หนังสือเล่มล่าของอาจารย์ปรัชญา ปานเกตุ มามาดใหม่ มาดพ็อกเกตบุ๊ก ชื่อร้อยสีพันศัพท์ (สถาพรบุ๊คส์ มิ.ย.2567) พิมพ์สดๆร้อนๆ

ผมกระหยิ่มใจมีเรื่องเขียนเอาตัวรอดอีกหลายวัน เปิดอ่านตัวหนังสือใหญ่ ศัพท์เดียวในหน้าเดียว ที่เคยทำคือลอกของท่านไปใช้ได้ทั้งคอลัมน์ แต่งานนี้ขอแค่ใช้นำร่องเปิดเรื่อง

“หิ” คนสุพรรณหมายถึงเนอะ เช่น เข้าท่าหิ หมายถึง เข้าท่าเนอะ ดังนั้น คนระยอง จันท์ สุพรรณ ต่างก็มี “หิ” เหมือนกัน นั่นแหละหิ

ในหนังสือ 36 กลยุทธ์ธุรกิจการค้า “ตำราพิชัยสงครามฉบับธุรกิจ” (บุญศักดิ์ แสงระวี สำนักพิมพ์แสงดาว 2567) กลยุทธ์ 3 หนี คือ ยอดกลยุทธ์ สะดุดใจ คิดถึงพรรคก้าวไกล ที่มีเค้าจะถูกยุบพรรค ผมว่า “เข้าท่าหิ” ก็รีบอ่าน

ตัวบทคัมภีร์อี้จิงกล่าวไว้ว่า “ถือถอยเป็นรุก รอโอกาสทำลายข้าศึก หาใช่เป็นเรื่องผิดปกติไม่” ขยายความ...เมื่อข้าศึกเป็นฝ่ายเหนือกว่า ฝ่ายเราไม่มีทางจะชนะ

ก็มีอยู่เพียง 3 ทาง คือ ยอมจำนน ขอเจรจาสงบศึก และถอยหนี

ยอมจำนนคือความพ่ายแพ้ราบคาบ ขอเจรจาสงบศึกคือแพ้กึ่งหนึ่ง ถอยหนีมิใช่ความพ่ายแพ้ แต่มันเป็นจุดหมุนเปลี่ยน เพื่อช่วงชิงชัยชนะ

เรื่องเก่าจากพงศาวดารจีน...ปี้ไจ้แม่ทัพซ่งผู้ต่อต้านฮวนเผ่าจิน เจอข้าศึกมีกำลังมากกว่า คืนหนึ่งเขาสั่งให้ถอยทัพ  แต่ให้คงธงทิวเอาไว้ในค่าย ในขณะที่มีเสียงกลอง (รบ) ดังเป็นระยะๆ

ปี้ไจ้สั่งให้แขวนแพะหัวลง ขาแพะวางอยู่บนกอง แพะสองขาก็ซอยอยู่หน้ากลอง ทัพจินได้ยินเสียงกลอง มองไกลก็เห็นธงทิวตั้งอยู่ กว่าจะรู้ว่าทัพศัตรูหนีไปไกลก็หลายวัน นี่คือตัวอย่างที่แสดงความสันทัดในการถอย

ครั้งหนึ่งในญี่ปุ่น เศรษฐกิจก้าวหน้าเหมือนติดปีกบินหลายปี วิสาหกิจต่างขยายกิจการอย่างมโหฬาร บริษัท ฮิตาชิ ก็ได้ทุ่มทุนเพื่อการนี้ ต่อมาภาวะเศรษฐกิจซบเซา ฮิตาชิเผชิญหน้ากับผลิตภัณฑ์ค้างสต๊อก

...

โรงงานใหม่ตั้งโครง เครื่องจักรใหม่ก็มากองอยู่ท่าเรือฮิตาชิจะทำอย่างไรต่อไปดี

คนในฮิตาชิมีความเห็นแตกต่าง หนึ่งคือลงทุนต่อ สองคือหยุดไว้ก่อน

ความเห็นหนึ่ง “เราไม่ควรสายตาสั้น เห็นแต่ภาวะซบเซาปัจจุบัน เพราะไม่นานมันจะฟื้นตัว ถ้าเราหยุดตอนนี้ ต่อไปเราก็ช้ากว่าคนอื่นหนึ่งก้าว”

อีกความเห็น “หยุดลงทุนไม่ใช่เรื่องสายตาสั้น ทุ่มทุนลงไปจะไม่ได้รับผลอะไรเลยในช่วงซบเซา ไม่สู้เอาไปลงทุนด้านที่ออกดอกออกผล แม้จะไม่มากก็ยังดีกว่าจมตาย”

“หยุดลงทุนเดี๋ยวนี้ โรงงานที่สร้างค้าง เครื่องจักรในโกดังจะเป็นการสูญเปล่า”

“ลงทุนต่อ โรงงานสร้างเสร็จ เครื่องจักรติดตั้งเสร็จ กำลังผลิตใหม่เริ่ม รับคนงานใหม่ แต่ผลิตภัณฑ์ขายไม่ออก ฮิตาชิจะอยู่ได้อย่างไร การผลิตหยุด คนงานว่างงาน ค่าใช้จ่ายสูง แต่ไม่มีรายได้” เถียงจบฮิตาชิหยุดดำเนินงาน

ผลลัพธ์นับแต่ปี ค.ศ.1962 ในสามบริษัทเครื่องไฟฟ้าใหญ่ มิตซูบิชิ โตชิบามีปริมาณลดต่ำ จนถึงปี 1964 ฮิตาชิก็ยังมีปริมาณเพิ่มขึ้น

การจ่ายโบนัส...โตชิบา 6% มิตซูบิชิ 4% ฮิตาชิจ่าย 10% ปี 1966- 1970 ฮิตาชิขายดีเพิ่ม 1.7 เท่า ผลกำไรเพิ่ม 1.8 เท่า ถ้าตอนนั้นไม่ใช้กลยุทธ์หนี หยุดการลงทุน ถอยทางยุทธศาสตร์ ฮิตาชิคงไม่สามารถยืนผงาดขึ้นใหม่

อ่านถึงตรงนี้ เห็นจะต้องย้อนใช้คำ “เข้าท่าหิ” ของอาจารย์ปรัชญา ส่วนพรรคก้าวไกล หรือพรรคเพื่อไทยที่กำลังถูกเข้ามุมอับ...จะเลือกใช้อย่างไหน...เท่าที่ดูก้าวไกลถอยเพื่อสู้ เพื่อไทยเดินหน้าเต็มตัวสู้ยิบตา

ถ้าเหมือนเรื่องในหนัง การเมืองไทยมีแต่เรื่องให้ลุ้น แบบว่า มันยกร่องฟักทองแตงไทย ถ้าไม่รักไม่ลุ้นพรรคไหน ผมว่านะ!  สนุกวายป่วงเลย!

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม