต่หนูไม่เปิดให้เพื่อรอตำรวจ คนร้ายเข้ามาหาพวกหนูไม่ได้ ออกจากร้านก็ไม่ได้ เริ่มหงุดหงิดถีบประตูกระจกหน้าร้านอยู่หลายครั้ง แต่กระจกไม่แตก เริ่มโกรธกระโดดถีบประตูจนตัวเองเสียหลักกระเด็นไปชนตู้ทอง หมวกแก๊ปหลุดอยู่บนตู้โชว์แต่ยังหนีออกจากร้านไม่ได้ หมดความอดทนใช้ปืนยิงใส่ประตูกระจกร้าว แล้วใช้เท้าถีบประตูจนกระจกร่วงลงมาทั้งบาน ส่วนคนร้ายเสียหลักล้มถูกเศษกระจกบาดเลือดไหลโกรก ทำให้ทองที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านขวาหลุดตกอยู่ที่พื้นบางส่วน ก่อนรีบวิ่งออกจากร้านข้ามสะพานลอยหนีไป” น.ส.บุญญาพรกล่าว

ระหว่างเกิดเหตุ ด.ต.สาโรจน์ จงเจริญ ผบ.หมู่งานจราจร สน.หลักสอง ท้องที่ติดต่อกันขั้นเขตรับผิดชอบแค่ถนนเพชรเกษม กำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรอยู่ตรงข้ามตลาดบางแคถนนเพชรเกษม ขาเข้า เนื่องจากปริมาณรถหนาแน่นเพราะมีผู้คนมาจับจ่ายซื้อของเตรียมไหว้วันสารทจีน รับแจ้งจากศูนย์วิทยุผ่านฟ้าว่า มีเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราชเอ็มโกลด์ สาขาบางแค เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เห็นคนร้ายรูปพรรณตรงกับที่รับแจ้งมีอาวุธปืน วิ่งหลบหนีข้ามสะพานลอยเข้าไปในลานจอดรถห้างไอทีแกรนด์ บางแค ซึ่งปิดกิจการไปแล้ว ด.ต. สาโรจน์จึงวิทยุประสานสายตรวจทุกสายให้มาช่วยติดตามตัวคนร้าย

ต่อมา ร.ต.อ.สถิตย์ อิ่มที่สุด รอง สว.จราจร สน.หลักสอง พร้อม ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ แสงดารา ผบ.หมู่งานจราจร สน.หลักสอง มาถึงที่เกิดเหตุ รีบตามคนร้ายไปด้านหลังห้างไอทีแกรนด์ บางแค พบคนร้ายเป็นชายสูงอายุสวมชุดดำ เสื้อยืดดำ กางเกงยีนส์ ถุงมือ ถุงเท้า รองเท้า หน้ากากอนามัย สะพายเป้สีดำ นอนหงายกอดปืนอยู่ในป่ากล้วย ร.ต.อ.สถิตย์ ชักปืนแจ้งให้ยอมจำนน คนร้ายยอมวางปืนที่กอดอยู่มอบตัวแต่โดยดี ทราบชื่อนายบวร เดชาคนีวงศ์ อายุ 70 ปี อยู่เลขที่ 13/51 ซอยวัดดุสิตาราม แขวง อรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย สภาพหน้าแข้งซ้ายมีแผลกระจกบาดเลือดอาบ ตรวจค้นในกระเป๋ากางเกงด้านขวาพบทองรูปพรรณน้ำหนัก 1 สลึงรวม 17 เส้น น้ำหนักรวม 4 บาท 1 สลึง และซองกระสุนพร้อมเครื่องกระสุน .38 อีก 5 นัด ในเป้พบปืนสั้นบีบีกันอีก 1 กระบอก และกระเป๋าเงิน ยึดไว้เป็นหลักฐานคุมตัวไปสอบสวนเบื้องต้นที่ สน.หลักสอง

นายบวร เดชาคนีวงศ์ ให้การว่า ทำธุรกิจบ้านเช่าอยู่ที่บ้านพักย่านวัดดุสิตาราม ช่วงนี้ลูกค้าน้อย ทำให้ค้างค่าไฟฟ้าอยู่ 2-3 งวด รวมกว่า 2 หมื่นบาท พรุ่งนี้การไฟฟ้านครหลวงแจ้งว่าจะมาตัดไฟ เกิดความเครียด หมดหนทาง ไม่มีกิน พกปืนที่ซื้อมาตั้งแต่ตอนอายุ 17 ปีขึ้นรถประจำทางสาย 81 ตระเวนดูร้านทองว่าร้านไหนมีแต่ผู้หญิงอยู่ลำพัง จริงๆแล้วนั่งรถตระเวนมา 10 วันแล้ว วันนี้ผ่านมาเจอร้านนี้ เห็นมีพนักงานผู้หญิงเพียงคนเดียวจึงลงไปก่อเหตุ หวังว่าจะเอาทองไปขายเอาเงินมาใช้จ่ายและจ่ายหนี้ค่าไฟฟ้าที่ค้างไว้เท่านั้น

ต่อมา พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 เดินทางมาสอบสวนผู้ต้องหาด้วยตัวเอง ก่อนเปิดเผยว่า ผู้ต้องหารับว่าจะนำเงินไปชำระหนี้สิน ส่วนอาวุธนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า อาวุธปืนได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ส่วนข้อหาเบื้องต้นแจ้งเหตุชิงทรัพย์ ยิงปืนในเมืองหมู่บ้าน พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต สำหรับตำรวจจราจร สน.หลักสอง ที่ร่วมจับกุมคนร้าย แสดงให้เห็นถึงการทำงานร่วมกันของ สน.หลักสองและ สน.เพชรเกษม ขณะเข้าจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้ขัดขืนอะไร หลังจากนี้จะคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งให้พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ดำเนินคดีต่อไป