ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา การทำให้ผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สิทธิ... “บัตรทอง 30 บาท” เข้าถึงบริการปฐมภูมิและบริการสร้างเสริม สุขภาพและป้องกันโรค (P&P) สำหรับคนไทยทุกคนให้ “สะดวกมากยิ่งขึ้น” และ “ไม่ต้องรอคิวนาน” ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของ สปสช.สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มุ่งเน้นอย่างมาก เห็นได้จากการพยายามทำควบคู่ไปกับการเพิ่มสิทธิประโยชน์การดูแลรักษาให้ครอบคลุมโรคมากยิ่งขึ้น ภายใต้นโยบาย “นวัตกรรมบริการสาธารณสุขวิถีใหม่” (UC New Normal)หนึ่งในนั้นก็คือการเพิ่ม...“คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์” เข้ามาเป็นหน่วยบริการรับส่งต่อเฉพาะด้านในระบบบัตรทอง โดยใช้ชื่อว่า “คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น”พลิกแฟ้มข้อมูล สปสช. ระบุว่า ในปี 2563 ที่เริ่มนำร่อง มีคลินิกการพยาบาลฯ เข้าร่วมจำนวน 6 แห่ง ก่อนที่ต่อมาในปี 2564 จะนำร่องเพิ่มเติมเป็น 28 แห่ง และในปี 2565 มีการขยายการให้บริการไปทั่วประเทศ โดยมีเพิ่มขึ้นอีก 93 แห่ง จนในปี 2566 นี้...ทั่วประเทศมีมากกว่า 300 แห่งทั่วประเทศแล้ว ที่สำคัญในจำนวนคลินิกพยาบาลอบอุ่นที่ว่านี้ ยังมีหน่วยบริการของโรงเรียนผลิตแพทย์และพยาบาลอย่าง “คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล” มาเข้าร่วมเป็นเครือข่ายการให้บริการสุขภาพระดับปฐมภูมิด้วย...ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าการนำ “การให้บริการ” มาผสานกับ “องค์ความรู้” เพื่อนำไปสู่การดูแลประชาชนสิทธิบัตรทอง อันเป็นความตั้งใจตั้งแต่ก่อตั้งคลินิกการพยาบาลฯ ในปี 2565 ที่ทางคณะพยาบาลศาสตร์ ต้องการพัฒนาคลินิกพยาบาลฯ แห่งนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยบริการสุขภาพที่เข้าร่วมกับ สปสช.มุ่งหมายที่จะดูแลประชาชนในพื้นที่โดยรอบของคลินิกพยาบาลฯ อันได้แก่ เขตบางกอกน้อย และบางขุนนนท์...บวกกับความต้องการให้คลินิกพยาบาลฯ เป็นอีกพื้นที่ที่นักศึกษาพยาบาลของสถาบัน ที่มีการศึกษาด้านการพยาบาลทั้งในหลักสูตรระดับปริญญาตรี-ปริญญาโท ได้เรียนรู้ ฝึกปฏิบัติจริงในการดูแลผู้ป่วยนับรวมไปถึงใช้เป็นสถานที่ต่อยอดกับหลักสูตรเฉพาะทางสำหรับพยาบาลวิชาชีพได้เรียนรู้เพิ่มเติมก่อนออกไปดูแลประชาชนรศ.ดร.ยาใจ สิทธิมงคล ที่ปรึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ปรึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า เรายังให้นักศึกษาพยาบาลได้เห็นถึงแนวทางการทำคลินิกพยาบาล ซึ่งเป็นธุรกิจด้านสุขภาพ โดยนักศึกษาจะเห็นทั้งระบบของการจัดการคลินิกที่มุ่งเน้นประโยชน์ให้กับประชาชนพร้อมๆไปกับการสร้างรายได้จากวิชาชีพของตัวเอง ว่าจะต้องมีแนวทางอย่างไรในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงได้เห็นการทำงานของพยาบาลวิชาชีพที่เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขาที่เป็นเหมือนครูให้กับนักศึกษาพยาบาลของเรา ทั้งพยาบาลดูแลผู้สูงอายุ พยาบาลดูแลเด็ก และพยาบาลที่ดูแลด้านสุขภาพจิต เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้เป็นสิ่งที่ “คณะพยาบาลศาสตร์ ม.มหิดล” ให้ความสำคัญนอกจากนี้ คลินิกพยาบาลฯ ยังตอบโจทย์ความร่วมมือกับหน่วยงานด้านสุขภาพในพื้นที่ เพื่อทำงานร่วมกันในการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค อาทิ ศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมไปถึงหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิของโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลในเครือข่ายของมหาวิทยาลัยมหิดลย้ำว่า “คลินิกพยาบาลฯ” จะให้บริการกับผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง รวมถึงผู้ป่วยในสิทธิอื่นๆ โดยมุ่งเน้นด้านสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคหลายรายการ แต่ที่มุ่งเน้นเป็นหลัก คือ ให้บริการฝากครรภ์ ตรวจครรภ์ และ ติดตามหลังคลอด กรณีที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่าไม่ใช่ครรภ์เสี่ยงทั้งยังทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่ไม่สามารถควบคุมอาการ หรือโรคประจำตัวของตัวเองด้วยการออกไปเยี่ยมบ้าน เช่น ผู้ป่วยเบาหวานที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงจากปัจจัยหลายด้าน ผู้ป่วยที่มีปัญหาในการช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวัน ทั้งการให้อาหารทางสายยาง หรือผู้ป่วยที่ต้องเปลี่ยนสายปัสสาวะอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือความปลอดภัยของผู้ป่วยที่มารับบริการ รศ.ดร.ยาใจ บอกว่า เราให้ความมั่นใจว่าหลักสูตรของสถาบันการศึกษาพยาบาลทั่วประเทศ รวมถึงคณะพยาบาลศาสตร์ ม.มหิดลมีหลักสูตรการเรียนการสอน การอบรมในวิชาชีพพยาบาลที่ได้มาตรฐานสากล...ต้องเรียนตามหลักสูตรอย่างเข้มข้น 4 ปี“รวมถึงหลักสูตรรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคเบื้องต้น มีการฝึกภาคปฏิบัติสำหรับดูแลผู้ป่วยในทุกกลุ่มอาการและโรคจนกว่าจะผ่านมาตรฐานตามหลักสูตร” นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาฯ สปสช. เสริมว่า คลินิกพยาบาลฯ ที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิเครือข่าย สปสช. จะมีระบบเชื่อมการทำงานกับหน่วยบริการสุขภาพระดับ “ทุติยภูมิ” และ “ตติยภูมิ” เพื่อกรณีที่ต้องส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินและไม่ฉุกเฉิน ที่มีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาในระดับที่สูงขึ้น“ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองมั่นใจได้ว่า...การไปรับบริการสุขภาพที่คลินิกพยาบาลฯ หากพยาบาลที่ตรวจเบื้องต้นว่าจำเป็นต้องได้รับการดูแลเพิ่มเติมที่มากกว่าคลินิกพยาบาลฯ ทำได้ ก็จะส่งต่อผู้ป่วยทันที ซึ่ง สปสช.ได้เชื่อมระบบการส่งต่อเอาไว้ทุกที่แล้ว”ประเด็นสำคัญมีว่า...ปัจจุบันในปี 2566 มีผู้ป่วยบัตรทองเข้ารับบริการกว่า 5 หมื่นคน และมีจำนวนการเข้าใช้มากกว่า 2 แสนครั้ง ซึ่งถือว่าค่อนข้างมากน่าสนใจว่าส่วนหนึ่งเกิดจากทาง “ผู้ป่วย” เองเริ่มรับรู้ว่าถ้าเจ็บป่วยเบื้องต้น อาจไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลก็ได้ แต่เลือกไปรับบริการยังคลินิกต่างๆได้เหมือนกัน ที่สำคัญคือ...ไม่มีค่าใช้จ่ายอย่างไรก็ตาม สปสช. ยังต้องการคลินิกพยาบาลฯ ให้เข้าร่วมเป็นเครือข่ายกันมากขึ้น เพราะจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับบริการอย่างสะดวกมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยกันลดความแออัดในโรงพยาบาล ที่จะเป็นการช่วยบุคลากรทางการแพทย์ให้ได้ใช้เวลาไปกับการรักษาผู้ป่วยที่จำเป็นเร่งด่วนฝากประชาสัมพันธ์ไปยังคลินิกการพยาบาลฯทุกแห่งที่สนใจและต้องการเปิดให้บริการทั้งในเวลาและนอกเวลาสามารถประสานมายัง สปสช.เขตหรือที่สายด่วน 1330 เพื่อสมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการได้ เลขาธิการ สปสช. บอกอีกว่า ในส่วนของผู้ป่วยที่ต้องการรับบริการจากคลินิกพยาบาลฯ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่จุดไหนที่ใกล้กับที่อยู่อาศัยของตนเองก็สามารถสอบถามยังสายด่วน สปสช. 1330 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อสอบถามว่ามี “คลินิกพยาบาลฯ” หรือ “คลินิกชุมชนอบอุ่น” อื่น ที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการตั้งอยู่ที่ใดบ้าง หรือเพิ่มเพื่อนในไลน์ @nhso ที่สามารถสอบถามได้เช่นกัน“หลักประกันสุขภาพ” คือการลงทุนไม่ใช่การสงเคราะห์...หมายความว่าหากทรัพยากรคนมีสุขภาพที่ดี มีหลักประกันหากเกิดโรคภัยไข้เจ็บ ประเทศก็สามารถพัฒนาได้...ขณะเดียวกันหลักประกันสุขภาพก็ไม่ได้เป็นไปเพื่อคนยากจนเพียงอย่างเดียว แต่ทุกคนต้องมีสิทธิเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเสมอภาคถ้วนหน้าที่สำคัญ... “ทุกคน” มีส่วนร่วมในการเป็น “เจ้าของ”นับตั้งแต่โครงการ “30 บาทรักษาทุกโรค” เริ่มต้น...ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นได้ด้วยคนคนเดียวหรือด้วยระยะเวลาสั้นๆ หากแต่ต้องใช้เวลาบ่มเพาะประสบการณ์ อาศัยองค์ความรู้ ความร่วมมือจากทุกฝ่าย... เพื่อทำให้ “ระบบหลักประกันสุขภาพ” ดีขึ้นต่อเนื่องอย่างทุกวันนี้.คลิกอ่านคอลัมน์ "สกู๊ปหน้า 1" เพิ่มเติม