เรื่องเต่าเทวดาสามพันปี เรื่องที่ 51 ในหนังสือสายธารแห่งปัญญา (หงอิ้งหมิง คนสมัยราชวงศ์หมิง เขียน บุญศักดิ์ แสงระวี เรียบเรียง สำนักพิมพ์ ก.ไก่ พ.ศ.2533) เอามาเล่าอีกกี่ครั้ง ก็ยังสนุก
วันนั้น จวงจื๊อ นักคิดผู้ยิ่งใหญ่ นั่งตกปลาสบายๆอยู่ ริมแม่น้ำผูสุ่ย ปากกำลังร้องเพลงโปรด ทันทีก็มีขุนนางจากราชสำนักฉู่สองคน เดินเข้ามาโค้งคำนับ
“มีธุระอะไร กับข้าพเจ้าหรือ?” จวงจื๊อถาม
สองขุนนางนั้นปั้นหน้ายิ้ม
“ขอแสดงความยินดีกับท่าน ท่านประมุขแคว้นฉู่ ให้พวกข้ามาบอกท่าน จะมอบกิจการบ้านเมืองให้ท่านดูแล”
คนอย่างจวงจื๊อ เป็นที่รู้กันไม่ยินดียินร้ายกับตำแหน่งใหญ่น้อย เขาเชื่อว่างานขุนนางมีแต่จะนำเรื่องจุกจิกยุ่งยาก
แต่ก็จะปฏิเสธไปตรงๆ ก็ดูจะไร้มารยาท จึงค่อยๆหาวิธีพูดจา
“ข้าได้ยินมาว่า ในแคว้นฉู่ของท่าน มีเต่าเทวดา มีอายุ มา 3 พันปี เพิ่งจะตายเมื่อไม่นาน ประมุขของท่านรักมันมาก เอาแพรพรรณห่อซากเก็บมันไว้ในหีบมิดชิด แล้วนำไปตั้งในศาลเจ้า”
เกริ่นนำแล้วจวงจื๊อก็เข้าเรื่อง
“ข้าอยากจะถามท่าน ถ้าพวกท่านเป็นเต่าเทวดา ท่านยินดีจะตายให้เอาซากไปให้คนเคารพกราบไหว้ หรือท่านอยากจะมีชีวิต ลากหางอยู่ในปลักโคลน”
สองขุนนางบอกตรงกัน ยินดีที่จะลากหางในปลักโคลน
จวงจื๊อหัวเราะ แล้วพูดว่า “ถ้าเช่นนั้น ก็ดีแล้ว พวกท่านจงกลับไปเรียนอ๋องของท่านว่า ข้าอยากจะเป็นเต่าลากหางอยู่ในปลักโคลนที่นี่”
หงอิ้งหมิงจบเรื่องจวงจื๊อ แล้วพรรณนาต่อ พ่อเฒ่าในบ้านนา ถ้าไปคุยเรื่องอาหารวิเศษของพวกผู้ดีในเมือง พูดถึงผ้าแพรผ้าต่วนหรูหรา เขาย่อมไม่เข้าใจ
แต่ถ้าคุยเรื่องน้ำร้อนน้ำชา อาหารสามัญ ผ้าฝ้ายเนื้อหยาบ ดินฟ้าอากาศ...พ่อเฒ่าก็จะคุยได้เป็นกระบุงโกย
...
ทั้งนี้ มิใช่เขาจะไม่เข้าใจความหรูโอ่อ่าของโลกในเมือง แต่เกิดจากชีวิตธรรมชาติของเขาเรียบง่าย พ่อเฒ่าไม่ยินดีที่จะไปแสวงหาการส้องเสพนอกเหนือไปจากนั้น
ดูเขาซี...เสื้อผ้า ผ้าฝ้ายหลวมๆเย็นสบาย เด็ดผักสดๆ จากสวนเป็นอาหาร บางครั้งก็ไปถอนวัชพืช ดายหญ้าพรวนดิน มองดูทิวทัศน์ภูเขา แม่น้ำ สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดเต็มที่
นี่ควรเป็นอาณาจักรอันล้ำเลิศประเสริฐสุดของชีวิตมนุษย์มิใช่หรือ?
บทสรุปสั้นๆ ร้อยเรียงเป็นภาษากวี...พ่อเฒ่าบ้านนา พูดถึงไก่ต้มเหล้าขาวก็ปรีดา ถามถึงอาหารผู้ดีก็ไม่รู้จัก พูดถึงผ้าดิบเสื้อกั๊กก็พออกพอใจ ถามถึงผ้าแพรเสื้อมังกรก็ส่ายหน้า
บริสุทธิ์ตามธรรมชาติ กิเลสจึงไม่หนาแน่น นี่คือบรมบทของชีวิตมนุษย์ที่มีความสุข
ท่านผู้นำที่ตั้งหน้าแต่จะหาเรื่องให้บ้านเมืองร่ำรวย ท่านอาจจะลืมไป ความสุขที่แท้ของมนุษย์อยู่ตรงไหนอีกด้าน ของความร่ำรวยอเนกอนันต์ ก็คือความทุกข์มหันต์ดีๆนี่เอง.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม