ศาลฎีกาพิพากษายืนยกฟ้อง “ศักดิ์ชัย กาย” ไฮโซดัง ปลอมใบถอนเงินลายมือชื่อของ พล.ต.ต.เพ็ชร์ ณ ป้อมเพ็ชร์ นำไป ถอนเงินกว่า 158 ล้านบาท ชี้แม้เจ้าของลายมือชื่อป่วยแต่ไม่รุนแรงมีสติสัมปชัญญะทำนิติกรรมได้ โจทก์ไม่เคยโต้แย้งการเคลื่อนไหวทางบัญชี ส่วนความผิดฉ้อโกงไม่มีการบรรยายว่าทำผิดอย่างไร ไฮโซดังเผย สู้คดีมา 15 ปี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ จ่อถอนฟ้องกลับคดีแพ่งทั้งหมด

“ศักดิ์ชัย กาย” ไฮโซดังชนะคดีเด็ดขาด โดยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ต.ค. ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่ พล.ต.ต.เพ็ชร์ ณ ป้อมเพ็ชร์ โดย น.ส.นพมาศ ณ ป้อมเพ็ชร์ ฐานะผู้อนุบาล เป็นโจทก์ฟ้องนายศักดิ์ชัย กาย บรรณาธิการบริหารนิตยสารลิปส์ คนดังในแวดวงไฮโซ เป็นจำเลย ในความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2543 จำเลยปลอมใบถอนเงิน ธ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีลายมือชื่อของ พล.ต.ต.เพ็ชร์ ณ ป้อมเพ็ชร์ นำไปถอนเงินจำนวน 158,330,000 บาท ในรูปของแคชเชียร์เช็คแล้วนำไปเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลย เหตุเกิดที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2559 พิพากษาให้ยกฟ้องจำเลย ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์คดี ศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อวันที่ 13 มี.ค.2560 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า แม้ขณะที่ พล.ต.ต.เพ็ชร์ ณ ป้อมเพ็ชร์ สั่งจ่ายเช็คมีอายุมากแล้ว และจะต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล แต่เมื่อพิจารณาประกอบกับพยานโจทก์ที่เบิกความแล้ว ปรากฏว่าโจทก์เข้ารักษาอาการป่วยตามปกติซึ่งไม่รุนแรง ไม่ถึงกับขาดสติสัมปชัญญะ จนถึงขั้นไม่สามารถทำนิติกรรมได้ อีกทั้งตามที่พยานเจ้าหน้าที่ธนาคารเบิกความนั้น โจทก์ไม่เคยโต้แย้งการเคลื่อนไหวทางบัญชี ทั้งที่มีความรู้ความสามารถต้องเข้าใจการทำนิติกรรมเป็นอย่างดี ขณะที่การปลอมลายมือชื่อมีเพียงพยานโจทก์เบิกความลอยๆ เชื่อได้ว่าเป็นลายมือชื่อของ พล.ต.ต.เพ็ชร์ ณ ป้อมเพ็ชร์ จริง

...

พยานหลักฐานยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ส่วนที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงหรือไม่ โจทก์บรรยายฟ้องในฐานปลอมเอกสารทำให้โจทก์เสียหาย ไม่ได้บรรยายว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกงอย่างไร ศาลมิอาจพิพากษาได้ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนให้ยกฟ้อง

ภายหลังนายศักดิ์ชัยให้สัมภาษณ์หลังศาลฎีกายกฟ้องว่า ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 15 ปี ถูกโลกโซเชียลโจมตีอย่างโหดร้ายกับตนมาก แต่ด้วยความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ขอต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ กระทั่งวันนี้ความจริงปรากฏแล้วว่าตนไม่มีความผิดตามฟ้อง เมื่อศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ตลอดเวลาที่ผ่านมาตนไม่เคยให้สัมภาษณ์ เพราะเห็นว่าเป็นคดีครอบครัว ไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ขอเงียบมาตลอด ในส่วนคดีแพ่งที่ตนถูกฟ้องด้วยนั้น ศาลมีคำสั่งให้พักเพื่อรอคำพิพากษาในส่วนของคดีอาญาคดีนี้ ส่วนคดีที่ตนฟ้องกลับคดีแพ่งนั้น อาจจะเกิดความสับสนเพราะคดีมันมากมายเหลือเกิน คิดว่าจะถอนฟ้องคดีทั้งหมดเช่นกัน