ที่ศาลาว่าการ กทม. เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม. เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหาร กทม. ซึ่งมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้หารือแนวทางการจัดการเรียนการสอนภายในโรงเรียนสังกัด กทม.ทั้ง 437 แห่ง รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เบื้องต้น คาดว่าจะมีการเปิดการเรียนการสอนได้ภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ ทั้งนี้ สำหรับแนวทางการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนสังกัด กทม. ได้แก่ 1.โรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนไม่เกิน 400 คน 2.โรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียน 401-800 คน และ 3.โรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียน 801-1,500 คน

สำนักการศึกษาได้จัดแนวทางการจัดการเรียนการสอน 2 รูปแบบ ดังนี้ โรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่เกิน 400 คน จะจัดให้มีการจัดการเรียนการสอนตามปกติ โดยให้นักเรียนมาโรงเรียนทุกวัน และเรียนตามตารางเรียนในชั่วโมงหรือคาบเรียนปกติ ใน 1 ห้องเรียน มีจำนวนนักเรียน 20 คนโดยประมาณ และให้มีการรักษาระยะห่างทางสังคม ทั้งเวลาเรียน ช่วงเวลาพัก และการรับประทานอาหาร ส่วนโรงเรียนขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 233 โรงเรียน จะจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้

รูปแบบที่ 1 แบบสลับวันเรียนทั้งหมด ใช้กับโรงเรียนขนาดกลางที่มีนักเรียนตั้งแต่ 401-800 คน เช่น ระดับก่อนประถมศึกษา (อนุบาล) ระดับประถมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มาเรียนวันอังคาร วันพฤหัสฯ ส่วนระดับประถมศึกษาตอนปลาย และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มาเรียนวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ โดยในช่วงที่นักเรียนไม่ได้มาเรียนในวันปกติจะใช้วิธีการเรียนรู้ทาง Online และ On Air เข้ามาทดแทนการเรียนในห้องเรียน โดยให้ครูเข้ามาควบคุมดูแลในการจัดการเรียนรู้ และมอบแบบฝึกหัด การบ้าน ใบงาน หรือกิจกรรมให้ไปทำที่บ้าน และให้นับเวลาการเรียนช่องทางดังกล่าวชดเชยการเรียนในช่วงเวลาปกติได้ด้วย

...

ส่วนรูปแบบที่ 2 แบบมาเรียนปกติ ร่วมกับสลับวันเรียนทั้งหมด ใช้กับโรงเรียนขนาดใหญ่ นักเรียน 801-1,500 คน และโรงเรียนขนาดใหญ่มาก ที่มีนักเรียนมากกว่า 1,500 คน คือระดับอนุบาล และระดับประถมศึกษาตอนต้น ให้มีการจัดการเรียนการสอนตามปกติ สำหรับระดับประถมศึกษาตอนปลาย และระดับมัธยมศึกษาให้สลับวันมาเรียน ทั้งนี้ ให้สถานศึกษาพิจารณาการจัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสม โดยตั้งแต่วันที่ 1-20 มิ.ย. สำนักการศึกษาจะตรวจความพร้อมของโรงเรียนที่จะจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานอีกครั้ง

นอกจากนี้ ได้เตรียมความพร้อมและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอื่นๆ เช่น กิจกรรมหน้าเสาธง กรณีโรงเรียนขนาดเล็กและมีพื้นที่ สามารถให้นักเรียนร่วมกิจกรรมได้ปกติภายใต้มาตรการเว้นระยะห่าง กรณีมีพื้นที่จำกัด ให้นักเรียนเข้าแถวที่โต๊ะในห้องเรียน หรือเข้าแถวหน้าห้องเรียน มาตรการในห้องเรียน ให้มีการจัดโต๊ะเรียนจำนวน ไม่เกิน 20 ตัว โดยแต่ละตัวเว้นระยะห่าง 1.5 เมตร ให้ทำความสะอาดห้องเรียน โต๊ะ เก้าอี้ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทั้งก่อนเรียน พักกลางวัน และหลังเลิกเรียน สำหรับการนอนของนักเรียนปฐมวัย ให้งดการใช้เครื่องปรับอากาศ อาจใช้พัดลมแทน มาตรการสำหรับการรับประทานอาหาร ให้โรงเรียนพิจารณาจัดที่รับประทานอาหารทั้งในห้องเรียนและโรงอาหาร และเหลื่อมเวลาตามบริบทและความพร้อมของโรงเรียน โดยในโรงอาหารต้องมีฉากพลาสติกใสกั้น เว้นระยะ และต้องใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือ.