“จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผบ.ตร. กำชับตำรวจทุกกองบัญชาการเตรียมรับมือคดีความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น เผยเตรียมพิจารณาเสนอจัดตั้งหน่วยงานรับผิดชอบระดับกองบัญชาการขึ้นมาใหม่ เพราะ บก.ปอท. หน่วยงานเดียวในปัจจุบัน รับคดีจากทั่วประเทศจนงานล้นมือ ประกอบกับปัจจุบันกลุ่มผู้ไม่หวังดีในโลกไซเบอร์สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง จำต้องมีมาตรการป้องกันที่ชัดเจน

“บิ๊กแป๊ะ” เตือนตำรวจทุกพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือคดีความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 20 ต.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เปิดเผยว่าสั่งการไปยัง ผบช. และ ผบก.ในทุกพื้นที่ให้หามาตรการรองรับการกระทำผิดทางเทคโนโลยีที่เป็นกระแสแพร่ระบาดในสื่อออนไลน์อยู่ในขณะนี้ หลังพบมีผู้กระทำผิดเพิ่มมากขึ้น จนมีแนวโน้มเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตข้างหน้า ต้องให้ความสำคัญและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงการเลือกตั้งที่มีการทำประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ช่องทางต่างๆ เชื่อจะเกิดปัญหาตามมาทั้งการฟ้องร้องและแจ้งความดำเนินคดี ทั้งหมดต้องอาศัยขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามารับผิดชอบ ในปี 62 ตั้งเป้ากำหนดนโยบายให้ ผบช. และ ผบก. ผู้รับผิดชอบหน่วยปฏิบัติเตรียมตัวรับสถานการณ์ผู้เสียหายแจ้งความฟ้องร้องคดีความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มมากขึ้น

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาคดีในลักษณะนี้ตำรวจพื้นที่ส่งเรื่องให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ที่อยู่ในสังกัดกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) เป็นผู้รับผิดชอบหน่วยเดียว บางคดีเกิดในพื้นที่ต่างจังหวัด ต้องให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความที่ บก.ปอท. เป็นเรื่องยุ่งยาก และล่าช้า ปัจจุบันงานที่รับผิดชอบของ บก.ปอท.มีมากขึ้น อาจต้องพิจารณาเสนอให้จัดตั้งหน่วยงานในระดับกองบัญชาการขึ้นมารับผิดชอบ เพื่อความรวดเร็วและคล่องตัว ไม่ให้ บก.ปอท.รับผิดชอบเพียงหน่วยเดียว ทั้งนี้หน่วยงานระดับ บช. และ บก.ต้องให้ความ สำคัญคดีประเภทนี้ เพราะปัจจุบันมีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ในโลกไซเบอร์สร้างความเสียหายทางด้านธุรกิจในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย จำเป็นต้องหามาตรการป้องกันและควบคุมให้ชัดเจน

...

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า จากกรณีมีสื่อออนไลน์นำเสนอข่าวเรื่องการผลักดัน พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ออกมาบังคับใช้เป็นกฎหมาย เนื่องจากปัจจุบันภัยคุกคามทางไซเบอร์มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศกลางเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ดำเนินการหามาตรการป้องกันรับมือกับสถานการณ์ ด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบสารสนเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในภาพรวมทั้งหมด จากการตรวจสอบยังไม่พบผู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ ทั้งนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบมีหนังสือกำชับไปยังเจ้าหน้าที่ไม่ให้เผยแพร่ข้อมูลผู้ใช้และรหัสผ่านให้กับบุคคลทั่วไป รวมทั้งมีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องต้องเปลี่ยนรหัสผ่านอยู่เป็นประจำเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบข้อมูล