คนแห่เที่ยวปราสาทตาเมือนธมช่วงวันหยุดยาวช่วงเข้าพรรษาล้นหลาม วันละกว่าครึ่งหมื่น แต่เกิดเหตุชุลมุนเมื่อนักท่องเที่ยวไทยเล่นทีเผลอโดดชกหน้าทหารเขมร ล่าสุด กองทัพบกชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้เสียหายแล้ว ไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ พบมือชกเป็นอดีตอาสาสมัครทหารพรานค่ายปักธงชัย พร้อมส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง แต่เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวในวันสำคัญทางพุทธศาสนา ทำให้ตามด่านชายแดนมีแต่ความเงียบเหงา ต่างจาก 3 ปราสาทโบราณ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กลับมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าเที่ยวชมปราสาทอย่างคึกคักทั้งนี้ ตลอดวันที่ 13 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก มีประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางมามอบสิ่งของให้กำลังทหารและเข้าชมปราสาทตาเมือนธมเป็นจำนวนมาก คาดว่ามีจำนวนไม่น้อยกว่าวันก่อนๆที่ผ่านมา โดยช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษาเมื่อวันที่ 11 ก.ค. มีคนไทยเข้ามาชมปราสาทตาเมือนธม 5,914 คน ชาวกัมพูชา 582 คน ส่วนวันที่ 12 ก.ค.มีคนไทยเข้ามา 6,266 คน ชาวกัมพูชา 1,292 คน โดยชาวกัมพูชาที่เข้ามา บางคนได้แสดงออกในเชิง สัญลักษณ์ด้วยการคล้องผ้าขาวม้าที่มีรูปธงชาติเข้ามาในพื้นที่ มีการยืนถ่ายรูปด้วยการใช้มือยกเปิดผ้าขาวม้าโชว์รูปธงชาติตลอดเวลา บางคนแอบคลี่ยกชูรูปธงชาติเพื่อถ่ายรูปในจังหวะที่เจ้าหน้าที่ไทยเผลอ ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างกันที่ห้ามแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ใดๆต่อมาในช่วงบ่าย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในโลกออนไลน์มีการเผยแพร่ภาพคลิปเหตุการณ์ชาย 2 คน ใส่ชุดสีดำ โดยชายที่สวมหมวกทำทีเข้าไปพูดคุยและขอจับมือทหารกัมพูชา ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาเผลอ ชาย 2 คนดังกล่าวได้ชกทหารกัมพูชาก่อนวิ่งหนีไป โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.20 น. เจ้าหน้าที่กัมพูชาคาดว่าชาย 2 คนดังกล่าวน่าจะเป็นคนไทย ซึ่งมีรายงานในเวลาต่อมาว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ควบคุมตัวชายทั้ง 2 คนดังกล่าวได้แล้ว เป็นคนไทยทั้งคู่ เป็นชาวบ้าน 1 คน อดีตทหารพราน 1 คน ระบุเหตุเกิดจากนักท่องเที่ยวกัมพูชาเกณฑ์มานั่งแช่ จองที่ เลยมีปากเสียงกัน ก่อนทหารกัมพูชาเข้ามาแยก แต่ทางกัมพูชายังพูดยั่วยุไม่หยุด จึงบันดาลโทสะอย่างไรก็ตาม เวลา 17.00 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 13 ก.ค. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่าได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชา ชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมาพล.ต.วินธัยกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึก จ.สมุทรสาครทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทหารกัมพูชานายดังกล่าวที่ถูกทำร้าย มีอาการบวมเล็กน้อยที่โหนก แก้มซ้าย แต่ยังคงยืนทำหน้าที่แนะนำนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่เดินขึ้นมาเที่ยว และห้ามเดินข้ามเกินขอบที่กำหนด บริเวณหมุดจีพีเอส ซึ่งมีทหารไทยและผู้นำชุมชนมายืนแนะนำนักท่องเที่ยวชาวไทยเช่นกัน ส่วนนายสมหมายกับเพื่อนที่ถูกควบคุมตัวนั้น เจ้าหน้าที่ทหารไทยได้เข้าไปเตือนสติ และให้ระงับอารมณ์ โดยอธิบายให้ชายดังกล่าวฟังว่าในพื้นที่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ไม่สมควรไปตอบโต้และกระทำในลักษณะดังกล่าว นอกจากนี้ ผู้นำชุมชนในพื้นที่ระบุด้วยว่ากลุ่มชายดังกล่าวมาด้วยกัน 3 คน และเคยมาร่วมกับกลุ่มคนไทย เพื่อร่วมกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่มาแล้วเมื่อช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งจากนี้ทหารและฝ่ายปกครองจะมีการคัดกรองอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้บุคคลเข้ามาสร้างสถานการณ์อีกวันเดียวกัน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เรียกประชุมคณะทำงานคดีก๊ก อาน และคดีคลิปเสียงสมเด็จฮุน เซน คุยกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดย พล.ต.ท.ไตรรงค์เปิดเผยว่า คดีก๊กอาน ตำรวจขยายผลจากที่ปูพรม 19 จุด เปิดยุทธการปิดตึกบัญชีม้า ล่านายทุนเขมร ทลายเครือข่ายก๊กอาน เจ้าพ่อ crown casino คนสนิทฮุน เซน ยึดรถหรู-เงิน 27 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ได้ตั้งคณะทำงานสืบสวนคดีที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาและกระทำความผิดอันมีลักษณะขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ประกอบด้วยบุคคลหลายสัญชาติ ส่วนกรณีคลิปเสียงสมเด็จฮุน เซนกับนายกฯอิ๊งค์ ขณะนี้คืบหน้าไปมาก ภายในสัปดาห์หน้าจะนำสำนวนทั้งหมดส่งให้อัยการเป็นผู้พิจารณาเอาผิดสมเด็จฮุน เซนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่