ความสับสนในนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อการฟื้นฟูและเยียวยาหลังการแพร่ระบาดของโควิด–19 ถ้าดูจากทิศทางของ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะโฟกัสไปที่ การท่องเที่ยว เป็นพิเศษ เริ่มจากการ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวหลัก ต่างๆมี นโยบายเปิดประเทศด้านการท่องเที่ยว เป็นการนำร่องไปแล้ว ตระกูลแซนด์บ็อกซ์ ในพื้นที่ภาคใต้ ฝั่งอันดามัน ที่รัฐบาลประกาศหลังประชุม ครม.สัญจรที่ จ.กระบี่ จะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน ภูเก็ต กระบี่ พังงา ตรัง คาดว่าจะใช้งบประมาณนับแสนล้านบาท
เมื่อดูจากองค์ประกอบต่างๆ ทั้งทางด้านผู้ประกอบการ ความพร้อมทางด้านสาธารณสุข ความปลอดภัยในการควบคุมการแพร่ระบาด ธุรกิจโรงแรม การบริการ การขนส่งทั้งหมด เราพร้อมแค่ไหน
ถ้าเราจะตั้งเป้าที่ นักท่องเที่ยว ซึ่งในจำนวนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยตอนนี้ ส่วนใหญ่ จะเป็นการหยุดพักเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศอื่นในระยะเวลาสั้นๆ ที่เราต้องเข้าใจว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ตั้งใจจะเดินทางท่องเที่ยวจริงๆในเวลานี้ มีจำนวนน้อยถึงน้อยมาก การเดินทางในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 จึงเป็นการเดินทางในภาคส่วนของการทำธุรกิจ ทำงาน ทำธุระส่วนตัวมากกว่า
ในสภาวะที่ยากลำบากเหมือนกันทุกประเทศทั่วโลก การเอาชีวิตรอด การปรับตัวในวิถีใหม่ การใช้จ่ายการเดินทาง การท่องเที่ยว เปลี่ยนไปแน่นอน คนจะกินเที่ยวน้อยลงใช้เงินน้อยลงเพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้า โควิดจะกลับมาระบาดอีกเมื่อไหร่ รุนแรงแค่ไหน
บางประเทศต้องมีการ ประกาศล็อกดาวน์ อีกรอบโดยเฉพาะประเทศในฝั่งยุโรปที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุด พอๆกับ นักท่องเที่ยวจีน ที่กำลังมีปัญหาในเรื่องของการกักตัวและการเข้มงวดในการเดินทางเข้าออกประเทศ ดังนั้นปัจจัยที่ว่าบ้านเราจะกักตัวไม่กักตัวจะผ่อนคลายมาตรการต่างๆทั้งในการเข้าประเทศหรือการประกอบธุรกิจในประเทศอย่างไร ก็ไม่ใช่การจูงใจนักท่องเที่ยวต่างชาติในการที่จะเดินทางเข้าประเทศ
...
คาดว่าจำนวนของนักท่องเที่ยวทั่วโลกจะลดลงไปจำนวนมาก ดูจากบ้านเราก็ได้ เคยมีนักท่องเที่ยวเฉพาะ จากจีนประเทศเดียวปีละประมาณ 10 ล้านคน วันนี้เหลือเท่าไหร่ ยุโรป ตะวันออกกลางที่เป็นตลาดใหม่เหลือเท่าไหร่การออกจากบ้าน การเดินทางไม่ใช่เรื่องที่จะสะดวกง่ายดายเหมือนที่ผ่านมา
บ้านเรา การบินไทย สายการบินแห่งชาติเราพร้อมแค่ไหน ที่จะรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ เอาแค่แผนฟื้นฟูการบินไทย ยังลูกผีลูกคน แผนฟื้นฟูกิจการเพิ่งจะรายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับทราบ รัฐบาลส่งที่ปรึกษานายกฯ พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ไปขยำขยี้ ด้วยตัวเอง
การที่จะต้องกู้เงินอีก 25,000 ล้านบาท เพื่อนำมาฟื้นฟูกิจการ ในยุควิกฤติเศรษฐกิจ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น สภาพการบินไทยที่ต้องขายทรัพย์สินเพื่อการประคับประคองให้กิจการยังมีลมหายใจต่อไป ไม่ใช่เรื่องพึงประสงค์สำหรับการทำธุรกิจขนาดใหญ่
กระทรวงการคลังเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่จะตัดสินใจเรื่องการซื้อหุ้นเพิ่มทุนอย่างไรไม่พ้นหยิกเล็บเจ็บเนื้อ การที่จะรักษาความเป็นสายการบินแห่งชาติเอาไว้ไม่ใช่แค่ชื่อเรียกขานเท่านั้น แต่ต้องรักษาไว้ทั้งองคาพยพด้วย.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th