รู้จัก “M60” ปืนกลเบากับบทบาท ในเหตุการณ์บุกถล่มสภ.จะแนะ–อาวุธสงครามในสนามรบที่ถูกใช้กับสถานีตำรวจ เรื่องเด่นประเด็นร้อนที่ถูกโพสต์ไว้ในเฟซบุ๊กเพจ “YalaToDay ยะลาทูเดย์” เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

กรณีเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เมื่อเช้าวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ณ สถานีตำรวจภูธรจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ที่กลุ่มคนร้ายมากกว่า 10 รายใช้อาวุธสงครามเปิดฉากยิงถล่มเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะเข้าแถวเคารพธงชาติ ถือเป็นหนึ่งในการโจมตีสถานที่ราชการอย่างอุกอาจ

และ...อันตรายที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา

แต่สิ่งที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคือ การที่ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) เผยหลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า พบปลอกกระสุนขนาด 7.62 จำนวนมากของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งคาดว่ามาจากปืนกล M60 จำนวน 2 กระบอก เป็นอาวุธหลัก

สะท้อน...ถึงการเตรียมการที่ซับซ้อน และการเข้าถึงอาวุธระดับกองทัพของกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ชายแดนใต้

“M60”...ปืนกลสงครามระดับกองทัพ เป็นปืนกลอเนกประสงค์แบบสายพาน (belt-fed) ที่ใช้กระสุนขนาด 7.62×51 มม.NATO มีอัตราการยิง 500-650 นัดต่อนาที และระยะยิงหวังผลมากกว่า 1 กิโลเมตร ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการรบในสนาม ด้วยคุณสมบัติยิงต่อเนื่องได้ยาวนาน

...จึงมักใช้ในสถานการณ์ป้องกันพื้นที่หรือโจมตีเป็นวงกว้าง

...

ความสามารถของ M60 ในการยิงแบบปูพรมแนวยาว ทำให้ระยะยิง 75-80 เมตรจากแนวป่าละเมาะกลายเป็น “จุดสังหาร” อย่างแท้จริง แม้ สภ.จะแนะ จะมีกำแพงสูงช่วยป้องกัน แต่ด้วยกระสุนพลังสูง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทราบจากการข่าวให้ระวังก็ไม่สามารถตั้งรับได้ทัน

ส่งผลให้ จ.ส.ต.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง เสียชีวิตทันที และ ส.ต.ต.เจษฎา พรหมรัตน์ บาดเจ็บจากกระสุนที่เจาะทะลุเกราะ

รูปแบบการโจมตีที่คล้ายยุทธวิธีการรบ การใช้ปืนกล M60 ควบคู่กับอาวุธปืนสงครามอื่นๆ พร้อมแนวโจมตียาวกว่า 80 เมตร บ่งชี้ถึงการวางแผนระดับสูง การจัดกำลังอย่างเป็นระบบ และการใช้ปืนกลหนักเป็นฐานยิงสนับสนุนแนวยิงในแบบที่คล้ายกับ “ยุทธวิธีกองโจร” ซึ่งมักพบในหน่วยรบพิเศษ

แม้เจ้าหน้าที่จะยิงตอบโต้ได้นานกว่า 15 นาที แต่ด้วยข้อเสียเปรียบด้านกำลังและอาวุธ จึงทำได้เพียงรักษาตัว ก่อนกลุ่มคนร้ายจะล่าถอยเข้าป่าลึก เหลือไว้เพียงปลอกกระสุนและความเสียหาย

ไม่ใช่ครั้งแรก M60 เคยปรากฏในพื้นที่นี้มาแล้ว...เหตุการณ์ที่ สภ.จะแนะ ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการใช้ M60 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ย้อนกลับไปช่วงปี 2550-2555 มีหลายกรณีที่พบปลอกกระสุนขนาด 7.62 มม.แบบสายพาน ในที่เกิดเหตุซุ่มยิงหรือปะทะ เช่นในพื้นที่อำเภอบาเจาะ และอำเภอธารโต

ซึ่ง...เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่ามาจากปืนกล M60 หรือ PKM

นอกจากนี้ในปี 2554 หน่วยความมั่นคงเคยยึด M60 ได้จากแหล่งพักพิงของกลุ่มติดอาวุธในอำเภอแว้ง จ.นราธิวาส และมีการระบุในรายงานข่าวกรองว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุบางกลุ่มฝึกใช้งานอาวุธชนิดนี้อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะเพื่อการซุ่มโจมตีฐานปฏิบัติการ

 แม้ในช่วงหลัง M60 จะเริ่มทยอยปลดประจำการ แต่ความเป็นไปได้ในการลักลอบครอบครองจากคลังเก็บเก่า หรือผ่านเครือข่ายค้าอาวุธชายแดนก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตา

การเข้าถึง “M60”...เป็นคำถามใหญ่ที่ต้องหาคำตอบ “M60”...ไม่ใช่อาวุธที่ประชาชนทั่วไปสามารถครอบครองได้ และแม้แต่ในหน่วยงานของรัฐก็มีเพียงบางหน่วยที่ยังใช้ประจำการ คำถามสำคัญคือ อาวุธสงครามระดับนี้หลุดเข้ามาอยู่ในมือกลุ่มติดอาวุธได้อย่างไร?

...เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาวุธเหล่านี้ ถูกลักลอบนำเข้ามาทางชายแดนภาคใต้ หรือหลุดมาจากคลังแสงของกลุ่มรัฐหรือกึ่งรัฐในภูมิภาค?

...

สัญญาณเตือนครั้งใหม่...เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การก่อเหตุธรรมดา แต่เป็นการแสดงแสนยานุภาพของกลุ่มติดอาวุธที่มีความพร้อมใช้อาวุธสงครามหนักในพื้นที่พลเรือน เป็นสิ่งสะท้อนว่า... สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีโอกาสเกิดความรุนแรงมากขึ้น

 การตอบสนองของ “ภาครัฐ” ที่เน้นทั้งการดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ การเพิ่มกำลังในพื้นที่เสี่ยงและที่สำคัญที่สุดคือการสืบสวนต้นตอของอาวุธสงครามเหล่านี้ควรดำเนินควบคู่กัน เพื่อป้องกันไม่ให้ M60 หรืออาวุธลักษณะเดียวกัน ถูกนำกลับมาใช้ในพื้นที่อีกครั้ง

ผู้รู้ในแวดวงความมั่นคงแนวชายแดน มองว่าเบื้องหลังเสียงปืนไม่ใช่แค่ความขัดแย้ง...แต่อาจมีร่องรอยของธุรกิจผิดกฎหมาย ที่ยิ่งเลี่ยงกฎหมาย ยิ่งขยายกำไรและยิ่งเติมไฟให้กับความตาย

 แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายควบคุมอาวุธอย่างเข้มงวด แต่ในรอบหลายปีที่ผ่านมาเรากลับเห็นข่าวอาวุธสงคราม “หลุดมือ” เข้าสู่ภาคประชาชน ทั้งปืน M16, ปืนกล AK-47, ระเบิดสังหาร, กระสุนหลายพันนัด สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของเล่นและไม่ใช่ของที่ซื้อขายในตลาดทั่วไป แต่คือ “ของหลุด” ที่มีที่มาที่ไปทั้งบนดิน (ทุจริต) ใต้ดิน?

...

น่าสนใจว่าการลักลอบค้าอาวุธในประเทศไทยไม่ใช่แค่การ “ซื้อขาย” ระหว่างคนธรรมดาแต่มีลักษณะเป็น “เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ” ที่ใช้ไทยเป็นทั้งทางผ่านและจุดปลายทาง

ด่านชายแดนเป็นเส้นทางอาวุธผิดกฎหมาย...เครือข่ายค้ายาเสพติดมักพ่วงอาวุธมาด้วย เพื่อแลกหรือป้องกันตัว มิติปัญหาชายแดนใต้ซับซ้อนไม่ใช่แค่เรื่องความมั่นคง แต่คือเรื่องผลประโยชน์.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม