ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา “สปสช.” สรุปผลการรับฟังความคิดเห็นทั่วไปต่อระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปี 2568 ทุกฝ่ายเห็นพ้องบัตรทองต้องเดินหน้าต่อไป ด้วยความร่วมมือ โปร่งใส เน้นความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ

พัฒนา “งบประมาณ” และ “บริการ” ให้ตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง

ข้างต้นนี้มาจากเวทีสาธารณะ การประชุมรับฟังความคิดเห็นทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ประจำปี 2568 “มองอนาคตสิทธิบัตรทองของคนไทย : ข้อเสนอเพื่อความยั่งยืน”

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) บอกว่า การรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้เป็นการจัดรับฟังความคิดเห็นในระดับประเทศ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรก...ผลการรับฟังความคิดเห็นในระดับพื้นที่จากทั้ง 13 เขตทั่วประเทศ มีข้อเสนอ 709 ข้อ รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นในที่ประชุมครั้งนี้อีก 72 ความเห็น...สรุปข้อเสนอจาก 5 กลุ่มภาค ใน 4 ประเด็น

ประกอบด้วย ประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุข เช่น เพิ่มทางเลือกยา ขยายสิทธิการตรวจคัดกรอง เพิ่มสิทธิประโยชน์กลุ่มเปราะบาง, มาตรฐานการให้บริการสาธารณสุข เช่น กำกับติดตามมาตรฐาน พัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูล และการขยายหน่วยบริการ

การบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น แยกเงินเดือนบุคลากร ปรับเพิ่มอัตราจ่ายชดเชยค่าบริการ ปรับปรุงระบบเบิกจ่าย และการรับรู้และคุ้มครองสิทธิ เช่น การเผยแพร่สิทธิ การแก้ปัญหาการเรียกเก็บเงินส่วนต่างค่าบริการ และการสนับสนุนศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง

 ส่วนที่สอง...ผลการรับฟังความคิดเห็นจากเวทีเสวนา สามารถแบ่งออกเป็นรายกลุ่ม คือ “ผู้ให้บริการ” มีข้อเสนอให้เพิ่มงบประมาณเยี่ยมบ้านและแยกเงินเดือนออกจากงบเหมาจ่าย...“ผู้รับบริการ” เรียกร้องความเท่าเทียมในสิทธิและมาตรฐานบริการ รวมถึงการเข้าถึงบริการสำหรับคนไร้บ้านและกลุ่มเปราะบาง

...

“องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” เสนอให้รวมกองทุน สปสช. ในระดับพื้นที่ เพื่อลดขั้นตอนการโอนงบและขยายวัตถุประสงค์ของกองทุน และ “กลุ่มเฉพาะ” เสนอให้เพิ่มสิทธิในการคัดกรองโรคจากการประกอบอาชีพและขยายสถานชีวาภิบาลให้ครอบคลุม

สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ย้ำว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเกิดขึ้นจากความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการให้คนไทยทุกคนมีหลักประกันในการเข้ารับการรักษาพยาบาล

โดยที่ประชาชนต้อง “ไม่ยากจน” หรือ “ล้มละลาย” เพียงเพราะความเจ็บป่วย

“รัฐบาลมีนโยบายที่จะยกระดับหลักประกันสุขภาพ จาก 30 บาท รักษาทุกโรค ให้เป็น 30 บาท รักษาทุกที่ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ลดเวลา ค่าใช้จ่าย และสามารถรองรับความต้องการใหม่ๆ จากสถานการณ์สังคมสูงวัย”

เวทีรับฟังความคิดเห็นทั่วไปในครั้งนี้ จะสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ เชื่อว่า...ความคิดเห็นและข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ จะนำไปพัฒนาต่อยอดระบบบัตรทองให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ ตรงตามความต้องการของประชาชนในฐานะเจ้าของหลักประกันสุขภาพ

นอกจากนี้ ยังมีการสรุปข้อเสนอและข้อคิดเห็นจากการประชุม Policy Forum หัวข้อ “บัตรทองจะไปต่ออย่างไร เมื่อปัญหาเดิมยังวนซ้ำไม่จบ?” ประเด็นนี้ ทพ.อรรถพร บอกว่า จะแบ่งเป็นกลุ่มผู้รับบริการ เสนอให้เน้นสิทธิการเข้าถึงบริการ การลดความซับซ้อนการส่งต่อ พัฒนาการสื่อสารประชาสัมพันธ์และอุปกรณ์

สำหรับผู้พิการ การกระจายทรัพยากรและงบประมาณอย่างเท่าเทียม ตลอดจนการส่งเสริมความรู้สิทธิประโยชน์ให้เยาวชน และการสร้างระบบบริการสุขภาพที่มีมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ

ขณะที่กลุ่มผู้ให้บริการเสนอให้มุ่งปรับระบบงบประมาณและกลไกการเงินให้เหมาะสม โปร่งใส เป็นธรรม สะท้อนต้นทุนจริง พัฒนาการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ลดภาระค่าใช้จ่ายระยะยาว เน้นความร่วมมือระหว่าง สปสช. ผู้ให้บริการ และผู้รับบริการการสื่อสารที่ชัดเจนและการสร้างความเท่าเทียมในทุกมิติ

โดยสรุปคือทุกฝ่ายเห็นพ้องว่า “ระบบบัตรทอง” ต้องเดินหน้าต่อไป ด้วยความร่วมมือ โปร่งใส เน้นความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนางบประมาณและบริการให้ตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง

และ...ทุกๆข้อเสนอแนะที่ได้รับ สปสช.จะนำเข้าสู่กระบวนการและนำเสนอต่อบอร์ด สปสช. เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต่อไป

ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี ประธานคณะอนุกรรมการสื่อสารสังคมและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ให้และผู้รับบริการสาธารณสุข ในฐานะเป็นประธานเปิดการประชุมฯ เสริมว่า การจัดรับฟังความเห็นฯในปีนี้ สปสช.ได้ดำเนินการจัดการรับฟังอย่างครอบคลุมทุกมิติและทุกช่องทาง

นอกจากการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นฯ ครบทั้ง 13 พื้นที่และได้ส่งมอบผลสรุปรับฟังความคิดเห็นฯ รวมจำนวน 638 ข้อแล้ว ยังได้บูรณาการเข้ากับงานประจำทำให้ได้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่สะท้อนปัญหาและอุปสรรคต่างๆ จากมุมมองจากภาคส่วนต่างๆอย่างแท้จริง

อันจะนำไปสู่การพัฒนาระบบที่ยั่งยืน...ที่เป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อน “ระบบบัตรทอง”

ตอกย้ำแนวทาง “หลักประกันสุขภาพ” คือการ “ลงทุน” ไม่ใช่การ “สงเคราะห์”

หากทรัพยากร “คน” มีสุขภาพที่ดี มีหลักประกันหากเกิดโรคภัยไข้เจ็บประเทศก็สามารถพัฒนาได้...ขณะเดียวกัน หลักประกันสุขภาพก็ไม่ได้เป็นไปเพื่อคนยากจนเพียงอย่างเดียว แต่ทุกคนต้องมีสิทธิเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเสมอภาค ถ้วนหน้า และมีส่วนร่วมในการเป็น “เจ้าของ”.

...

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม