โรค “ห่า” คนไม่ทันซา โรค “ห่า” หมูระบาดซ้ำรัฐบาลทหารเฒ่า 3 ป. เลย “ยุ่งตายห่า”

เสียงก่นด่า “ห่าลาก” ลามไปทั่วบ้านทั่วเมือง ตามท้องเรื่องมหาวิกฤติเศรษฐกิจจากโควิดแสนหนักหนาสาหัส ทำมาหากินยาก ภาวะอดอยากปากแห้ง ซ้ำด้วยข้าวยากหมากแพง

กำลังจะเป็น “จุดตาย” ทางการเมือง

ตามอาการคนไทยไม่กลัว ไม่สนใจเรื่องโควิดสายพันธุ์ใหม่ ที่เริ่มมีเค้าสัญญาณ

กลายเป็นโรคประจำถิ่น ตามการศึกษาของแพทย์ระดับโลก

“โอมิครอน” ลามเร็วแต่ไม่ดุ แถมผู้คนกลัวลนลานจนชาชินซะแล้ว

“ห่าหมู” อันตรายกับสุขภาพของ “ผู้นำสามทหาร” มากกว่า เพราะจารึกประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเมืองไทย ยุครัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นผู้นำที่ทำให้ราคาหมูหน้าเขียงแพงสุด ทะลักขึ้นไปกิโลฯ ละ 240-250 บาท

ชาวบ้านร้านตลาดสวดชยันโตจนผู้นำนั่งไม่ติด “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจท็อปบูต” คิดอะไรไม่ออก บอกไม่ถูก เจอโจทย์ปราบเซียนไปไม่เป็น

จะโบ้ยให้ชาวบ้านไปกินซี่โครงไก่ เนื้อไก่ ก็ไม่ได้ เพราะไข่ไก่ เนื้อไก่ ต่อแถวจ่อขึ้นราคา

ประชาชนฐานราก “หน้าเหี่ยวหน้าแห้ง” กระทรวงเกษตรฯ กับกระทรวงพาณิชย์ “หน้ามืด”

พะยี่ห้อประชาธิปัตย์รับไปเต็มๆ

ตามระดับฝีมือบริหารของ “อู๊ดด้า” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กับ “เสี่ยต่อ” นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ

เกรดซี เกรดดี คาดหวังอะไรไม่ได้เลย

เท่าที่เห็นตามภาพข่าว เจ้ากระทรวงพาณิชย์ เกษตรฯ มัวแต่เอาเวลาไปช่วย

ลูกพรรคปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ไฟต์เดิมพันรักษาฐานปักษ์ใต้

...

เน้นเกมการเมือง ถนัดบริหารสนามเลือกตั้งมากกว่า

ไปๆมาๆบาปจะถูกโยนไปที่ข้าราชการประจำ ตามท้องเรื่องตกหนักที่กรมปศุสัตว์ เจอข้อหาปกปิดโรค “อหิวาต์หมู” ทั้งๆที่ประเทศรอบบ้านอาเซียนระบาดกันกระจาย

ปล่อยจน “ห่าลง” หมูตาย ขาดตลาด ราคาพุ่งทะลัก

ข้าราชการเป็นแพะรับบาปกรรมตกที่ประชาชนตาดำๆ

และผลกำลังสนองไปถึงรัฐบาล ตามอารมณ์ผู้นำสั่งเสียงเขียว สีหน้าขึงขัง ให้พาณิชย์ เกษตรฯ รีบจัดการปัญหาหมูแพง คาดโทษแรง มีผลต่อเก้าอี้คนที่รับผิดชอบ “บิ๊กตู่” ทั้งขู่ข้าราชการ แต่จุดหมายน่าจะอยู่ที่ด่ากระแทกชิ่ง ตบหน้าเจ้ากระทรวงพรรคร่วมรัฐบาล

ประชาธิปัตย์รับไปเนื้อๆ ตีกรรเชียงหนีไม่ออก เกษตรฯห่วย พาณิชย์ไร้น้ำยา แต่ตามเงื่อนไขสถานการณ์ในเชิงกระแส “หมูแพง” มันก็ฉุดรัฐบาล 3 ป. ลงเหวด้วยกันทั้งหมด

ฝีมือบริหารข้าวยากหมากแพง ทำคนลำบากทั้งแผ่นดิน

คุยได้อย่างเดียว คุม “มาม่า” ไม่ขึ้นราคา

ที่ซวยก็คืออาการรัฐบาล “ชำรุดยุทธ์โทรม” ดันมากำเริบหนัก ในจังหวะเลือกตั้งซ่อมพอดี

“ปักษ์ใต้” ชุมพร สงขลา น่ะยังไม่อาจวัดอะไรได้ เพราะมีปัจจัยแฝงเยอะ ทั้งบนดิน ใต้ดิน และเป็นการฟัดกันเองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐ

จุดหักเห มันอยู่ที่ ปชป.จะ “ล่อกันเอง” แรงแค่ไหน

แต่เวที “วัดกระแส” ของจริงมันอยู่ที่สนามปราบเซียนเมืองกรุง การเลือกซ่อม ส.ส.กทม.เขตหลักสี่ พื้นที่เดิมของนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส. “ตัวจี๊ด” ค่ายพลังประชารัฐ

สนามที่กระสุนดินดำ กล้วย แทบไม่มีผลต่อคะแนน แต้มที่ออกมาคือคะแนนดิบจากประชาชน เสกไม่ได้เหมือนโพลไอโอ ตัวเลขจะโชว์เลยว่า

ชาวบ้านพอใจผลงานคุมราคา “มาม่า” แค่ไหน.

“ตะวัน ทรงกลด”