อาจจะเป็นคำถามที่แตกแขนงจาก กรณีที่ กสทช. ได้นำเงินกองทุนจำนวน 600 ล้านบาทไปสนับสนุน การกีฬาแห่งประเทศไทย ในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ที่ ประเทศกาตาร์ เป็นเจ้าภาพ เหมาะสมหรือไม่ ตามระเบียบทำได้หรือไม่ แล้วทำไมต้องเอางบฯ กสทช.ไปใช้ด้วย ในเมื่อเอกชนหรือทีวีพูล ก็มีขีดความสามารถที่จะดำเนินการได้ จะเก็บค่าถ่ายทอดสดหรือจะหาสปอนเซอร์ได้หรือไม่ จะขาดทุนหรือกำไรก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของธุรกิจไป ธุรกิจฟุตบอลก็รู้อยู่ว่า มีขาใหญ่ พร้อมที่จะลงทุนมากมาย ในขณะที่ เศรษฐกิจบ้านเราไม่พร้อมจะนำงบฯไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย มีคนไทยอีกไม่น้อยที่ไม่ได้ประโยชน์ความบันเทิงจากฟุตบอลโลกในเมื่อข้าวสารกรอกหม้อยังไม่มีจะกินเลย และเรื่องนี้มีการโฟกัสไปที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ที่มี ก้องศักด ยอดมณี เป็นผู้ว่าการ กกท. จู่ๆก็ตั้งงบฯการซื้อลิขสิทธิ์ไว้ที่ 1,600 ล้านในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกทั้ง 64 แมตช์
แล้วอีก 1 พันล้านจะไปหาเงินมาจากไหนจะระดมจากภาคเอกชน ก็ต้องมีเงื่อนไข เงินระดับร้อยล้านไประดมเงินจำนวนมากขนาดนั้น ต้องมีเงื่อนไขบางอย่าง ตามข่าวว่าระดมกันแล้วคาดจะได้ไม่ถึงพันล้าน ก็เลยมีข่าวตามมาอีกว่า กกท.อาจจะต่อรองขอถ่ายทอดสดแค่รอบที่ สำคัญ 16 แมตช์สุดท้าย คนไทยได้ดูไม่เต็มทั้ง 64 แมตช์ จะยุติกันอย่างไรเป็นอีกเรื่อง เผอิญว่ามีชาวเน็ตไปขุดการซื้อลิขสิทธิ์ของแต่ละประเทศมาแสดงตัวเลขเอาไว้ มีราคาไม่ถึง 1.6 พันล้าน เช่น เวียดนามดูครบทุกแมตช์แค่ 600 กว่าล้าน บางประเทศขอดูแค่รอบ 16 แมตช์สุดท้ายใช้งบแค่ 2-3 ร้อยล้านเท่านั้น งานเลยเข้า กกท.อีกรอบ
ต่อมา ผู้ว่าการ กกท. แจ้งว่าหลังจากที่มีการต่อรองกับ เอเย่นต์ของฟีฟ่า ยอมลดค่าลิขสิทธิ์ให้ 2 ล้านเหรียญ เหลือ 36 ล้านเหรียญหรือ 1,364,400,000 บาท ยังไม่ร่วมภาษีและค่าดำเนินการอีกร้อยละ 15
...
ไม่พ้นลามไปถึงเรื่องของการเมืองจนได้เมื่อมีการโพสต์ตามมาว่า ถ้าเป็น บิ๊กป้อม จะสั่งปลดผู้ว่าการ กกท. เพราะเรื่องที่ กสทช. กำหนดหลักการของ Have to ที่คนไทยควรได้ดูกีฬาระดับนานาชาติ กกท.รู้เรื่องนี้มานานแต่ไม่มีการเตรียมการอะไรไว้เลย และกำลังทำให้คนไทยเข้าใจผิดว่าเป็นใบสั่งของ บิ๊กป้อม เป็นเพราะการเมืองต้องการเอาเงินของ กสทช. มาหาเสียง โดยไม่มีการชี้แจงมาจาก ผู้ว่าการ กกท. แต่อย่างใด
ส่วนประเด็นของ เงินกองทุน กสทช. ต้องยกเครดิตให้ สำนักข่าวอิศราไปขุดข้อมูลสถานะการเงินคงเหลือของ กองทุน กทปส. คงเหลือประมาณ 2 พันกว่าล้านบาทเท่านั้น และมีการตั้งข้อสังเกตว่า ถ้านำเงินกองทุน กทปส.ไปใช้จะขัดต่อวัตถุประสงค์หรือไม่
นอกจากนี้ยังมีการนำเอาข้อมูลการวิจัยของนีลเส็น เกี่ยวกับความนิยมกีฬาของคนไทยมีความสนใจการแข่งขันกีฬาขนาดไหน ระบุว่ามีคนไทยดูกีฬา 43 ล้านคน หรือร้อยละ 84 ของประชากร รับชมทางฟรีทีวีร้อยละ 74 ชมในโซเชียลมีเดีย ร้อยละ 69 เปย์ทีวีร้อยละ 37 ที่คนไทยสนใจมากที่สุดคือ ฟุตบอลโลกร้อยละ 61 เอเชียนเกมส์ร้อยละ 54 วอลเลย์บอลคัพร้อยละ 53 ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ถือว่าเป็นการส่งความสุขให้คนไทยบนเงื่อนไขต้องทำให้โปร่งใส และไม่ทำให้คนไทยเดือดร้อนด้วย.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th