ศบค.จัดเพิ่ม ขยายล็อกดาวน์อีก 14 วัน หากไม่ดีขึ้นจัดต่อยาวถึงสิ้น ส.ค. พร้อมเพิ่มพื้นที่สีแดงเข้มอีก 16 จังหวัด มาครบทุกภาค รวมเป็น 29 จังหวัด หลังยอดติดเชื้อโควิด-19 ไทยไหลไม่หยุด ล่าสุดประเดิมเดือน 8 ของปี ผู้ป่วยใหม่ทะยานไปกว่า 1.8 หมื่นคน ตายเพิ่มอีก 133 ศพ แม้รักษาหายกลับบ้านได้สูงขึ้นกว่า 1.3 หมื่นคน แต่ยังรักษาตัวอีกกว่า 2 แสน ขณะเดียวกัน ยอมให้ร้านอาหารในห้างขายดีลิเวอรีได้ ขณะที่ “หมอโสภณ” แจงตอนนี้บุคลากรด่านหน้าฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้วกว่า 1.19 แสนคน ด้านสายการบินเจอโควิดซัดอ่วม “ไทยแอร์เอเชีย” บินไม่ไหว ประกาศเลื่อนจ่ายเงินเดือนพนักงานเดือน ก.ค.-ส.ค. เป็นเดือน ก.ย. ส่วน “การบินไทย” เหลือแค่ความทรงจำ ประกาศเทขายอสังหาฯย่านทำเลทอง 10 แห่งทั่วไทย

เข้าสู่เดือนที่ 8 ของปี 2564 แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด-19) ในประเทศ ก็ยังไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ เมื่อพบผู้ติดเชื้อเพิ่มไม่หยุด มีผู้เสียชีวิตทะลุเกินร้อยศพต่อเนื่อง แม้มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกาศล็อกดาวน์ในหลายจังหวัด และเร่งฉีดวัคซีน ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

...

รักษาตัวพุ่งกว่า 2 แสนคน

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 1 ส.ค.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,027 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 17,651 คน มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 15,147 คน การค้นหาเชิงรุก 2,514 คน เรือนจำ 374 คน และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 2 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 615,314 คน หายป่วยเพิ่มเติม 13,402 คน หายป่วยสะสม 405,322 คน อยู่ระหว่างรักษา 205,002 คน อาการหนัก 4,765 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,044 คน และมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 133 ศพ เป็นชาย 78 คน หญิง 55 คน อยู่ใน กทม. 61 คน ในจำนวนนี้ มีผู้เสียชีวิตที่บ้าน 3 ศพ ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 4,990 ศพ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่ 10 อันดับแรกคือ กทม. 2,899 คน สมุทรสาคร 1,259 คน ชลบุรี 1,147 คน สมุทรปราการ 1,113 คน นนทบุรี 723 คน นครปฐม 426 คน ปทุมธานี 417 คน อุบลราชธานี 414 คน บุรีรัมย์ 360 คน และระยอง 354 คน ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของไทย ข้อมูลวันที่ 28 ก.พ.-31 ก.ค. มีจำนวน 17,685,974 โดส ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 198,547,026 คน เสียชีวิตสะสม 4,232,892 คน ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 43

ถก ศบค.ชุดใหญ่แก้โควิด

ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.เป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 11/2564 ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากบ้านพักในกรมทหารราบที่ 1 รอ. โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ตัวแทนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษา ศบค.และฐานะประธานคณะกรรมการจัดสรรวัคซีนและที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข และตัวแทนกรมการค้าภายใน เข้าร่วม เป็นต้น

แจ้งอีก 1-2 เดือนติดเชื้อยังสูง

จากนั้นกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานสถานการณ์การติดเชื้อต่างประเทศยังสูง เช่น ประเทศอินโดนีเซีย ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มพบการ ระบาดสายพันธุ์เดลตาแล้ว ปัจจุบันมีการประกาศให้ประชาชนหันกลับมาสวมใส่หน้ากากอนามัย ขณะที่ประเทศไทย พื้นที่ กทม. เริ่มมีจำนวนผู้ป่วยลดลง และมีจำนวนเพิ่มขึ้นในต่างจังหวัด ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของไทยจะยังสูงต่อเนื่องไปอีก 1-2 เดือน ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พูดคุยและหารือเรื่องสถานการณ์ของเชื้อเดลตา ทุกฝ่ายยอมรับว่าน่าเป็นห่วงเพราะสหรัฐฯเอง ขณะนี้วัคซีนยังเอาไม่อยู่ นายกฯได้สั่งการให้หาข้อมูลสื่อสารอย่าให้ประชาชนตื่นตระหนก

เตียง รพ.รัฐ-เอกชนเต็มหมด

ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุข รายงานพบการระบาดในพื้นที่โรงงานที่กระจายไปสู่ชุมชนค่อนข้างสูง ส่วนนี้นายกฯขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจเข้มข้น เพราะส่วนใหญ่ไม่เข้ามาตรการ Bubble and Seal ที่เป็นการควบคุมการระบาดในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ นอกจากนี้ สธ.รายงานจำนวนการครองเตียงของรัฐและเอกชน มีการครองเตียงไปมากกว่า 30,000 เตียง จนเต็มเกือบทั้งหมด จำเป็นต้องเน้นย้ำมาตรการ Home Isolation และ Community Isolation จุดนี้นายกฯสั่งการให้ขยายเตียงรองรับผู้ป่วย และอย่าทำให้ประชาชนตื่นตระหนกว่าไม่มีเตียงรองรับ

...

เร่งหาไฟเซอร์อีก 30 ล.โดส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมรายงานด้วยว่าในเดือน ส.ค.จะยังคงมีวัคซีน 10 ล้านโดส ที่จะถูกจัดสรรให้ทั่วถึงกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง รวมถึงสตรีมีครรภ์ นอกจากนี้ยังได้พิจารณาการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ให้ครบ 30 ล้านโดสภายในปี 2564 จากเดิมที่มีแผนการสั่งซื้อแล้ว 20 ล้านโดส อย่างไรก็ตาม นายกฯได้สอบถามถึงการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ว่าควรเป็นไฟเซอร์หรือไม่ กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าการบูสต์เข็มที่ 3 ด้วยแอสตราเซเนกาใช้ได้และมีผลดี ทั้งนี้ นายกฯขอให้นำข้อสังเกตไปปรับพิจารณาแต่สามารถปฏิบัติได้ ขอให้ลดการเคลื่อนย้ายให้มากที่สุด แม้จะบังคับไม่ได้ แต่ต้องดำเนินการด้วยมาตรการเข้มข้น เช่น สื่อสารว่าจะช่วยลดคนป่วย การรักษา และขอให้เวิร์ก ฟรอมโฮมให้ได้มากที่สุด ช่วงท้ายนายกฯขอให้ทุกคนรับฟังกัน เปิดใจและร่วมมือกันแก้ปัญหา นายกฯยินดีรับฟังและแก้ปัญหาทุกเรื่อง

เพิ่ม 16 จว.พื้นที่สีแดงเข้ม

จากนั้นเวลา 15.30 น. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค.แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบปรับระดับพื้นที่ โดยปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จากเดิม 13 จังหวัด ได้แก่ กทม. ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา เป็น 29 จังหวัด โดยเพิ่มขึ้น 16 จังหวัด ดังนี้ กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง ส่วนขณะที่พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ปรับจาก 53 เหลือ 37 จังหวัด ดังนี้ กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ บุรีรัมย์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก มหาสารคาม ยโสธร ระนอง ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สระแก้ว สุโขทัย สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุดรธานี อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ขณะที่พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 10 จังหวัด เป็น 11 จังหวัด ดังนี้ กระบี่ นครพนม น่าน บึงกาฬ พะเยา พังงา แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน และสุราษฎร์ธานี

...

ร้านอาหารในห้างดีลิเวอรีได้

พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ห้ามออกนอกเคหสถาน 21.00-04.00 น. งดให้บริการขนส่งสาธารณะเพื่อลดการเคลื่อนย้าย การตั้งด่านตรวจสกัดระหว่างเขตจังหวัด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 5 คน ห้ามบริโภคภายในร้าน ขายได้แบบนำไปบริโภคที่อื่น งดการจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน โดยเปิดได้ไม่เกินเวลา 20.00 น. ส่วนห้างสรรพสินค้าเปิดบริการได้เฉพาะร้านอาหาร/เครื่องดื่ม ผ่านดีลิเวอรีเท่านั้น ร้านยา/เวชภัณฑ์ ซุปเปอร์มาร์เกต เปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. ปิดร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม ห้ามใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก ปิดสถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา นอกจากนี้ ขอให้มีการเวิร์ก ฟรอม โฮม ขั้นสูงสุด ถ้าเป็นไปได้ให้ 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งภาครัฐและเอกชน

พื้นที่สีแดงห้ามรวมตัวเกิน 20 คน

สำหรับมาตรการพื้นที่สีแดง พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ให้ตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ หรือจุดสกัดเพื่อตรวจคัดกรองการเดินทาง ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 20 คน บริโภคในร้านได้ เปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. แต่งดจำหน่ายและงดการดื่มสุราในร้าน ส่วนห้างสรรพสินค้าเปิดบริการได้ตามเวลาปกติ จำกัดจำนวนคน งดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม เปิดบริการได้ตามปกติ ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา เปิดบริการได้ทุกประเภท ไม่เกินเวลา 21.00 น. จัดการแข่งขันโดยจำกัดผู้ชม

...

ล็อกดาวน์ช่วงแรก 3-18 ส.ค.

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ส่วนมาตรการพื้นที่สีส้ม ไม่จำกัดการเดินทาง ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน บริโภคในร้านได้ เปิดได้ตามปกติ แต่งดจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดบริการได้ตามเวลาปกติ แต่ปิดในส่วนของเครื่องเล่นเกม สวนสนุก ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม เปิดบริการได้ตามปกติ ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติภายใต้มาตรการป้องกันโรค สถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬาเปิดบริการได้ตามปกติ ทุกประเภทจัดการแข่งขันได้ ทั้งนี้ ข้อกำหนดเหล่านี้จะเริ่มบังคับใช้วันที่ 3-18 ส.ค.นี้ จากนั้นจะมีการพิจารณาทบทวน หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นสามารถยืดไปถึง 31 ส.ค. หรือหากกิจกรรมใดที่เริ่มดีจะมีการผ่อนคลายมาตรการได้ โดยข้อกำหนดดังกล่าวจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยเร็วที่สุด และจะนำมาชี้แจงรายละเอียดต่อไป

ใช้บับเบิล&ซีลทุกกิจการ

พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการบับเบิล แอนด์ ซีล เน้นย้ำในพื้นที่ 16 จังหวัดสีแดงเข้มที่เพิ่มเข้ามา เนื่องจากกรมควบคุมโรครายงานถึงสถานการณ์จำกัดวงอยู่ในโรงงานขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ที่มีบุคลากรเกิน 500 ราย เพื่อควบคุมโรค เน้นย้ำไม่เฉพาะพื้นที่โรงงาน แคมป์ ที่มีการแพร่ระบาดเท่านั้น แต่จะครอบคลุมไปถึงบริษัทโรงงาน แคมป์ ที่ยังไม่มีการติดเชื้อด้วย ต้องทำมาตรการนี้เช่นกัน หลักการของบับเบิล แอนด์ ซีล กรมควบคุมโรคได้ออกคู่มือเป็นข้อปฏิบัติให้ทุกจังหวัดศึกษารายละเอียด โดยเน้นย้ำจัดกลุ่ม คุมไว ลดแพร่กระจาย รายได้ไม่สูญเสีย โดยที่ประชุม ศบค.ตระหนักถึงความสำคัญของแรงงานและสถานประกอบการ เนื่องจากมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยออกมาตรการนี้จะปรับให้การควบคุมโรคมีประสิทธิภาพ ในขณะที่เศรษฐกิจยังไปพร้อมกันได้ด้วย และก่อนจะประกาศมาตรการนี้ได้หารือทุกภาคส่วน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย จังหวัดและภาคเอกชน สภาอุตสาหกรรม และหอการค้าในพื้นที่ได้พยายามจะปรับมาตรการให้เป็นไปได้มากที่สุดเพื่อให้การปฏิบัติเกิดผล

ตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านสื่อสาร

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งอีกว่า ที่ประชุม ศบค.ยังได้เห็นชอบจัดตั้งสำนักงาน กสทช.เป็นศูนย์ปฏิบัติการภายในโครงสร้าง ศบค. เพื่อให้การดำเนินการตาม ข้อกำหนดฉบับที่ 29 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเหมาะสมท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความละเอียดอ่อน และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว จึงเห็นควรจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารในอินเตอร์เน็ตภายในโครงสร้าง ศบค. โดยมีเลขาธิการ กสทช. เป็นหัวหน้าศูนย์ และให้ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ดังกล่าวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ลงทะเบียนต่างชาติฉีดไฟเซอร์

วันเดียวกัน มีรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศว่า ตามที่ ศบค.เห็นชอบให้จัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาคจากรัฐบาลสหรัฐฯ 150,000 โดส ไปกระจายฉีดให้ชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศ ไทยนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2564 กระทรวงการต่างประเทศ จะเปิดลงทะเบียนชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย เพื่อรับวัคซีนเข็มแรก โดยเว็บไซต์กรมการกงสุล expatvac.consular.go.th เปิดรับลงทะเบียนชาวต่างชาติในประเทศไทย ทุกกลุ่มอายุ และทุกจังหวัด กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข จะร่วมจัดฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติที่ได้ลงทะเบียน ตามหลักเกณฑ์ความจำเป็นเร่งด่วนเดียวกับของคนไทย เช่น ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้มีโรคร้ายแรง โดยผู้ที่ลงทะเบียนไว้จะได้รับแจ้งให้ไปรับวัคซีนตามความจำเป็นเร่งด่วนและในจังหวัดที่พำนักอาศัยต่อไป ส่วนนักเรียน นักศึกษา นักกีฬา ที่มีกำหนดเดินทางไปศึกษาหรือแข่งขันกีฬาในต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุขจะประกาศแนวทางขอรับวัคซีน ให้ทราบในโอกาสต่อไป

โชว์ภาพศูนย์บางซื่อคนเบาบาง

ส่วนบรรยากาศการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ที่ตลอดเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ให้คนกลุ่มเสี่ยงวอล์กอินเข้ามาฉีดวัคซีนได้เลย ทำให้มีคนแห่มาจนเกิดสภาพความแออัดให้เห็นต่อเนื่อง แต่วันที่ 1 ส.ค.นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานอำนวยการบริหารจัดการแก้ไขสถานการณ์โควิดศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เปิดเผยว่าเมื่อเวลา 09.00 น. บรรยากาศการให้บริการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดให้ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านค่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เท่านั้นที่ได้รับการฉีด ทำให้มีจำนวนคนไม่แออัด ผู้ที่เข้ามาที่สถานีกลางเบาบางลง เนื่องจากหยุดการเปิดฉีดวอล์กอินแล้ว จากเดิมที่มีการเปิดวอล์กอินสำหรับ 4 กลุ่มเสี่ยง คือกลุ่มที่มีอายุ 75 ปีขึ้นไป กลุ่มสตรีตั้งครรภ์ กลุ่ม 7 โรคเสี่ยง และกลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกิน 100 กก.ขึ้นไป คาดว่าตลอดทั้งวันจะมีผู้ที่ได้รับการนัดหมายสามารถเข้ามาฉีดวัคซีนได้ไม่เกิน 12,000-15,000 คนเท่านั้น จากเดิมศูนย์รองรับประชาชนเข้ามารับการฉีดได้เฉลี่ยวันละ 30,000 คน ขณะเดียวกันศูนย์ฉีดวัคซีนได้มีการปรับลดการฉีดวัคซีนลงจากเดิมเฉลี่ย 3,000 คน/ชั่วโมง เหลือไม่เกิน 1,500 คน/ชั่วโมงเท่านั้น

เฉพาะคนท้องวอล์กอินได้

ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ กล่าวถึงการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ซึ่งเป็นการฉีดแบบลงทะเบียนสำหรับกลุ่มอายุ 18 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง ผ่านค่ายมือถือ ว่า บรรยากาศการรับวัคซีนกลับมาเป็นปกติเช่นเดิม ไม่มีความแออัดแต่อย่างใด เพราะเราให้ลงทะเบียนจองสิทธิ์กระจายช่วงเวลา โดยเตรียมวัคซีนไว้วันละ 20,000 โดส และวัคซีนที่ฉีดคือ วัคซีนแอสตราเซเนกา อย่างไรก็ตาม ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ยังเปิดให้หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป สามารถวอล์กอินเข้ามาฉีดได้ เพราะมีจำนวนไม่มาก ย้ำว่ามีเฉพาะหญิงตั้งครรภ์เท่านั้นที่วอล์กอินได้

ชายตายคาฟุตปาทติดโควิด

ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ใน กทม.ยังวิกฤติและมีคนล้มตายต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 1 ส.ค. ร.ต.อ.พิตติพล พุฒินาทวรพงศ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตริมถนนเจริญกรุง ใกล้ปากซอยเจริญกรุง 103 แขวงและเขตบางคอแหลม กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูชุดปฏิบัติการพิเศษโควิด-19 ที่เกิดเหตุพบร่างชาย อายุ 57 ปี นอนเสียชีวิต มีภรรยาและลูกชายคอยดูอยู่ไม่ห่าง เจ้าหน้าที่สวอบจมูกผู้ตายพบผลบวก จึงกั้นพื้นที่และฆ่าเชื้อเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ นางเอ (นามสมมติ) ภรรยาผู้ตายเปิดเผยว่า สามีเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง และมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ความดัน โดยก่อนหน้านี้บริษัทของสามีได้ให้พนักงานไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อความปลอดภัย ตรวจแล้วไม่พบเชื้อ แต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พวกตนพ่อแม่ลูกไปตรวจหาเชื้อที่ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ซ้ำอีกครั้ง สามียังมีอาการปกติไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่ามีอาการของโรคโควิด-19 มีเพียงแค่อาการปวดหลังเท่านั้น เมื่อตรวจเสร็จ เดินทางกลับบ้าน ย่านเจริญกรุง ด้วยรถโดยสารประจำทาง ขณะอยู่บนรถ สามีมีอาการอ่อนเพลีย เมื่อถึงที่หมายจุดเกิดเหตุ ตนและลูกชายช่วยพยุงสามีลงจากรถก่อนที่จะทรุดลงและเสียชีวิตริมถนนในเวลาต่อมา ขณะที่ ร.ต.อ.พิตติพลกล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะนำตัวบุคคลที่ใกล้ชิดผู้ตายไปตรวจหาเชื้อและเข้าสู่กระบวนการรักษาก่อนจะเรียกมาสอบปากคำภายหลัง ส่วนผู้เสียชีวิตจะนำร่างไปฌาปนกิจที่วัดบวรสถล (วัดดอน) ต่อไป

ตร.ลุยตรวจเชิงรุกตามชุมชน

อีกด้านหนึ่ง ที่แฟลตตำรวจลือชา ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบอุปกรณ์การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และอาหารเครื่องดื่มแก่ทีมแพทย์พยาบาล รพ.ตำรวจ จิตอาสา และผู้เข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 มีประชาชนในชุมชนซอยลือชาและตำรวจพร้อมครอบครัว เข้ารับการตรวจ 300 กว่าคน จากนั้น ผบ.ตร.ไปตรวจเยี่ยมการตรวจคัดกรองหาเชื้อให้แก่ประชาชนในชุมชนสินทวี ย่านจอมทอง ท่าข้าม และตำรวจพร้อมครอบครัวในพื้นที่ บก.น.3 จำนวน 700 กว่าคน ทั้งนี้ มีรายงานเบื้องต้นถึงผลการตรวจคัดกรองตามจุดต่างๆ อาทิ ที่จุดตรวจคัดกรอง บก.น.9 ผู้ลงทะเบียนตรวจ 769 คน ผลตรวจออก 723 คน เป็นบวกคือติดเชื้อ 36 คน จุดแฟลตลือชา ลงทะเบียน 341 คน ผลตรวจออก 328 คน ติดเชื้อ 9 คน

พบชายไร้บ้านตาย 1 ร่อแร่ 1

ต่อมาเมื่อเวลา 17.18 น. ร.ต.ท.มงกุฎ ถนอมใจ รอง สว. (สอบสวน) สน.ทองหล่อ รับแจ้งเหตุชายไร้บ้านเสียชีวิตเข้าข่ายลักษณะสุ่มเสี่ยงติดโควิด 1 ราย และอีก 1 ราย อาการสาหัส อยู่ริมถนนพระราม 4 ตรงข้ามตลาดคลองเตย ใกล้แยกคลองเตย จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร แผนกนิติเวช รพ.จุฬาฯ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูพร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษโควิด ที่เกิดเหตุบนฟุตปาทพบศพชายไม่ทราบชื่อ อายุ 45-50 ปี นั่งหลังผิงกำแพงปูนติดฟุตปาท สวมเสื้อโปโลแขนสั้นสีฟ้า มีเสื้อคลุมแขนยาวคลุมทับ กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ใกล้กันพบข้าวกล่อง 1 กล่องใส่ถุงพลาสติกวางไว้ ร่างกายไม่พบบาดแผล เสียชีวิตมาแล้ว 2-3 ชั่วโมง นอกจากนี้ ห่างจากศพแรกไปประมาณ 400 เมตร ใกล้ปากซอยเจริญสุข ถนนพระราม 4 หน้าตึกแถว 3 ชั้น บนฟุตปาท พบชายอายุประมาณ 50 ปี เป็นชายไร้บ้านเช่นกัน นอนหายใจรวยริน เจ้าหน้าที่ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กทม.สวมชุดพีพีอีเข้าช่วยเหลือให้เครื่องช่วยหายใจให้ออกซิเจนเตรียมเคลื่อนย้ายไป รพ.จุฬาฯ จากการสอบสวนทราบว่า ทั้ง 2 คน เป็นชายไร้บ้านเดินอยู่ภายในย่านตลาดคลองเตย ก่อนจะมาพบศพนอนเสียชีวิต ส่วนอีกรายอาการเป็นตายเท่ากัน

ขอรับบริจาคตู้คอนเทนเนอร์

ส่วนกรณีมีการเสนอข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ระบุ รพ.ตากสิน ขอรับบริจาคตู้คอนเทนเนอร์เพื่อเก็บศพผู้ป่วยโควิด-19 ที่ล้นห้องเก็บศพ ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายสุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กทม. ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่เนื่องจากขณะนี้มีประชาชนมาขอรับบริการรักษาที่ รพ.ตากสิน จำนวนมาก ขณะที่เตียงรองรับผู้ป่วยไม่เพียงพอ ทำให้ผู้ป่วยบางส่วนต้องนอนพักรักษาในเต็นท์ ซึ่งในเวลาที่มีฝนตกจะโดนฝนสาดเปียก ดังนั้น รพ.ตากสิน จึงประชาสัมพันธ์ขอรับบริจาคตู้คอนเทนเนอร์เพื่อมาทำห้องพักรอให้ผู้ป่วยที่ล้น รพ. ไม่ใช่นำมาเก็บศพแต่อย่างใด และคาดว่า รพ.อื่นๆจะประสบปัญหาลักษณะดังกล่าวและอาจมีความจำเป็นต้องรอรับบริจาคด้วยเช่นกัน

ไทยแอร์เอเชียเบรกจ่ายเงินเดือน

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเข้าเดือนที่ 8 ของปีนี้แต่สถานการณ์โควิด-19 ยังรุนแรง ส่งผลกระทบต่อสายการดำเนินธุรกิจของสายการบินพาณิชย์อย่างชัดเจน หลังรัฐบาลกำหนดมาตรการควบคุมการเดินทาง ทำให้สายการบินไทยแอร์เอเชียต้องหยุดให้บริการทั้งหมดเป็นการชั่วคราว ตั้งเเต่เดือน ก.ค. จนส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจสายการบิน โดยเฉพาะสภาพคล่องและเงินหมุนเวียนในบริษัทและที่ผ่านมาบริษัทได้พยายามหาเเหล่งเงินทุนต่างๆ มาตลอด แต่สถานการณ์ไม่สามารถประคองต่อไปได้ ภายนอกพัฒนาไปรุนแรงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องประกาศแจ้งมาตรการระยะสั้น เพื่อเลื่อนเเละเเบ่งจ่ายเงินเดือนพนักงาน ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 64 ออกไปจ่ายในเดือน กันยายน 64 สำหรับเดือนกรกฎาคมพนักงานระดับผู้จัดการขึ้นไป รวมถึงผู้บริหารระดับสูง เลื่อนการจ่ายเงินเดือนทั้งหมดไปในเดือนกันยายน 64 ส่วน พนักงานระดับปฏิบัติการขึ้นไป ที่ยังปฏิบัติงานจ่ายเงินเดือนร้อยละ 50 และเลื่อนการจ่ายร้อยละ 50 ที่เหลือไปในเดือนกันยายน 64 และพนักงานที่อยู่ระหว่างการพักงาน ขอเลื่อนการจ่ายเงินร้อยละ 25 ไปในเดือนกันยายน 64 เช่นกัน สำหรับเดือนสิงหาคมสายการบินจะหยุดประกอบกิจการทั้งหมดเป็นการชั่วคราว และหวังว่าในเดือนกันยายน 64 สถานการณ์ต่างๆจะปรับตัวดีขึ้น บริษัทได้รับแหล่งเงินทุนเเละทยอยกลับมาให้บริการเที่ยวบินต่างๆได้อีกครั้งจะทำให้สามารถจ่ายเงินเดือนให้พนักงานตามรอบปกติได้ต่อไป

การบินไทยเทขายอสังหาฯ

ส่วนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกประกาศขายอสังหาริมทรัพย์ ของบริษัท ผ่านเพจ TG Property For Sale ออกประกาศขายอสังหาริมทรัพย์ในทำเลทองต่างๆ ย่านหลานหลวง สีลม ดอนเมือง ภูเก็ต และอื่นๆ อย่างเช่น ขอนแก่น อุดรธานี พิษณุโลก เชียงใหม่ เชียงราย สำหรับพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่สีลม บริเวณหลานหลวง และที่ดอนเมือง อาคารรักคุณเท่าฟ้า อาคารสำนักงานสูง 2 ชั้น และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ส่วน จ.ภูเก็ต ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ เนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 72 ตารางวา จ.เชียงใหม่ ที่ดินเปล่า เนื้อที่ 15 ไร่ 2 งาน 49.5 ตารางวา อยู่ในย่านท่าอากาศยานเชียงใหม่และอาคารสำนักงาน 4 ชั้น เนื้อที่ 3 งาน 76 ตารางวา จ.เชียงราย อาคารสำนักงาน 2 ชั้น มีดาดฟ้า เนื้อที่ 3 งาน 69.1 ตารางวา จ.พิษณุโลก อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น พร้อมชั้นลอย จำนวน 3 คูหา เนื้อที่ 36.6 ตารางวา จ.อุดรธานี ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 4 แปลง เนื้อที่ 2 งาน 21.4 ตารางวา จ.ขอนแก่น อาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น 2 คูหา เนื้อที่ 64.2 ตารางวา อยู่ย่านในเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประกาศขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในจังหวัดต่างๆ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานของการบินไทยเป็นไปตามแผนฟื้นฟูการบินไทย ที่กำหนดไว้ว่าจะต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่ เป็นการหารายได้อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอาคารสำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต มีความเป็นไปได้ที่จะประกาศขายในอนาคตเช่นกัน จากเดิมจะแบ่งบางส่วนให้เช่าเป็นพื้นที่อาคารสำนักงาน

ไทยไลอ้อนแอร์หยุดกิจการ

ขณะที่สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ออกประกาศ ณ วันที่ 31 ก.ค.2564 แจ้งหยุดกิจการชั่วคราวเนื่องมาจากเหตุสุดวิสัยตามมาตรการของภาครัฐ โดยมีสาระสำคัญระบุว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ยังมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และตามที่มีประกาศมาตรการของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประกาศจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศ ในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 18 ก.ค.2564 ข้อ 3 ห้ามมิให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศปฏิบัติการบินรับส่งผู้โดยสารเข้าหรือออกพื้นที่ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.2564 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะสิ้นสุดไป หรือมีประกาศอื่นใด สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ซึ่งมีฐานปฏิบัติการในพื้นที่สีแดงเข้ม จึงไม่สามารถปฏิบัติการบินได้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.2564 จนถึงปัจจุบันและจะยังคงไม่สามารถปฏิบัติการบินได้อีกระยะหนึ่ง ด้วยเหตุดังกล่าวบริษัทจึงมีคำสั่งให้พนักงานพักงานด้วยเหตุสุดวิสัยนี้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.เป็นต้นมา โดยฝ่ายทรัพยากรบุคคลจะดำเนินการเพื่อขอรับประโยชน์ทดแทนจากสำนักงานประกันสังคมให้พนักงาน ทั้งนี้ ทางบริษัทจะพิจารณาเงินเยียวยาตามความเหมาะสมให้ต่อไป โดยจะประกาศให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ทางสายการบินฯขอให้พนักงานทุกท่านเชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการระยะสั้นเท่านั้น และเราพร้อมจะกลับมาปฏิบัติการบินทันทีเมื่อได้รับอนุญาตจากภาครัฐ ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพ สร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรงเพื่อพร้อมกลับมาปฏิบัติการบินอีกครั้ง”

ปัตตานีขยายล็อกดาวน์

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทั่วประเทศ ยิ่งนานวันยิ่งน่าห่วงในหลายพื้นที่ จ.ปัตตานี ถือว่ายังวิกฤติ ผู้ติดเชื้อใหม่ ณ วันที่ 31 ก.ค.มากถึง 344 คน ส่วนใหญ่มาจากการตรวจเชิงรุก เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ศพ ทำให้นายราชิด สุดพุ่ม ผวจ.ปัตตานี ขยายเวลาคำสั่งของมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคเพิ่มอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 ส.ค.2564 มาตรการขยายเวลาประกอบด้วย ด่านคัดกรองโควิดให้มีการตรวจเข้ม ผู้ที่จะเดินทาง ออกนอกจังหวัดต้องยื่นเอกสารรับรองความจำเป็น ส่วนผู้เดินทางเข้าจังหวัดปัตตานีต้องลงจากรถเพื่อสอบสวนและคัดกรอง โรงเรียนหรือสถาบันต่างๆ งดเปิดการเรียนการสอน งดใช้อาคารจัดกิจกรรม หรือรวมกลุ่มจัดกิจกรรม ร้านอาหาร เครื่องดื่มงดรับประทานในร้าน ตลาดนัด โต้รุ่ง ตลาดกลางคืนเปิดให้บริการจนถึง 20.00 น. งดใช้สนามกีฬา หรือสถานที่ออกกำลังกายต่างๆ และงดจัดกิจกรรมทางสังคม

สลดสาวดับไร้โอกาสเห็นหน้าลูก

ที่ จ.สุโขทัย เกิดเรื่องสลดอีก เมื่อวันที่ 1 ส.ค.เจ้าหน้าที่กู้ภัยบางแก้วสุโขทัย ได้นำร่างสาววัย 23 ปี ที่เสียชีวิตจากโควิดไปฌาปนกิจที่วัดราชธานี ต.ธานี อ.เมือง นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 17 ของจังหวัด โดยผู้ตายอยู่ อ.กงไกรลาศ ไปทำงานอยู่โรงงานอุตสาหกรรมที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม และฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเข็มแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 7 ก.ค. แต่หลังจากนั้นมีอาการไอ ไข้ขึ้นสูงและตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด เดินทางพร้อมสามีกลับมารักษาตัวที่ รพ.สุโขทัย ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. ผู้ตายกำลังตั้งท้อง มีอายุครรภ์ประมาณ 8 เดือนแล้ว แพทย์เห็นว่ามีอาการทรุดลงจึงตัดสินใจผ่าคลอดเพื่อช่วยชีวิตทารกน้อยเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้เด็กมีอาการปลอดภัยไม่พบเชื้อ แต่แม่เด็กแพทย์พบว่าเชื้อไวรัสลามไปถึงปอดแล้ว ทำให้อาการทรุดหนักและเสียชีวิตในที่สุด ยังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูก

โคราชติดเชื้อทุบสถิติต่ออีกวัน

ส่วน จ.นครราชสีมา วันที่ 1 ส.ค.พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มสูงทุบสถิติคือ 442 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้มาจากพื้นที่เสี่ยง 194 คน เป็นผู้ป่วยกลับมารักษา 84 คน และติดเชื้อในจังหวัด 144 คน ผู้ป่วยเสียชีวิตรวดอีก 3 ศพ นับเป็นรายที่ 58-60 ของจังหวัด โดยรายแรกเป็นหญิง อายุ 65 ปี ชาว อ.แก้งสนามนาง มีประวัติเดินทางมาจาก กทม.อีกสองราย เป็นชาย อายุ 78 ปี และอายุ 60 ปี อยู่ใน อ.เมือง ทั้งคู่ ขณะเดียวกัน คลัสเตอร์ตลาดเช้า หน้าศาลเจ้าพ่อรูปสวย อ.ปากช่อง ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกจากการตรวจเชิงรุกที่โรงเรียนคุรุสามัคคี 791 คน มีผลเป็นบวก 55 คน จากเดิมที่ตรวจไปก่อนหน้านี้ 752 คน เจอติดเชื้อ 49 คน เท่ากับเฉพาะคลัสเตอร์นี้เจอผู้ติดเชื้อแล้ว 104 คน

ผู้ว่าฯปูโพสต์เดือดเกณฑ์ไฟเซอร์

ด้าน จ.สมุทรสาคร ข้อมูล ณ วันที่ 1 ส.ค.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงสุดในรอบ 10 วัน มีจำนวน 1,265 คน ในจำนวนนี้เป็นคนที่อยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร 802 คน และที่เหลือเป็นคนนอกจังหวัดอีก 219 คน ส่วนติดเชื้อในกลุ่ม Bubble & Sealed พบในเรือนจำจังหวัดเพิ่ม 6 คน และผู้เสียชีวิตรายใหม่ 5 ศพ ด้านนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.สมุทรสาคร โพสต์ดุเดือด โดยใช้ชื่อหัวเรื่องว่า “ขอเผือกหน่อยเถอะ” สาระสำคัญระบุถึงนโยบายการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เข็มที่ 3 หรือบูสเตอร์โดส ที่ถือเป็นเรื่องน่ายินดี เป็นกำลังใจ แสดงออกถึงความห่วงใยได้ชัดเจน แต่พอมีการกำหนดหลักเกณฑ์การฉีดวัคซีนลอตนี้มากมาย จนนึกไม่ออกว่าจะเหลือบุคลากรทางการแพทย์ ที่ได้ฉีดวัคซีนนี้กี่คน พร้อมย้ำว่า “อย่าลืมนะครับว่า รพ.หนึ่งแห่ง ทั้งรัฐและเอกชน สำคัญหมดทั้งหมอ พยาบาล จนท. ยาม พลเปล แม่บ้าน รวมไปถึงบุคลากรของสาธารณสุขทุกระดับ ตัวเลขก็มีอยู่แล้ว ตามที่ให้จังหวัดสำรวจไป ยึดตัวเลขนั้นเถอะครับ ส่วนจะปรับวิธีการฉีดอย่างไร ให้เป็นเรื่องที่คุณหมอในจังหวัดจะคุยกันเอง หลักเกณฑ์เป็นเรื่องที่ดี แต่ในยามศึกสงครามโควิดเยี่ยงนี้ ขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ต้องมาก่อนครับ...#ผู้ว่าฯไม่ได้ฉีดด้วยนะ”

สมุทรปราการจ่อตามรอย กทม.

ขณะที่จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มที่ต้องจับตาเพราะพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากต่อเนื่องมาตลอดนับตั้งแต่ล็อกดาวน์ ได้แก่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 606 คน จำนวนนี้ส่วนหนึ่งมาจากการตรวจเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงที่พบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มหรือคลัสเตอร์ได้แก่ บ้านเช่า ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด แคมป์ไทวัสดุ อ.ปากเกร็ด บ.ไทยฮอสพิทอล อ.ปากเกร็ด ตลาดแสงจันทร์ อ.บางใหญ่ และ HQ อ.เมืองนนทบุรี ขณะที่ จ.ปทุมธานี เจออีก 417 คน แบ่งเป็นหญิง 262 คน ชาย 155 คน อายุน้อยสุดอายุ 2 เดือน มากสุด 93 ปี ส่วน จ.สมุทรปราการ จ่อวิกฤติตาม กทม. เมื่อพบผู้ติดเชื้อ ณ วันที่ 1 ส.ค. 1,113 คน เป็นคนในพื้นที่ 992 คน มาจากนอกพื้นที่ 121 คน และเสียชีวิตพุ่งเพิ่มอีก 18 ศพ และ จ.ชลบุรี พบผู้ติดเชื้อทะลุพันคนเป็นวันที่สองอยู่ที่ 1,147 คน ส่วนใหญ่พบมากใน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองชลบุรี ศรีราชา บ้านบึงและบางละมุง