ตำรวจคุมตัว “เอส-อาร์ท” 2 พี่น้องต้มเหล้าขาวเถื่อน ต้นเหตุ “คลัสเตอร์ยาดองมรณะ” ตาย 6 บาดเจ็บอีกจำนวนมาก ไปยื่นคำร้องฝากขังที่ศาลมีนบุรี ศาลอนุญาตตามคำร้องก่อนคุมตัวเข้าเรือนจำเพราะไร้ญาติประกันตัว เผยก่อนนำตัวฝากขังทั้งคู่ขอให้การเพิ่ม รับสารภาพเรื่องปลอมปนอาหารและความผิดตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต แต่ยังปฏิเสธข้อหาร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่า รวมทั้งรับว่าได้เปลี่ยนเจ้าซื้อเอทิลแอลกอฮอล์เป็นร้านที่มีราคาถูกกว่าอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ แต่ยืนยันว่าสารที่ซื้อมาเป็นเอทานอล
กรณีตำรวจนครบาลนำกำลังตามจับกุมนายสุรชัย หรืออาร์ท อินสาม อายุ 43 ปี นายสุรศักดิ์ หรือเอส อินสาม อายุ 46 ปี พี่ชาย ร่วมกันต้มเหล้าขาวเถื่อน ส่งให้ น.ส.ภัสส์รศา อารีจิตสุขสิริ อายุ 49 ปี หรือเจ๊ปู ผลิตยาดอง ต้นเหตุ “คลัสเตอร์ยาดองมรณะ” มีผู้เสียชีวิต 6 ราย รักษาตัวอยู่ใน รพ.ต่างๆอีก 10 ราย กลับบ้านได้แล้ว 27 ราย จับ 2 พี่น้องได้ในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา นำตัวมาสอบปากคำที่ สน.มีนบุรี แจ้ง 4 ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันพยายามฆ่า, ปลอมปนอาหาร, และ พ.ร.บ.ภาษีกรมสรรพสามิต แต่ทั้งคู่ให้การปฏิเสธตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 31 ส.ค. พ.ต.อ.อิสระ ณ พัทลุง รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี และพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี สน.นิมิตรใหม่ และ สน.บางชัน รวมทั้งคณะทำงาน ร่วมกันสอบปากคำนายสุรชัย หรืออาร์ท อินสาม อายุ 43 ปี และนายสุรศักดิ์ หรือเอส อินสาม อายุ 46 ปี 2 พี่น้องผู้ต้องหาในคดีคลัสเตอร์ยาดองมรณะ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย และบาดเจ็บหลายราย มาสอบปากคำเพิ่มเติมตลอดทั้งคืนที่ถูกคุมขังอยู่ในห้องควบคุม ตำรวจให้ข้อมูลว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนร้องไห้และมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด ช่วงเช้ามีภรรยาและญาติของผู้ต้องหาได้เข้ามาเยี่ยม แต่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
...
พ.ต.อ.อิสระ ณ พัทลุง รอง ผบก.น.3 กล่าวหลังใช้เวลาสอบปากคำกว่า 2 ชม.ว่า สอบปากคำครั้งแรกผู้ต้องหาทั้ง 2 คนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ให้การในข้อเท็จจริงว่าได้ไปซื้อเอทิลแอลกอฮอล์มาผลิตสุราส่งให้กับเจ๊ปู แต่ต่อมาเมื่อเช้านี้ผู้ต้องหาอยากจะให้การเพิ่มเติมในข้อเท็จจริง ยอมรับสารภาพเพียงข้อหาปนเปื้อนสารอาหาร และ พ.ร.บ.ภาษีกรมสรรพสามิต แต่ยังปฏิเสธข้อหาร่วมกันฆ่าและร่วมกันพยายามฆ่า จากนี้จะควบคุมทั้ง 2 คนไปฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี โดยคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เป็นคดีอุกฉกรรจ์และมีอัตราโทษสูงเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาได้ให้การเพิ่มเติมในข้อเท็จจริงว่า ได้เปลี่ยนร้านในการสั่งซื้อเอทิล
แอลกอฮอล์ ไปซื้อร้านที่มีราคาถูกกว่าอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ แต่ยังยืนยันว่าซื้อสารเอทิลแอลกอฮอล์ไม่ใช่เมทิลแอลกอฮอล์ และส่งให้เจ๊ปูในลอตวันที่18และ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ชุดสืบสวนจะขยายผลประเด็นนี้ต่อไป
ต่อมาเวลา 11.30 น. พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายขึ้นรถควบคุมส่งฝากขังครั้งแรกยังศาลอาญามีนบุรี ทั้งคู่ไม่ตอบคำถามใดๆ กล่าวเพียงว่า “ขอโทษ และเสียใจ” ก่อนถูกนำตัวขึ้นรถเดินทางไปศาลอาญามีนบุรี
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องฝากขังต่อศาล คำร้องบรรยายสรุปว่า หลังเกิดเหตุได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญามีนบุรีออกหมายจับกระทั่งจับกุมทั้งคู่ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภคอื่นใดเพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ หรือจำหน่าย หรือเสนอขายสิ่งเช่นว่านั้นเพื่อบุคคลเสพหรือใช้จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันผลิตและจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 236, 238 และ 288 พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา 153 และ 193
ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนรับสารภาพเฉพาะข้อกล่าวหาร่วมกันผลิตและจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ ทั้งนี้พนักงานสอบสวนจะต้องสอบปากคำพยานอีก 6ปาก ขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองไว้ระหว่างสอบสวนเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.-11 ก.ย. ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองแล้วไม่คัดค้านอนุญาตให้ฝากขังได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้ไม่ปรากฏญาติมายื่นคำร้องและหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวผู้ต้องหา 2 พี่น้องไปควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรีต่อไป
เย็นวันเดียวกันมีรายงานว่า สถิติ “สถานการณ์ผู้ป่วยได้รับสารพิษเมทานอล จ.กรุงเทพฯ” จากกรมการแพทย์และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า “จำนวนผู้ป่วยทั้งหมด รวม 44 ราย (เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 1 ราย) เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เป็น 7 ราย, ผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัว เหลือ 8 ราย และรักษาหายแล้ว 29 ราย อยู่ระหว่างกำลังใส่ท่อช่วยหายใจ 6 ราย แบ่งผู้ป่วยตาม รพ.ดังนี้ รพ.นพรัตนราชธานี (สีแดง) 2 ราย และ (สีเขียว) 2 ราย, รพ.ราชวิถี (สีแดง) 1 ราย, รพ.เลิดสิน (สีแดง) 1 ราย, รพ.เชียงคำ (สีแดง) 1 ราย และ รพ.เกษรมราษฎร์ รามคำแหง (สีแดง) 1 ราย รายงานข่าวระบุอีกว่า สำหรับผู้ป่วยในระบบที่เพิ่มเข้ามาอีก 1 ราย เป็นผู้ป่วยชาย ภูมิลำเนา จ.พะเยา เดินทางมาเยี่ยมลูกที่ กทม. นำเหล้าจากซุ้มหทัยราษฎร์ 33 กลับไปดื่มที่ จ.พะเยา อาการเริ่มเมื่อวันที่ 28 ส.ค.68 เป็นการดื่มครั้งสุดท้าย และเกิดอาการตาพร่า และในวันที่ 29 ส.ค.67 มีอาการเหนื่อย ไปตรวจที่ รพ.เชียงคำ จ.พะเยา ลักษณะ อาการเข้าได้กับเมทานอล (methanol intoxication on tube, HD) ส่วนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอีก 1 ราย อยู่รักษาตัวที่ รพ.นพรัตน์ ซื้อยาดองจากซุ้มสุวินทวงศ์ 1 และเข้าแอดมิดที่ รพ.เมื่อวันที่ 27 ส.ค. กระทั่งมาเสียชีวิต
...
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่