รองหัวหน้าแก๊งตุ๋นพันล้านเข้าคุกตามลูกพี่ประสิทธิ์ เจียวก๊ก หลังตำรวจยื่นคำร้องฝากขังและคัดค้านการประกัน ศาลอนุญาตตามคำร้อง ขณะที่ ผบก.ป.เผยยังต้องสืบสวนต่อมีผู้เกี่ยวข้องคนอื่นๆด้วยหรือไม่ รวมทั้งเส้นทางการเงินหาความเชื่อมโยง “ทนายรณรงค์” พาผู้เสียหายกว่า50 คน บุก บช.ก.ขอให้เร่งติดตามอายัดทรัพย์ที่ถูกโกงไปคืนเหยื่อ
กรณีตำรวจกองปราบสนธิกำลังร่วมกับ บก.ปอศ. และ บก.ปอท. ทลายเครือข่ายนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน หลังร่วมกับพวกเปิดบริษัทในลักษณะเครือข่ายใหญ่ หลอกนักลงทุนหลายรูปแบบ อ้างจะได้รับผลตอบแทนสูง จับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ทั้งหมด 6 คน โดย 4 คนแรกที่จับกุมเมื่อวันที่ 15 พ.ค.64 คือ พ.ต.พญ.อมราภรณ์ วิเศษสุข อายุ 34 ปี ประธานโครงการ “เที่ยวเพื่อชาติ” น.ส.ณัฐวรรณ อุตตมะปรากรม อายุ 33 ปี น.ส.สิริมา เนาวรัตน์ อายุ 37 ปี นายกิตติวัฒน์ อ่วมอารีย์ อายุ 40 ปี ก่อนที่นายประสิทธิ์จะเข้ามอบตัวที่กองปราบฯในวันจันทร์ที่ 18 พ.ค. ถูกนำตัวเข้าเรือนจำในวันรุ่งขึ้นหลังศาลไม่ให้ประกันตัว ขณะที่นายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือ ถูกจับได้เป็นรายสุดท้ายในวันเดียวกัน
ความคืบหน้าในคดีจับแก๊งตุ๋นพันล้าน เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 19 พ.ค. ตำรวจกองปราบปราม คุมตัวนายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ กรรมการบริษัท เหนือโลก จำกัด บริษัทในเครือบริษัทเอ็มกรุ๊ป ของนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ที่ร่วมกันหลอกลวงประชาชนมาลงทุนจนเกิดความเสียหายมูลค่านับพันล้านบาท ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังพนักงานสอบสวนฝากขังต่อศาลอาญาทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ญาติยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวในชั้นศาล แต่ถูกยกคำร้อง เนื่องจากคดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง เกรงว่าจะหลบหนีและไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ระหว่างการควบคุมตัวออกมาพบว่านายกิตติศักดิ์อยู่ในสภาพอิดโรย ก้มหน้าตลอด เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเรื่องราวดังกล่าว นายกิตติศักดิ์ไม่ขอตอบคำถาม ก่อนจะขึ้นรถออกไปทันที
...
ขณะที่ พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ.กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอฝากขัง นายกิตติศักดิ์ ต่อศาลอาญาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พร้อมยื่นเรื่องคัดค้านการประกันตัว เพราะคดีมีความเสียหายมูลค่าสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จากการสอบปากคำยังคงให้การปฏิเสธ ยอมรับเพียงว่าเป็นกรรมการบริษัทเหนือโลก ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับกระเป๋าแบรนด์เนม 1 ใน 5 รูปแบบการหลอกลวงของขบวนการในระยะเวลาที่เกิดเหตุจริง แต่ในส่วนอื่นๆขอไม่ให้การ หลังจากนี้จะทำเรื่องประสานไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลของบริษัทว่า มีรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินกิจการอย่างไรบ้าง
ด้าน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าภาพรวมของสำนวนคดีว่า แม้จะจับกุมผู้ต้องหาได้ครบทั้ง 6 คน แต่ยังต้องสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆต่อไป เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่านอกจากผู้ต้องหากลุ่มนี้แล้วยังมีผู้เกี่ยวข้องคนอื่นๆเพิ่มเติมด้วยหรือไม่ เช่นเดียวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายดังกล่าวที่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดถูกยักย้ายถ่ายเทไปที่ใด ต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากคดีมีความซับซ้อนและรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบอีกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเอกสารหลักฐานที่ตรวจยึดได้กว่า 4 คันรถ ตอนนี้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้ตั้งคณะทำงานระหว่าง บก.ป., บก.ปอศ.และ บก.ปอท.แบ่งหน้าที่ทำงานเรียบร้อยแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางการสืบสวนของตำรวจพบว่านายกิตติศักดิ์ถือเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการดังกล่าวในลำดับที่สอง รองจากนายประสิทธิ์ หัวหน้าขบวนการ พนักงานของบริษัทในเครือจึงมักเรียกว่า “ท่านรอง” เพราะมีอำนาจในการตัดสินใจลงนามเซ็นรับรองเอกสารการเงินต่างๆ ของบริษัทในเครือได้ด้วยตนเอง ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อหาความเชื่อมโยงถึงบุคคลอื่นๆนั้น ชุดคลี่คลายคดีได้นำเครื่องคอมพิวเตอร์ของกลางบางส่วนที่สามารถตรวจยึดได้ก่อนหน้านี้ ส่งให้กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เร่งดำเนินการตรวจสอบเพื่อสืบหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม รวมถึงเตรียมประสานกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเอกสารหนังสือต่างๆที่ตรวจยึดได้กว่า 4 คันรถด้วย
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ถนนแจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยนายเดชบดินทร์ หรือบอส ฉายทองดี นักแสดงละครซิทคอมเรื่องเฮง เฮง เฮง หนึ่งในผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนกับนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก สูญเงินไป 49 ล้านบาท พร้อมกลุ่มผู้เสียหายอีก 115 คน สวมชุดพีพีอีเข้าพบ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. ยื่นหนังสือให้ช่วยติดตามเร่งรัดคดี และออกคำสั่งไปยังกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ยึดอายัดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องในขบวนการฉ้อโกงประชาชนทั้งหมดเพื่อมาคืนให้กับผู้เสียหาย หากปล่อยเนิ่นนานเกรงจะไม่ได้ทรัพย์คืน มี พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบช.ก. เป็นผู้รับหนังสือแทน
พล.ต.ต.ปัญญากล่าวว่า เรื่องนี้มีการร้องเรียนมายัง บช.ก.ตั้งแต่เดือน เม.ย. สั่งการให้กองบังคับการปราบปรามความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวน เพราะมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก มียอดความเสียหายสูง ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจเร่งดำเนินการให้อย่างเต็มที่ เนื่องจากในทางคดีมีการสืบสวนสอบสวนในการหาหลักฐาน บางเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ ทางผู้ต้องหาเองก็เปิดทำธุรกิจหลายบริษัท เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบการกระทำผิดในส่วนใด ต้องดำเนินคดีไปตามส่วนนั้น ส่วนทรัพย์สินนายประสิทธิ์มีนับพันล้านบาทหรือไม่ อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบ