ชื่อเรื่องคำวิจารณ์ของเด็กน้อย อยู่ในหนังสือเรื่องเล็กๆ ความหมายใหญ่ๆ (สุริยเทพ ไชยมงคล สำนักพิมพ์อินสไปร์ เครือนานมี พ.ศ.2553) ผมเคยอ่านแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยเอามาเล่าต่อ
มีภาพเขียนเก่าอมตะ วาดโดยเหอเฉิง จิตรกรผู้ยิ่งใหญ่สมัยราชวงศ์หยวน มีชื่อภาพว่า “ท่านแม่เถาตัดผม”
ภาพเขียนนี้ ท่านผู้รู้ทั้งหลายรู้ เรื่องราวมาจากนิทานที่บันทึกไว้ในชุมนุมนวนิยายสมัยโบราณจีน รวบรวมโดยหลิวอี้ชิง ความหมายลึกซึ้งที่ซ่อนไว้ในภาพ ชายยากจนชื่อเถาข่าน วันหนึ่งเพื่อนชื่อลู่ขุยมาเยี่ยมบ้าน เขาไม่มีเงินซื้อเหล้าเลี้ยงเพื่อน
แต่แม่ของเถาข่านแสดงน้ำใจ ตัดผมไปขายเพื่อเอาเงินมาให้ลูก
ขณะที่ผู้รู้รุ่นเก่าดูภาพนี้แล้ว ต่างก็ซาบซึ้งถึงน้ำใจเสียสละของแม่ แต่ภาพนี้ในสายตาของเยวี่ยจู้ เด็กชายสมัยใหม่ วัยแปดขวบ เขาทำเอาท่านผู้ใหญ่ทั้งหลาย...อึ้งทึ่ง พูดอะไรแทบไม่ออก
“ข้อมือแม่เถาข่านมีกำไลทองใส่อยู่” เขาวิพากษ์เสียงดัง
“ทำไม ไม่ขายกำไลทอง ต้องไปตัดผม”
แม้เป็นคำพูดดูเหมือนพล่อยๆจากปากเด็กไร้เดียงสา แต่เนื้อหาคำพูดนี้มีเหตุผลรองรับ
ปราชญ์จีนเคยกล่าว ร่างกาย ผิวหนัง เส้นผม เป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้ มิอาจทำลายได้ ทั้งที่กำไลทองก็มีราคาสูงกว่าผมมาก สามารถแลกเงินมาซื้อเหล้าให้ลูกเลี้ยงแขกได้ง่ายๆ
เนื้อหาเรื่องเล็กๆจบแค่นี้ มีคำอธิบายความหมายใหญ่ๆต่อ
เยวี่ยจู้ เด็กไร้เดียงสา ทำความเข้าใจกับความหมายในภาพ โดยอิงจากประสบการณ์ชีวิต และความคิดเห็นของเด็กๆที่มีจำกัด
แม้จะเป็นคำวิจารณ์ ที่ไม่ตรงกับสิ่งที่จิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ต้องการถ่ายทอด แต่กระนั้น คำวิพากษ์ของเขา ก็เป็นมุมมองใหม่ ที่ผู้ใหญ่ยอมรับว่าน่าสนใจไม่น้อย
โดยปกตินิสัยวัยรุ่นมักเข้าใจว่าเรื่องราวและประสบการณ์ที่ตัวเองพบผ่านนั้นมากมาย และมักคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว
...
สวนทางกับคำกล่าวของปราชญ์จีนโบราณอบรมสั่งสอนเด็ก
“ถ้าเหนือปากยังไม่มีหนวด ทำอะไรก็จะไม่สำเร็จ”
แต่แท้จริงแล้วในสังคมสมัยใหม่ หลายครั้งเด็กวัยรุ่นก็มีมุมมอง ที่ทำให้พวกผู้ใหญ่...คาดไม่ถึง
ผู้บริหารที่มีคุณวุฒิสูงในองค์กรย่อมไม่ปฏิเสธความคิด
หรือวิธีการใหม่ๆของผู้ใต้บังคับบัญชา บางครั้งสิ่งที่พวกเขาคิด อาจจะใช้ไม่ได้ในครั้งนี้
แต่ก็ไม่แน่ว่าครั้งหน้าความคิดนั้นอาจจะใช้ได้
พวกเจ้านายที่มักคิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ มองข้ามความคิดสร้างสรรค์ของลูกน้อง ก็อาจทำให้ประตูสู่ความสำเร็จมีน้อยลงโดยไม่รู้ตัว
บทสรุปของคำอธิบายความหมายใหญ่ๆ...สังคมใดที่ไม่ยอมเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของวัยรุ่น สังคมนั้นอาจไม่พัฒนาไปอย่างสอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้คนในอนาคต
เพราะแท้จริงแล้ว เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้าที่จะ ขับเคลื่อนสังคมในอนาคต
ผมตั้งใจเอาเรื่องคำวิจารณ์ของเด็กน้อยมาขยายต่อ ก็เพราะเบื่อพวกผู้ใหญ่...ที่เล่นการเมืองไม่เป็นโล้เป็นพาย บางพวก
พอโล้พอพายเป็น แต่ก็พายเรือวนอยู่แต่ในอ่าง
เปิดใจยอมรับบางมุมมองของเด็กๆบ้าง ไม่แน่หรอก! เด็กเอ๋ย เด็กน้อยในวันนี้ จะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในวันหน้า และก็ต้องขอออกตัว ไม่ใช่เด็กน้อย...ไร้เดียงสา ที่มีเสียงบ่นมีคนเบื่อทั้งเมืองในวันนี้.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม