การสั่ง “ปราบบุหรี่ไฟฟ้า” ที่กำลังแพร่หลายในหมู่นักเรียนและวัยรุ่น ถือเป็นผลงานที่จับต้องได้ของ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร หลังการประชุม ครม.วันอังคาร นายกฯแพทองธาร ได้ไปร่วมแถลงข่าวการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าลอตใหญ่ 260,000 ชิ้น มูลค่า 130 ล้านบาท ที่ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลเป็นกังวลคือสารเสพติด ที่จะนำไปผสมกับบุหรี่ไฟฟ้า เช่น ยาเค มีหลายเคสที่เกิดอันตรายถึงชีวิต สิ่งพวกนี้เป็นสารเสพติดที่ติดและเลิกยาก เวลานี้จะมุ่งจับผู้ผลิตรายใหญ่ และต้องบอกประชาชนและเยาวชนด้วยว่า เรื่องนี้คือสิ่งผิดกฎหมายบุหรี่ไฟฟ้า แพร่หลายมากในยุค รัฐบาล คสช. มีรัฐมนตรีและนักการเมืองสูบกันมาก รัฐมนตรีบางคนสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเปิดเผย ทั้งที่เป็นสินค้าผิดกฎหมาย ห้ามนำเข้าประเทศ แต่ไทยแลนด์เสียอย่าง แม้จะผิดกฎหมายก็สามารถขายกันได้อย่างเปิดเผยพล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงว่า ตั้งแต่นายกฯ มีนโยบาย ภาพรวมสามารถจับกุมได้ 800,000 ชิ้น มูลค่ารวม 200 ล้านบาท น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า แม้แต่ในรัฐสภาที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ทรงเกียรติ สส.ก็ทำผิดกฎหมายสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมายในรัฐสภาหน้าตาเฉย จนมีคนทนไม่ไหวต้องถ่ายรูปออกมาประจานสู่สังคม แต่ สส.พวกนี้ก็ไม่รู้สึกอาย ไม่ลาออก ใบหน้าคงทนมากทีเดียวโกดังบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ที่ถูกจับครั้งนี้ มีข่าวว่าเป็นของภรรยานายตำรวจ (ตำรวจอีกแล้ว) แต่ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ชี้แจงว่า เป็นการปล่อยให้เช่า เจ้าของเป็นอดีตภรรยาตำรวจ คนที่เช่าต่อคือผู้กระทำผิด โดยผู้ให้เช่าไม่ทราบ ไม่ทราบจริงหรือไม่ก็ไม่รู้การปราบบุหรี่ไฟฟ้าให้สิ้นซากไปจากประเทศไทย ผมขอเสนอ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ไว้ตรงนี้ ขอให้แก้ไขกฎหมายที่มีอยู่อย่างบูรณาการ กำหนดให้ “ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นผู้ทำผิดกฎหมายและมีความผิดด้วย” เพราะกฎหมายที่มีอยู่ยังไม่ครอบคลุม ทำให้มีการสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันอย่างแพร่หลาย จนลามเข้าไปในโรงเรียนทั่วประเทศ นักเรียนชั้นประถมก็สูบบุหรี่ไฟฟ้ากันแล้ว เป็นการทำลายอนาคตของชาติโดยตรงจากการสำรวจของ กระทรวงศึกษาฯ พบว่า ประมาณ 20% ของนักเรียนสูบบุหรี่ไฟฟ้า มีทั้งที่ อยู่ระหว่างทดลองสูบ เริ่มจะติดแล้ว และที่เสพติดแล้ว สังเกตจากเด็กที่ต้องสูบทุกวันข้อมูลจากกระทรวงศึกษาฯ ปี 2567 มีนักเรียนทั่วประเทศกว่า 6.33 ล้านคน มีนักเรียนสูบบุหรี่ไฟฟ้าและติดบุหรี่ไฟฟ้า 20% คิดเป็นนักเรียน 1.26 ล้านคน เห็นตัวเลขแล้วก็ตกตะลึง บุหรี่ไฟฟ้าเป็นล้านล้านชิ้น ลักลอบเข้ามาขายทั่วประเทศได้อย่างไร โดยเจ้าหน้าที่รัฐทั้งตำรวจ ศุลกากร สคบ. กระทรวงพาณิชย์ ไม่รู้ไม่เห็น จนนายกรัฐมนตรีต้องมีคำสั่งให้ปราบ และนับตั้งแต่นายกฯมีคำสั่งให้ปราบ ก็จับโชว์ได้เพียง 8 แสนชิ้น แต่นักเรียนทั่วประเทศสูบกันกว่า 1.26 ล้านคน ยังไม่นับประชาชนทั่วไปกฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าที่มีอยู่ก็ประหลาด ไม่มีการลงโทษผู้สูบ ทั้งที่กฎหมายก็ระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร ห้ามซื้อ ห้ามขาย ห้ามครอบครอง มีความผิดโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี 10 ปี ปรับตั้งแต่ 4 เท่าจนถึง 6 แสนบาท แต่ก็มีการ ลักลอบนำเข้าปีละหลายล้านชิ้น ขายกันอย่างเปิดเผย ขายบนทางเท้า ขายผ่านเว็บไซต์ ตำรวจจับได้ 2 แสนกว่าชิ้น ครั้งนี้ก็เพราะนายกฯสั่ง แต่ก็ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้สูบในเมื่อ บุหรี่ไฟฟ้า เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร ผู้ครอบครองก็ผิดกฎหมาย มีโทษจำคุณและโทษปรับสูง ทำไม “ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งเป็นทั้ง “ผู้ซื้อ” และ “ผู้ครอบครอง” จึงไม่ถูกลงโทษจำคุณและโทษปรับด้วย ถ้าแก้กฎหมายตรงนี้ให้สอดคล้องกัน คนจะไม่กล้าสูบบุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าจะได้หมดไปอย่างเด็ดขายเสียที อยากให้ “นายกฯอิ๊งค์” แก้ไขกฎหมายตรงนี้เป็น “ผลงานชิ้นโบแดง” เพื่อเยาวชนและประชาชน.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม