เหตุสะเทือนขวัญเมืองท่องเที่ยวสำคัญกับคดีชายฉกรรจ์ 15 ราย ใช้กำลังทำร้ายและพยายามปล้นทรัพย์ ข่มขู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ 13 หมาย ออกหมายเรียก 2 ราย

ผู้ต้องหา 12 รายมอบตัวอยู่ระหว่างสอบปากคำที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา นำตัวฝากขังดำเนินคดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชนทุกคนต้องอยู่ดีมีสุข และมีความมั่นใจในความปลอดภัย

พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ (ศนรด.ตร.) และ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ ลงพื้นที่ประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เร่งรัดติดตามความคืบหน้าคดีร้ายแรง

มอบ 4 นโยบาย

1.ให้ สภ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกับสืบสวน เปิดปฏิบัติการ “ปิดเมืองไล่ล่า อยุธยาต้องผาสุก” กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายหรือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ปิดเมืองตรวจค้นจับกุม

2.รุกเข้าหาเป้าหมายทำลายเครือข่ายต่างๆ เพื่อไม่ให้มีการขยายเครือข่ายและหยุดยั้งเครือข่าย

ไม่ให้เอาเยี่ยงอย่าง

3.เร่งดำเนินการเรื่อง “คดีค้างเก่า” ที่มีหมายจับในคดีสำคัญในเขตพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีที่เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐาน 17 ด้าน ในเรื่องของผู้มีอิทธิพล และความผิดคดีพิเศษ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน

4.จัดตำรวจลงพื้นที่พบปะพูดคุยพี่น้องประชาชนเพิ่มขึ้น รับฟังรับรู้ปัญหา สิ่งที่ประชาชนรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ เก็บข้อมูลข่าวสารต่างๆ ซึ่งตำรวจเก็บเป็นความลับขยายผลนำมาต่อยอดและวางแผนปฏิบัติ

ตามนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ให้ผู้บังคับบัญชาใส่ใจดูแลเป็นกำลังใจตำรวจ

...

...ที่สำคัญตำรวจต้องเข้าหาชุมชน.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th 

คลิกอ่านคอลัมน์ “เลขที่1 วิภาวดีฯ” เพิ่มเติม