ศาลอาญาลงทัณฑ์สถานหนัก แก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ มีชาวซูดานโอนสัญชาติออสเตรเลียเป็นหัวหน้าแก๊ง ร่วมกับชาวซูดานโอนสัญชาติเป็นซีเรีย แม่เล้าชาวโมร็อกโก และสมุนคนไทยรวม 5 คน ร่วมกันลวงหญิงสาวชาวโมร็อกโก 4 คนมาทำงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารในประเทศไทย พอมาถึงถูกขู่บังคับให้ขายตัวในผับดังกลางกรุง ศาลตัดสินความผิดหลายข้อหาลงโทษจำคุกคนละ 16 ปี ส่วนหัวหน้าแก๊งโดนเพิ่มอีก 3 ปี รวมเป็น 19 ปี ทนายจำเลยรีบยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 2 ล้านบาท แต่ศาลชั้นต้นให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณา ต้องนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำรอการพิจารณา

ศาลตัดสินคดีแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติลวงสาวชาวโมร็อกโก มาบังคับค้าประเวณีย่านซอยนานา เปิดเผยขึ้นที่ห้องพิจารณา 708 ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ก.ค. ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายไมเคิล เพิร์ล อายุ 46 ปี ชาวซูดาน สัญชาติออสเตรเลีย นายแคสสัน วาคีย์ อายุ 37 ปี ชาวซูดาน สัญชาติซีเรีย นายฉลาด หรือชัยรัตน์ นราจันทร์ อายุ 63 ปี นายอารีย์ หรือชยากร เอี่ยมสารี อายุ 41 ปี และนางฮานา เตายูรี อายุ 38 ปี สัญชาติโมร็อกโก ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ฐานร่วมกันค้ามนุษย์ เป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณีฯ

กรณีระหว่างวันที่ 11 ต.ค.2559 ถึงวันที่ 26 มี.ค.2560 นายไมเคิล จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของและผู้จัดการดรีมดิสโก้ ตั้งอยู่บริเวณชั้น 4 โรงแรมซีนิท สุขุมวิท กรุงเทพ ซอยสุขุมวิท 3 (นานาเหนือ) แขวงคลองเตย เขตวัฒนา กทม. ร่วมกับจำเลยอื่นๆวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำ ใช้กลอุบายหลอกลวงผู้หญิงชาวโมร็อกโกรวม 4 คน ไปหน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขืนใจให้ผู้เสียหายค้าประเวณี เหตุเกิดแขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนาและประเทศโมร็อกโกเกี่ยวพันกัน จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว โจทก์มีพยานหลักฐานจากบันทึกการสอบสวนผู้เสียหายที่ 1 และ 2 ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนางฮานา จำเลยที่ 5 ชักชวนให้ผู้เสียหายทั้ง 4 คน เดินทางจากประเทศโมร็อกโกเข้ามาทำงานในประเทศไทย อ้างว่าทำงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารรายได้ดี จึงเดินทางเข้ามาประเทศไทยผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จากนั้นนั่งรถโดยสารมาย่านสุขุมวิท พาไปพักที่โรงแรมแบกแดด บูติก โฮเต็ล ซอยสุขุมวิท 3/1 แขวงคลองเตย เขตวัฒนา กรุงเทพฯ หลังจากนั้นพาไปทำงานที่ผับดรีม ดิสโก้ ที่นายไมเคิลเป็นเจ้าของ ส่วนจำเลยที่ 2 3 และ 4 เป็นลูกน้อง ก่อนผู้เสียหายถูกบังคับให้ขายบริการ หากไม่ทำจะถูกทำร้าย เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความสอดคล้องกัน ที่จำเลยทั้ง5 อ้างว่า ไม่เคยบังคับผู้เสียหายให้ค้ามนุษย์เป็นคำเบิกความลอยๆไม่มีน้ำหนักให้เชื่อถือ จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง

...

พิพากษาว่า ลงโทษจำเลยทั้ง 5 คน ฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ จำคุกกระทงละ 2 ปี จำนวน 2 กระทง เป็นจำคุกคนละ 4 ปี ฐานสนองความใคร่ของผู้อื่น โดยเป็นธุระจัดหาล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจาร จำคุกกระทงละ 6 ปี 2 กระทง เป็นจำคุกคนละ 12 ปี รวมจำคุกทั้ง 5 คน คนละ 16 ปี ส่วนนายไมเคิล จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของร้านมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 ม.4 และ 11 วรรคหนึ่งอีกกระทงด้วย ให้จำคุก 3 ปี รวมจำคุกนายไมเคิลจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 19 ปี

ต่อมาทนายความจำเลยทั้ง 5 คน ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ศาลอาญาพิจารณาแล้วเห็นควรส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณามีคำสั่งประกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องนำตัวจำเลยทั้ง 5 คนไปควบคุมไว้ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อรอคำสั่งเรื่องประกันต่อไป