“แม่หมอกระต่าย” ร้อง กมธ.กฎหมายฯ ช่วยติดตามคดี “ส.ต.ต.” ซิ่งบิ๊กไบค์ชนลูกเสียชีวิต เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรมคดีเงียบหายเหมือนคดีอื่น เพราะผู้ต้องหาเป็นตำรวจ แพทยสภาจัดสัมมนาแก้ปัญหาอุบัติเหตุจราจรถึงเวลาต้องผลักดันให้เกิดกฎหมายคนเดินเท้าที่มีผู้เสียชีวิตขณะเดินข้ามถนนปีละ 300-400 คน “หมอเจี๊ยบ” เพื่อนร่วมรุ่นแพทย์รามา 42 หวั่นแห่แก้ปัญหาแบบผักชีโรยหน้า ล่าแสนชื่อจี้รัฐบาลแก้ปัญหาอุบัติเหตุบนทางม้าลายเป็นรูปธรรม เพิ่มโทษคนขับขี่ชนคนเดินข้ามถนน

กรณีอุบัติเหตุสยองคร่าชีวิต พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย จักษุแพทย์หญิงอนาคตไกล ขณะเดินข้ามทางม้าลายถนนพญาไท หน้าโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ถูก ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ซิ่งบิ๊กไบค์มาเลนขวาสุดพุ่งชนจนเสียชีวิต ถูกแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตายและข้อหาอื่นรวม 9 ข้อหา รอส่งฟ้องศาลตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น แต่กระแสความกังวลของคนในสังคม เรื่องอันตรายการข้ามถนนและการบังคับใช้กฎหมายยังมีอยู่จนหลายองค์กรออกมาเสนอแนะวิธีการแก้ไข

...

ความคืบหน้าจากรัฐสภา เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 3 ก.พ. นางรัชนี สุภวัตรจริยากุล มารดา พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย พร้อมด้วยนายณัฐพล ชิณะวงศ์ ทนายความ เข้ายื่นหนังสือผ่านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีหมอกระต่ายถูกตำรวจขี่บิ๊กไบค์ชนเสียชีวิตบนทางม้าลาย นางรัชนีกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ขอความกรุณาจากรัฐสภาแห่งนี้ช่วยชี้นำสังคมอย่าให้คดีนี้เป็นเหมือนคดีอื่นที่เงียบหายไปโดยไม่ส่งผลดีต่อประเทศ นายณัฐพลกล่าวว่า อยากให้ กมธ.ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงคู่ขนานกับคดีเนื่องจากผู้กระทำความผิดเป็นตำรวจ ประเด็นที่ครอบครัวคาใจคือ เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะจุดที่เกิดเหตุเป็นทางม้าลายกลับมีรถวิ่งเร็วมาก แม้ว่าปัจจุบันจะทำลูกคลื่นหรือสัญลักษณ์ต่างๆแล้ว แต่เกรงว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอย

นายรังสิมันต์กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสะเทือนใจ กมธ.กฎหมายให้ความสำคัญแน่นอน จากนี้ กมธ.หารือกันว่าจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมการขนส่งทางบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กทม.รวมถึงบุคคลอื่น เพื่อให้มั่นใจว่าครอบครัวได้รับความเป็นธรรม มาร่วมหารือเพื่อแก้ไขปัญหา ป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้อีก

ด้านแพทยสภาจัดการบรรยายพิเศษแบบออนไลน์ โครงการ “หมอชวนรู้” ครั้งที่ 1 เรื่องอุบัติเหตุจราจร แก้ไขได้อย่างไรในมุมมองการแพทย์ ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา กล่าวว่า เป็นความโศกเศร้าของครอบครัวหมอกระต่าย และเป็นความสูญเสียของวงการแพทย์ เพราะเป็นหมอจักษุวิทยามีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีไม่ถึง 50 คน ไม่ว่าเป็นใครในประเทศไทยไม่ควรเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บนท้องถนน เพราะเป็นทางม้าลายควรปลอดภัยสำหรับคนข้าม แพทยสภาฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงเวชศาสตร์การจราจร เพราะเล็งเห็นความสำคัญศาสตร์นี้ เพื่อดูแลรักษาฟื้นฟูผู้บาดเจ็บจากการจราจร สอนให้มีทักษะประเมินให้ความเห็นและรับรองสมรรถนะ รวมถึงผลกระทบด้านสุขภาพผู้ขับขี่ก่อนออกใบอนุญาต และต่อใบอนุญาตตามกรอบกฎหมายแต่ละด้าน

นพ.อำนวย กาจีนะ นายกสมาคมเวชศาสตร์การจราจร กล่าวว่า ทางสากลเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนให้ความสำคัญ 4 กลุ่มหลักต้องมีความสมดุลคือ 1.คนขับรถ 2.คนขี่มอเตอร์ไซค์ 3.ผู้ขี่จักรยาน ที่สำคัญยิ่งกว่า 3 กลุ่มแรกคือ 4.คนเดินเท้า หลายประเทศมีนโยบายให้ความสำคัญความปลอดภัยผู้ใช้ถนนอย่างไร แม้ 3 กลุ่มแรกทำได้ดี หากกลุ่มผู้ใช้ถนนยังถูกละเลย ยังไม่มีนโยบาย มีระบบดูแลความปลอดภัยแสดงว่าคุณภาพผู้ใช้ถนนทั้ง 4 ประเภทยังไม่อยู่ในลักษณะสมดุลพอ ถึงเวลาต้องผลักดันให้เกิดกฎหมายคนเดินเท้า ใช้เป็นกรอบให้ผู้ดูแลกฎหมายแต่ละระดับ และสร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้คนเดินเท้าท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำดูแลถนนหนทางให้เหมาะสม

นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า การสูญเสียบนท้องถนนที่เกิดทุกวันจะเห็นถึงแบบแผนบางอย่างยังเหมือนเดิมคือ ขับด้วยความเร็ว มองไม่เห็นคนข้าม ไม่เห็นทางม้าลาย เห็นรถชะลอข้างหน้าจึงขับแซงขวา เป็นโจทย์ใหญ่ต้องหาแนวทางแก้ไข อาจด้วยกฎหมายจัดการอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยง ภาพใหญ่การสูญเสียจากอุบัติเหตุ เรามีคนตายก่อนโควิดแต่ละปี 2 หมื่นกว่าคน ปีที่แล้วมีโควิดลดลงเหลือ 1.7หมื่นคน เฉลี่ยวันละ 48-49 คน ร้อยละ 6-8 หรือ 800-1,200ราย เป็นคนเดินถนน และ 1 ใน 4 เป็นลักษณะการเดินข้ามถนน หรือเฉลี่ยปีละ 300-400 คน แต่มองข้ามไม่ได้คือ ร้อยละ 5 หรือหลักหมื่นคนบาดเจ็บรุนแรงจนพิการ

“โจทย์ใหญ่ต้องเร่งแก้คือ 1.กายภาพที่ไม่ชัดเจน ทำอย่างไรให้ทางม้าลายเห็นชัดเจนด้วยสัญญาณป้ายหรือไฟ 2.คนขับมาเร็วไม่ชะลอส่วนใหญ่เป็นมอเตอร์ไซค์ 3.คนเดินเท้าไว้ใจทางม้าลายเกินไปคิดว่ารถคงหยุด ทางออกเรื่องนี้ต้องหันกลับมาวางระบบแห่งความปลอดภัยเพื่อลดความสูญเสีย เช่น จัดการความเร็ว จัดการตัวถนน จัดการตัวรถยานพาหนะ และจัดการตัวคนทั้งผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนน ออกกฎหมายจำกัดความเร็ว สร้างการเรียนรู้ในเด็กและเยาวชน เช่น สิงคโปร์สอนเด็กมองซ้ายขวาและยกมือก่อนข้ามถนน” นพ.ธนะพงศ์กล่าว

...

ส่วน พญ.ลลนา ก้องธรนินทร์ หรือหมอเจี๊ยบ ผู้แทนกลุ่ม Rabbit Crossing แพทย์รามาธิบดีรุ่น 42 เพื่อนร่วมรุ่น “หมอกระต่าย” กล่าวว่า ต้องยอมรับปัญหาการจราจรบ้านเรามีมายาวนานไม่สามารถแก้ได้ ยิ่งปล่อยนานคนจะเสียชีวิตมากขึ้น ตนทำงานห้องฉุกเฉินเจอคนถูกชนทุกวัน เมื่อเกิด ปัญหาสังคมไทยมักแก้แบบวัวหายล้อมคอก เกิดปัญหามาทาสี ติดไฟ กลุ่มแพทย์รามาธิบดีรุ่น 42 ตั้งกลุ่ม Rabbit Crossing เพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม เริ่มต้นให้ประชาชนลงชื่อผ่าน www.chang.org หากครบแสนชื่อจะยื่นต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังนี้ 1.แก้ปัญหาด้านกายภาพทางม้าลายให้ได้มาตรฐานสากลปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ผักชีโรยหน้า 2.มีกฎหมายครอบคลุมการใช้ถนนทุกด้าน 3.บังคับใช้กฎหมายมีบทลงโทษจริงจัง กรณีผู้ขับขี่ไม่หยุดรถให้คนข้ามหรือไม่ชะลอความเร็วในทางม้าลาย 4.ออกกฎหมายให้ชัดเจนนอกเหนือการปรับ เช่น ตัดคะแนน ยึดยานพาหนะหากไม่จ่ายค่าปรับ

5.ปรับบทลงโทษรุนแรงขึ้นกรณีขับรถชนคนข้ามทางม้าลาย หวังว่ากฎหมายจะเป็นตัวช่วยทำให้ชีวิตคนปลอดภัยจากการใช้ถนนมากขึ้น หวังอาจารย์หมอและแพทยสภาช่วยผลักดันส่งเรื่องถึงรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องเหตุรถชนคนตายบนทางม้าลายอีกคดี เปิดเผยเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 2 ก.พ. ร.ต.อ.จำรัส เนื้อไม้ รอง สว. (สอบสวน) สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุรถชนคนเสียชีวิตบนทางม้าลาย ถนนเอกชัยปากซอย 43/3 แขวงและเขตบางบอน ไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นถนน 3 เลน ช่องทางขวาสุดพบรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีขาว ทะเบียน 1 กร 8075 กรุงเทพมหานคร จอดบนทางม้าลาย สภาพกันชนหน้าและฝากระโปรงยุบ ส่วนผู้เสียชีวิตคือนายสุรพันธ์ บุณยสุรักษ์ อายุ 68 ปี สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าแตะสีดำ ถูกชนกระเด็นไปไกล 5 เมตร มีบาดแผลฉกรรจ์ศีรษะและกระดูกซี่โครงหัก

...

สอบสวนนายพิสิษฐ์ วัฒนสถิตย์ อายุ 51 ปี คนขับรถกระบะ ให้การว่า ขับรถออกจากซอยเอกชัย 12 มุ่งหน้ากลับบ้านย่านบางบอน ถึงจุดเกิดเหตุมีรถแล่นช่องทางกลาง จึงหักแซงออกขวาไม่เห็นว่าเป็นทางม้าลาย ทำให้พุ่งชนผู้ตายที่กำลังข้ามถนนโดยไม่ได้ตั้งใจ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนติดต่อญาตินายสุรพันธ์ ทราบข้อมูลว่า ผู้ตายพักอยู่ย่านกำนันแม้นไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ แต่กลางคืนไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะชอบเดินสายดื่มเหล้ากับพรรคพวก ควบคุมตัวนายพิสิษฐ์ไปสอบปากคำ แจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลายต่อไป