“กองปราบปราม” หอบสำนวน คดีสังหาร “สจ.โต้ง” 8 แฟ้ม เกือบ 8 พันแผ่น ส่งอัยการพิจารณา สำนวน หลังตำรวจมีความเห็น สั่งฟ้อง “โกทร” พร้อมพวกรวม 8 คน ข้อหาหนักร่วมกันฆ่าผู้อื่น มั่นใจพยานหลักฐานแน่นหนามัดตัวโกทรกับสมุนได้แน่ ด้านอัยการตั้งคณะทำงาน 3 คนเร่งพิจารณาสำนวนให้เสร็จก่อนหมดฝากขังผัดสุดท้าย 6 มี.ค. อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญายันพิจารณาสำนวนอย่างตรงไปตรงมาตามกฎหมาย
ตำรวจกองปราบปรามขนสำนวนคดีฆ่านายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ส่งพนักงานอัยการ เปิดเผยขึ้นที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 25 ก.พ. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. นำแฟ้มเอกสารสำนวนคดีการเสียชีวิตของนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ถูกนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร กับลูกสมุน ใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต สำนวนคดีมีทั้งหมด 18 แฟ้ม 7,969 แผ่น เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เพื่อส่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหาต่ออัยการ หลังพนักงานสอบสวนกองปราบปรามสรุปสำนวนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
ผู้ต้องหาที่ถูกส่งฟ้องในคดีนี้มีทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วย 1.นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร อายุ 85 ปี 2.นายธนศรัณย์กรณ์ หรือกอล์ฟ เตชะธนัตถโชติ อายุ 32 ปี 3.นายศักดิ์สิทธิ์ หรือตูน ชินวงษ์ อายุ 34 ปี 4.นายธนภัทร ส่งแสง อายุ 18 ปี 5.นายสิทธิชัย ศรีภักดี อายุ 41 ปี 6.นายภัทรนนท์ บุญชู อายุ 38 ปี 7.นายอภิสิทธิ์ สดชื่น อายุ 34 ปี และ 8.น.ส.มินช์ญารัศน์ หรือเมย์ พชรมารกุล อายุ 34 ปี ภรรยานายธนศรัณย์กรณ์ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาภายหลัง
หลังเกิดเหตุนายสุนทรหรือโกทรกับกลุ่มมือปืน 7 คนแรกถูกจับในที่เกิดเหตุ แจ้งดำเนินคดี 4 ข้อหา ประกอบด้วยข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและยุทธภัณฑ์ (เสื้อเกราะ) โดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาร่วมกันทำลาย ซ่อนเร้นซึ่งเอกสารที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และข้อหาร่วมกันอั้งยี่ซ่องโจร มีเพียง น.ส.มินช์ญารัศน์ ผู้ต้องหารายสุดท้ายที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติมและถูกตามจับกุมในเวลาต่อมาเพียงรายเดียวที่จะถูกดำเนินคดีความผิดฐานสนับสนุนช่วยเหลือบุคคลอื่นให้กระทำความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง
...
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.กล่าวว่า คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนรวบรวมเป็นสำนวนคดี 18 แฟ้ม ประกอบด้วยเอกสารหลักฐานต่างๆ 7,969 แผ่น สอบปากคำพยานบุคคลและพยานแวดล้อมต่างๆมากถึง 130 ปาก ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกส่งฟ้องมีทั้งหมด 8 คน 7 รายแรกถูกดำเนินคดีความผิดฐานร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรอง ส่วนอีกรายถูกดำเนินคดีข้อหาสนับสนุนการกระทำผิด เบื้องต้นทั้งหมดให้การปฏิเสธ
“ส่วนตัวผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่มือปืน จากเดิมเคยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมว่า กระทำผิดจริง แต่หลังแจ้งข้อหาเป็นร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรอง กลับให้การปฏิเสธ รับเพียงว่าฆ่าผู้ตายจริงแต่ไม่ได้ไตร่ตรองหรือเตรียมการมาก่อน ตรงนี้เราไม่ได้กังวลเพราะมั่นใจในพยานหลักฐานที่มี ทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พยานบุคคล พยานแวดล้อม สามารถยืนยันพฤติกรรมผู้กระทำผิดได้ว่า มีการเตรียมการวางแผนมาก่อนไม่ใช่เหตุทะเลาะวิวาทหรือเหตุซึ่งหน้า” รอง ผบก.ป.กล่าว
ถามว่า น.ส.มินช์ญารัศน์ หรือเมย์ ผู้ต้องหาคนที่ 8 ที่จับกุมเพิ่มภายหลังคือใคร ทำหน้าที่อย่างไรในขบวนการ พ.ต.อ.เอนกตอบว่า น.ส.มินช์ญารัศน์ เป็นภรรยานายธนศรัณย์กรณ์ หรือกอล์ฟ มือปืนจากแนวทางสืบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.มินช์ญารัศน์ เป็นคนคอยรายงานความเคลื่อนไหวของนายชัยเมศร์ หรือ สจ.โต้ง ให้กลุ่มมือปืนที่ซ่อนตัวรอซุ่มยิงอยู่บริเวณชั้น 2 ของตัวบ้าน หลังโอนสำนวนคดีมาอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจกองปราบฯ ย้ายผู้ต้องหาทั้ง 7 คนแรกมาคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับ น.ส.มินช์ญารัศน์ ผู้ต้องหารายล่าสุดขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
พ.ต.อ.เอนกกล่าวด้วยว่า สำหรับมูลเหตุคดีเบื้องต้นจากพยานหลักฐานที่มีอยู่เชื่อว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง ส่วนเรื่องกรอบระยะเวลาฝากขังผู้ต้องหา ขณะนี้ยังเหลืออีก 1 ฝาก เชื่อว่าแม้อัยการมีความเห็นให้กลับมาสอบเพิ่มบางประเด็น ก็ยังคงพอมีเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จทันกรอบกำหนดฝากขังวันสุดท้าย 6 มี.ค.แน่นอน
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เวลา 14.40 น. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พร้อมทีมพนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำสำนวนการสอบสวนคดีฆ่านายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง อายุ 48 ปี จำนวน 18 แฟ้มกว่า 7,900 หน้า มี น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ภรรยา สจ.โต้ง และพนักงานสอบสวน เป็นผู้กล่าวหา พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร กับพวก เป็นผู้ต้องหาที่ 1-8 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและยุทธภัณฑ์ (เสื้อเกราะ) โดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหา ร่วมกันอั้งยี่ซ่องโจร และข้อหาสนับสนุนช่วยเหลือบุคคล อื่นให้กระทำความผิด มอบสำนวนการสอบสวนให้กับนายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เพื่อพิจารณาสำนวนยื่นฟ้องต่อศาลอาญาต่อไป
นายสัญจัย จันทร์ผ่อง กล่าวว่า หลังจากนี้จะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 คน มีรองอธิบดีอัยการและตนคอยกำกับสำนวน ในส่วนระยะเวลาฝากขังฝากสุดท้าย ทางสำนักงานคดีอาญาจะพิจารณาทำคำสั่งให้ทัน เพื่อมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ตนจะพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ไม่ต้องกังวล อัยการจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามกฎหมาย หากพบว่าสำนวนส่วนไหนไม่ชัดเจนจะสั่งสอบสวนเพิ่มเติม ต้องทำให้ทันภายในกรอบระยะเวลาฝากขัง กำหนดวันสุดท้ายคือวันที่ 6 มี.ค.นี้
ต่อมานายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวผ่านเอกสารข่าวว่า สำนักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. คดีระหว่างนางณภาภัช หรือจอย อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ผู้กล่าวหาที่ 1 กับพวก นายธนศรัณย์กรณ์ เตชะธนัตถ์โชติ ผู้ต้องหาที่ 1 นายศักดิ์สิทธิ์ ชินวงษ์ ผู้ต้องหาที่ 2 นายธนภัทร ส่งแสง ผู้ต้องหาที่ 3 นายอภิสิทธิ์ สดชื่น ผู้ต้องหาที่ 4 นายสิทธิชัย ศรีภักดี ผู้ต้องหาที่ 5 นายภัทรนนท์ บุญชู ผู้ต้องหาที่ 6 นายสุนทร วิลาวัลย์ ผู้ต้องหาที่ 7 “ฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันทำให้เสียหาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่ง เอกสารใด ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, เป็นช่องโจร และนางสาวมินช์ญารัศน์ พชระมารกุล ผู้ต้องหาที่ 8 ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” โฆษก อสส.กล่าว
...
นายศักดิ์เกษมกล่าวต่อว่า ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-7 ถูกควบคุมตัวและฝากขังไว้ตามคำสั่งศาลอาญา โดยจะครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 7 วันที่ 6 มี.ค. ส่วนผู้ต้องหาที่ 8 จะครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 1 วันที่ 3 มี.ค. พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 ตามข้อกล่าวหา คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจติดตามความคืบหน้า เมื่อพนักงานอัยการที่เกี่ยวข้องพิจารณาสำนวนแล้ว สำนักงานอัยการสูงสุดจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบในโอกาสต่อไป
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่