เมื่อวันที่ 7 พ.ค. สมาคมนิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย (IFMSA-Thailand) จัดเวทีเสวนา “ถกประเด็นบุหรี่ไฟฟ้า” โดย นพ. พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผอ.สำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ขณะนี้เยาวชนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าประมาณ 12.3% ในจำนวนนี้มีกลุ่มนักศึกษาแพทย์ ที่จะกลายเป็นแพทย์ในอนาคต จากการสำรวจในปี 2564 พบว่า มีนักศึกษาแพทย์ที่เสพบุหรี่ไฟฟ้าถึง 3.4% และเสพยาสูบทุกชนิด 4.3% ซึ่งหมายถึงนักศึกษาแพทย์ที่ต้องการเสพนิโคติน 80% จะเลือกได้รับนิโคตินผ่านทางบุหรี่ไฟฟ้า จึงอยากให้นักศึกษาแพทย์มีความรู้ไม่เพียงแต่การรักษาพยาบาล แต่รวมถึงการสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ในการที่จะช่วยให้คนไม่เป็นโรค และต้องปกป้องตัวเองไม่ให้เป็นเหยื่อการตลาดของบุหรี่ไฟฟ้าด้วย
ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผอ.ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า เด็กไทยมีแนวโน้มสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีแนวโน้มแพร่หลายในกลุ่มคนอายุน้อยเพิ่มขึ้น บุหรี่ไฟฟ้าทั้งมือหนึ่ง และมือสองมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของทารกในครรภ์ ทำให้มีความผิดปกติของระบบประสาท เป็นโรคสมาธิสั้น น้ำหนักแรกเกิดน้อยโดยเฉพาะสมองที่กำลังพัฒนาของเด็ก เพราะฉะนั้นนักศึกษาแพทย์ต้องมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อส่งต่อองค์ความรู้ และป้องกันโทษที่แฝงมากับบุหรี่ไฟฟ้า.