ภายหลังที่ได้มีการประกาศโผรายชื่อตำรวจที่ขึ้นแท่นผู้บังคับการกองปราบคนล่าสุดออกไป ปรากฏว่า โลกโซเชียล ได้พากันขุดคุ้ยค้นหาชื่อ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบก.ป. จนกลายเป็นมีชื่อติดอันดับคำค้นหาที่ถูกเสิร์ชมากที่สุดในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตรอบวันที่ 17 กันยายน 2561 ...แน่นอนว่าหลายคนอยากรู้จักเขา ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ พาไปเปิดประวัติ ว่าที่ผู้บังคับการกองปราบคนใหม่ "ที่พึ่งสุดท้าย ที่หมายพึ่ง" ของคนไทยทั้งประเทศ
ในรอบหลายปีที่ผ่านมา มีคดีดังๆ เกิดขึ้นมากมายในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น ฆาตกรรมอำพรางเสี่ยชูวงษ์, ฆ่าโบกปูนเพื่อนร่วมชาติ, คดีหลอกลวงผู้เสียหายหลายรายซื้อหุ้น IPO, คดียิงนายสมยศ สุธางค์กูร เจ้าพ่อพระราม 9 คาเฟ่, คดีหญิงไก่ ลวงโลก, น้ำมนต์ หญิงสาวหลอกผู้ชายแต่งงานเชิดสินสอด รวมไปถึง ทอมคดีโชกุน หลอกลูกทัวร์ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งในการลงพื้นที่ไขคดีดังของว่าที่ผู้การกองปราบ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งนั่งเก้าอี้ตัวจริงในเร็ววันนี้
พ.ต.อ.ดร.จิรภพ ภูริเดช รองผบก.ป. จบมัธยมที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 34 นักเรียนนายร้อยรุ่น 50 จบปริญญาโท คณะ MIS Management Information System (การบริหารข้อมูลสารสนเทศ โดยใช้คอมพิวเตอร์) Central Michigan University สหรัฐอเมริกา จบปริญญาเอก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะเทคโนโลยีและนวัตกรรม จบหลักสูตร 11 สัปดาห์ สืบสวนสอบสวนกลาง Federal Bureau of Investigation (FBI Academy) เมืองควอนติโก รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา FBINA#271 ฯลฯ และหลักสูตรชั้นนำระดับโลกมากมาย
...



"จิรภพ ภูริเดช" หรือก้อง บุตรชายของ พล.ร.อ.สมภพ ภูริเดช อดีตผู้การเรือรบหลวง และยังมีพี่ชายเป็นทหารอากาศ ....ในวัยเด็กเขาฝันอยากจะเป็น นักบินไอพ่น F5 F16 กระทั่งเรียนจบ ม.4 ได้ทำตามคำแนะนำของคุณพ่อ สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเข้าเป็นรุ่นที่ 34
"เอาจริงๆ สมัยนั้น เพื่อนๆ ไม่ค่อยมีใครอยากเป็นทหาร ตำรวจ เพราะว่าทุกคนอยากเป็นวิศวะ, หมอ, คอมพิวเตอร์ ส่วนตัวเองชอบเรียนคำนวณ กระทั่งพอ ม.4 คุณพ่อให้ไปลองสอบเตรียมทหาร แต่ไม่บังคับว่าต้องเลือกเหล่าไหน คือคุณพ่อพี่เป็นทหารเรือ หลังจากไปสอบ พี่ก็คิดเลยว่าคงไม่เลือกทหารเรือ เพราะความตื่นเต้นท้าทาย รู้สึกว่าตัวเองเหมาะกับการขับเครื่องบินไอพ่นมากกว่า แต่...ลองคิดอีกที คือต้องเรียนยาว จบ 8 ปี ยังไม่ได้หมายความว่า ต้องได้เป็นนักบินไอพ่น F16 ทันที รู้สึกว่าโอกาสไม่แน่นอน แต่หากเป็นทหารอากาศแล้ว ไม่ได้เป็นนักบินไอพ่น ก็ไม่อยากเป็น เมื่อคำนึงโอกาสต่างๆ แล้วจะได้เป็นอย่างที่คาดหวังรึไม่ เลยคิดว่าอาชีพที่ตื่นเต้นรองลงมาก็คือการเป็นตำรวจ จึงเลือกสอบเป็นตำรวจ”
...
จบนอกด้านเทคโนโลยี ปรับใช้พัฒนาตามล่าคนร้าย
"รองก้อง" บรรจุในตำแหน่งแรกเป็น รองสารวัตรฝ่ายปฏิบัติการที่ 3 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) จากนั้นได้ลาไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา สมัยเรียน นรต. เราเรียนกฎหมายกับรัฐศาสตร์เป็นหลัก ส่วนตัวชอบคำนวณกับคอมพิวเตอร์ ไปเรียนคณะ MIS (Management Information System) การบริหารข้อมูลสารสนเทศ บริหารโดยใช้คอมพิวเตอร์ เรียนกึ่งๆ ระหว่างธุรกิจกับคอมพิวเตอร์ สิ่งที่ได้มาจากการเรียน 2 ปี ได้ 2 ภาษา คือภาษาอังกฤษ และภาษาคอมพิวเตอร์ ปี 2544 ก็เอากลับมาใช้ โดยลงตำแหน่งที่กองปราบฯ อยู่แผนก 2 กอง 1 นำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ให้เข้ากับงานด้านสืบสวน
“สมัยนั้นอยู่กองปราบฯ ได้ทำงานร่วมกับพี่ๆ ตำรวจมากฝีมือหลายคน มีประสบการณ์พอสมควร กระทั่งขึ้นเป็นสารวัตร ได้ไปติดยศ พ.ต.ต. งานสืบสวนท่องเที่ยว รับทำคดีสำคัญๆ เกี่ยวกับงานอาชญากรรมด้านสืบสวน ซึ่งก็ได้นำวิชาสืบสวนจากกองปราบฯ ไปใช้ในคดีต่างๆ โชคดีที่เรามีเทคนิค มีองค์ความรู้ไปพอสมควร ทำให้งานในคดีอาชญากรรมที่เกาะภูเก็ตซึ่งมีไม่มากนักได้ง่ายขึ้น หน้างานหลักจะทำคดีอาชญากรรม - คดีต่างชาติโดยตรง ไม่ค่อยได้ทำเชิงบริการดูแลนักท่องเที่ยวเหมือนตำรวจท่องเที่ยวทั่วไป”
ต่อมา "รองก้อง" ขึ้นตำแหน่งรองผู้กำกับท่องเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต ก่อนจะขึ้นเป็น ผู้กำกับท่องเที่ยวภูเก็ต และโยกกลับมาเป็น ผกก.1 บก.ป. เมื่อปี 2557 ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติความภาคภูมิใจของตำรวจนายหนึ่ง ที่ได้รับมอบหมายดูแลตำแหน่งสำคัญใน บช.ก. ตั้งใจจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

...

ผลงานด้านสืบสวน ไม่ธรรมดา ได้รับมอบหมายจับคดีใหญ่ระดับประเทศ
ช่วง 2 ปีในตำแหน่งผู้กำกับกอง 1 พ.ต.อ.จิรภพ ทำคดีสำคัญหลายคดี ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า จริงๆ คือมีหลายคดี เพราะกอง 1 รับผิดชอบพื้นที่นครบาลและเขตรอยต่อ กระทั่งมานั่งเก้าอี้รองผู้บังคับการกองปราบ ยังคงรับผิดชอบหน้างานคดีสำคัญของ กอง 1 กอง 2 และกอง 3 คุมพื้นที่ทั้งกรุงเทพฯ ภาคตะวันออก และภาคอีสาน เรียกได้ว่าในห้วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผลงานจับกุมคดีดังล้วนแล้วแต่เป็นทีมงานผู้กำกับก้องแทบทั้งสิ้น เช่น
1. คดียักยอกเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) คดีนี้ออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 14 คน จับกุมตัวได้หมดแล้ว // 2. คดีหลอกลวงผู้เสียหายหลายรายซื้อหุ้น IPO // 3. คดีปล้นรถขนเงิน บริษัทโพรเกรส กันภัย จก. (เหตุเกิดโลตัส พระราม 1) // 4. คดีการเสียชีวิตของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ซึ่งคดีนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 คดี ประกอบด้วย คดีปลอมเอกสารโอนหุ้น และคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ //
...
5. คดียิงนายสมยศ สุธางค์กูร เจ้าพ่อพระราม 9 คาเฟ่ //6. คดีจับหญิงไก่ // 7. คดีน้ำมนต์ ลวงแต่งงานเชิดสินสอด // 8. คดีทอมโชกุน หลอกลูกทัวร์ //9.คดีฆ่าโบกปูนเพื่อนร่วมชาติอิสราเอล ซุกไว้บ้านพักบางบัวทอง // 10.จับมือปืนรายสำคัญตามปฏิทิน หมายจับ ตร. นับไม่ถ้วน
อยากให้พูดถึงสิ่งที่เราทำในคดีต่างๆทั้งหมด ว่าการทำงานเป็นอย่างไร วิธีไขคดีมีวิธีคิดอย่างไร ถึงจะหาตัวคนผิดมาดำเนินคดีให้ได้
สำหรับงานที่ซับซ้อนและเป็นคดีดังให้ประชาชนตั้งข้อสงสัยมากที่สุด คงหนีไม่พ้นคดีโอนหุ้น และการตายของนายชูวงษ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนำสำนวนสอบสวนเพิ่มเติมส่งอัยการ คดีนี้ (เสี่ยชูวงษ์) ในฐานะที่เป็นผู้สืบสวน-สอบสวนเอง ก็ค่อนข้างมั่นใจในพยานหลักฐานหลายๆ อย่าง เรามีพยานหลักฐานประกอบทั้งหมด โดยเฉพาะสิ่งที่ผู้ต้องสงสัยให้การ รวมทั้งข้อมูลหลักฐานต่างๆ พอนำมาพิสูจน์แล้ว มันก็ไม่ใช่อย่างที่เขาให้ปากคำ เขาพูดไม่สอดรับกับความเป็นจริง เรามีทุกอย่างมาหักล้างในสิ่งที่เขาพูด ซึ่งก็ถือว่าเรามาถูกทางแล้ว แม้ว่าในทีแรกกระแสสังคมจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด แต่วันนี้คิดว่าสิ่งที่ตำรวจกำลังพิสูจน์อยู่มันทำให้ประชาชนเชื่อได้ ตัวผมเองและทีมงานพอใจสำหรับการทำคดีนี้ เพราะตำรวจทำดีที่สุดแล้ว หลังจากนั้นก็รอศาลตัดสิน”



หากย้อนกลับไปเมื่อสมัยเป็นตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ก็มีคดีเยอะพอสมควร โดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับพวกธุรกรรมการเงิน พวกแก๊งสกิมเมอร์ ลักลอบดูดข้อมูล เป็นแก๊งคนไทยก่อเหตุ โดยน่าเชื่อว่ามีชาวต่างชาติร่วมมือ มีวงเงินเสียหายเป็นพันล้าน ซึ่งก็จับได้ แล้วก็มีคดีฆ่าข่มขืนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และอีกหลายๆ คดี ซึ่งถ้าเปรียบเทียบแล้ว คดีมันไม่ได้มีเยอะ หรือมีมาให้ทำทุกวันเหมือนอยู่ที่กองปราบฯ
"การทำงานในฐานะตำรวจกองปราบฯ นั้นต้องยอมรับว่างานค่อนข้างยุ่ง คดีค่อนข้างเข้ามาเยอะ ประชาชนที่เดือดร้อนหรือมองไปทางไหนก็มืด 8 ด้าน เขาก็ไว้ใจที่จะมาพึ่งเรา หวังให้เราช่วยทำความจริงให้ปรากฏ ยุติธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนยินดีต้อนรับทุกระดับชั้น แต่ถ้าถามว่าตอนนี้คือคดีอะไรที่เกิดขึ้นเยอะที่สุด น่าจะเป็นคดีแอบอ้างสถาบัน นำไปสู่การต้มตุ๋นฉ้อโกงสารพัดรูปแบบ มิจฉาชีพจัดฉากกันเป็นเรื่องเป็นราว เหยื่อผู้เสียหายที่หลงเชื่อก็มาก มีกลโกงหลอกล่อสารพัดวิธี มูลค่าความเสียหายนับไม่ถ้วน"
ในส่วนการสืบสวนคดีอาชญากรรม ใช้วิธีพื้นฐานของตำรวจบวกกับจินตนาการความน่าจะเป็น และประสบการณ์ที่เรามี จนนำไปสู่การจับกุม เช่น เคสอิสราเอลฆ่าโบกปูน ที่สามารถจับได้ภายใน 24 ชม. ทีมงานลงพื้นที่ตามปกติ เมื่อมีการนำสืบไปจนถึงตัวผู้ต้องหา ก็ขอหมายเข้าไปค้นบ้านแล้วเจอศพโบกปูน
ใส่ใจผู้ใต้บังคับบัญชา ตำรวจยิ่งเก่ง ประชาชนยิ่งอุ่นใจ
ทางกองปราบฯ ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากรและทีมงานให้มีประสิทธิภาพ เพราะหากตำรวจในสังกัดเรายิ่งเก่งมากเท่าไร ประชาชนก็ยิ่งอุ่นใจ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาประยุกต์ใช้กับการทำงานของตำรวจ
"ในโลกยุคปัจจุบันเราปฏิเสธความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไม่ได้ เราต้องตามให้ทัน และใช้เทคโนโลยีช่วยเหลืองานของเราให้มากที่สุด ในส่วนตัวพี่เองนั้น ส่วนหนึ่งให้ความสำคัญกับหมายจับค้างเก่า ตอนเรียนปริญญาเอกเลยได้ศึกษาถึงปัจจัยต่างๆ ที่นำไปสู่ความสำเร็จในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาจากนักสืบที่เก่งๆ และนำมาประยุกต์กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยพัฒนาเป็นเครื่องมือที่ช่วยเหลืองานของตำรวจรุ่นใหม่ๆ ให้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่ง AI (Artificial Intelligence) เหล่านี้ จะยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจได้มากขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต ทางกองปราบฯ จึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ และเท่าทันต่อเทคโนโลยีในโลกยุคปัจจุบัน"


ที่ผ่านมา ได้มีการฝึกอบรมพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชา เราจัดให้มีโครงการขึ้นมาเสมอ อาทิ 1. โครงการโรงเรียนสืบสวนของ บก.ป. 2. อบรมข้าราชการตำรวจในสังกัดด้านต่างๆ โดยเชิญทั้งวิทยากรจากภายในประเทศและต่างประเทศมาให้ความรู้ 3. ฝึกอบรมยุทธวิธีตำรวจทุกวันพุธ 4. ฝึกการใช้อาวุธปืนพกสั้น 5. ทำเว็บไซต์ กก.1.บก.ป. (www.csdsub1.com) 6. พัฒนาศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.กก.1 บก.ป.) ฯลฯ
“โรงเรียนสืบสวนกองบังคับการปราบปราม พี่มีส่วนในการร่างโครงการเสนอผู้บังคับบัญชา โดยทุกวันจันทร์ช่วงบ่าย เราจะนำคนที่ชำนาญในด้านต่างๆ มาสอนให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา เดิมทีคิดทำเฉพาะกอง 1 กระทั่งทางผู้การฯ เห็นก็ชอบ เลยมากันทั้ง บก. พอผู้บัญชาการได้ยินก็รู้สึกว่ามันได้ความรู้จริง จึงนำมาทำกันทั้ง บช. ใครสมัครใจอยากมาฟังเราก็ยินดี เหมือนเราเป็นวิทยาทาน เจ้าหน้าที่ที่มาพูดให้ความรู้เราจะกำหนดไว้เลย ว่าวันนี้พูดเรื่องอะไร อาทิตย์นี้พูดเรื่องอะไร โครงการมี 1 ปี พูดทุกวันจันทร์ช่วงบ่าย เน้นเรื่องการสืบสวน ดูกล้องวงจรปิด เซตข้อมูลระบบต่างๆ ในการนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา”
เป็นตำรวจก็ต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบให้ดีกว่าอย่างอื่น
ตำรวจที่ดี อันดับแรกคือต้องทำหน้าที่ของตัวเองที่รับผิดชอบให้ดีที่สุดก่อน อย่าเพิ่งไปเริ่มทำอย่างอื่น เช่น เป็นตำรวจแล้วไปปลูกข้าว หรือไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่มันไม่สอดคล้องกับงานเรา ตำรวจที่ดีคือต้องให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ตรงไปตรงมา ทำงานด้วยความตั้งใจ ไม่ต้องออกแอ็กชั่นเยอะ และส่งผลดีให้กับประชาชนมากที่สุด อีกส่วนหนึ่งคือการพัฒนาร่างกาย พัฒนาศักยภาพ การออกกำลังกายของตำรวจ จะเห็นได้ชัดว่านายตำรวจที่สหรัฐอเมริกาค่อนข้างตัวใหญ่ดูแข็งแรง พร้อมรับทุกสถานการณ์ ส่วนตำรวจไทยทุกวันนี้ เท่าที่เห็นกันคือตัวเล็กมาก ดังนั้นจึงคิดว่าการออกกำลังกายให้แข็งแรงพร้อมลงพื้นที่ปฏิบัติงานจึงเป็นเรื่องที่ควรทำ


“ในฐานะตำรวจคนหนึ่ง อยากจะทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ประชาชนที่หนีร้อนมาพึ่งเรา ให้เราช่วยเหลือ เราช่วยได้ และไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลมืดใดๆ เราพร้อมจะทำทุกอย่างให้คลี่คลายโปร่งใสด้วยความเป็นธรรมอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาพี่มีครอบครัวเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ไอดอลของพี่ “พี่มีคุณพ่อเป็นไอดอล คุณพ่อพี่เป็นผู้การเรือ เป็นนักรบ - นักสู้ เรือหลวงที่ว่าดังๆ คุณพ่อพี่เป็นผู้การเรือมาหมดแล้ว ครอบครัวพี่จึงเป็นแรงบันดาลใจผลักดันให้เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน”
ไอโอกองปราบ ประสบความสำเร็จ เข้าถึงประชาชน
นอกจากนี้ "รองก้อง" ยังเป็นนายตำรวจคนแรกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่คิดริเริ่ม ทำไอโอ (Information Operations) แปลเป็นภาษาไทยตรงๆ คือ การปฏิบัติการข่าวสารของหน่วยงานกองปราบปราม เปิดรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนถึงตำรวจ ผ่านเฟซบุ๊ก "กองปราบปราม" เผยแพร่กฎหมายน่ารู้ และหมายจับผู้ต้องหาคดีอาชญากรรม ให้คำปรึกษาแก่ประชาชนโดยทีมพนักงานสอบสวนโดยตรง อีกทั้งยังมี อินโฟกราฟิก และคลิปวิดีโอข่าว ควบคู่ไปกับเผยแพร่ผลงานการจับกุมของตำรวจกองปราบปรามอีกด้วย ปัจจุบันมีผู้ติดตามแล้วทั้งสิ้น ร่วม 406,975 ราย กลายเป็นต้นแบบให้กองบัญชาการอื่นๆขยับตื่นตัวทำตามในเวลาต่อมา
**ข้อมูลที่นำเสนอทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานข้อเท็จจริงที่ "จิรภพ ภูริเดช" ได้ฟอร์มทีมงานคุณภาพ กวาดจับอาชญากรเหล่าร้าย เป็นที่ปรากฏชัดเจนออกสู่สายตาประชาชนมาแล้วหลายยุคหลายสมัย ด้วยวิสัยทัศน์กว้างไกล "ลมใต้ปีก" ใช้ความสามารถ และความจริงใจของตัวเอง ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะผู้ใต้บังคับบัญชา ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิบัติภารกิจให้ประสบผลสำเร็จ** ทางทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ รู้สึกชื่นชมในผลงาน และเห็นพ้องต้องกันว่า พ.ต.อ.ดร.จิรภพ ภูริเดช รองผบก.ป. เหมาะสมที่จะขึ้นนั่งเก้าอี้ ผู้บังคับการกองปราบ คนต่อไป ด้วยความภาคภูมิใจในฝีไม้ลายมือ อันเปี่ยมล้นไปด้วยคุณภาพอย่างแท้จริง.

ข่าวบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับ จิรภพ ภูริเดช