นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบ 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.การบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ความต้องการและความจำเป็น ให้มีวัคซีนจำนวนเพียงพอกลุ่มเป้าหมายในปี 2567 เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 มีผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยหนัก และผู้เสียชีวิตลดลง เกือบทั้งหมดยังเป็นกลุ่ม 607 จึงมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เชิญชวนกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวมารับวัคซีนโควิดประจำปี พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2.ร่างประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่องการออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค จากเดิมที่แยกเล่มเฉพาะวัคซีนโควิด-19 ปรับเป็นเอกสารฉบับรวม
3.เห็นชอบแผนปฏิบัติการระดับชาติด้านการต่อต้านวัณโรค ระยะที่ 2 พ.ศ.2566-2570 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด ซึ่งแผนปฏิบัติการนี้จะลดอัตราอุบัติการณ์วัณโรคจาก 143 ต่อประชากรแสนคน ในปี พ.ศ.2564 เหลือ 89 ต่อประชากรแสนคนในปี 2570 และ 4.ร่างประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เพิ่มเติมผู้แทนจากหน่วยงานของรัฐด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 จ.ตาก โดยเพิ่มผู้แทนจากสาธารณสุขอำเภอแม่สอด และ ผอ.รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านวังตะเคียน เพื่อให้การปฏิบัติงานที่ด่านมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ครั้งนี้เป็นประชุมนัดสุดท้ายในฐานะ รมว.สาธารณสุข ผมได้ขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อ และผู้บริหาร สธ.ทุกคน ตลอด 4 ปีที่ทำงาน ซึ่งเป็นช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ประสบการณ์ของผู้ทรงคุณวุฒิและบุคลากรสาธารณสุข ทำให้ประเทศไทยก้าวพ้นวิกฤติโควิด-19 และฟื้นฟูประเทศได้ ถือเป็นความภาคภูมิใจ ผมไม่มีวาระของรัฐมนตรี มีแต่วาระของสธ.และประชาชน ไม่ว่าผมจะอยู่หรือไม่ เป้าหมายการพัฒนา การส่งเสริมสุขภาพประชาชนยังคงอยู่ต่อไป” นายอนุทินกล่าว.
...